ข่าวสุขภาพ
ค้นหา รพ.-คลินิก-ร้านยาทั่วไทย ร้านยาคุณภาพของฉัน บริการสุขภาพ คลินิกเอกชน งาน รพ.
บริการวัคซีนโควิด บริการตรวจโควิด
ตำแหน่งงาน
ข่าวสุขภาพทั่วไป ข่าวธุรกิจสุขภาพไทย ข่าวธุรกิจสุขภาพรอบโลก กิจกรรม-บริการ รพ.ต่างๆ สิทธิสุขภาพชาวไทย สาระความรู้สุขภาพ Health Economy ท่องเที่ยวสุขภาพ กิจกรรม ESG CSR กิจกรรม Event บริจาค
น่าสนใจไทยแลนด์
English
About us เผยแพร่เนื้อหา สถิติเว็บไซต์ สำรวจความเห็นสุขภาพ โฆษณา
healthserv.net@gmail.com

[ประกันสังคม] ผู้ประกันตนมาตรา 40 - สิทธิประโยชน์ จ่ายรายเดือน การสมัคร การเบิกเงิน-ขอคืนเงิน

[ประกันสังคม] ผู้ประกันตนมาตรา 40 - สิทธิประโยชน์ จ่ายรายเดือน การสมัคร การเบิกเงิน-ขอคืนเงิน HealthServ.net
[ประกันสังคม] ผู้ประกันตนมาตรา 40 - สิทธิประโยชน์ จ่ายรายเดือน การสมัคร การเบิกเงิน-ขอคืนเงิน ThumbMobile HealthServ.net

สิทธิประโยชน์และเงื่อนไขการเกิดสิทธิขอรับประโยชน์ทดแทนมาตรา 40 จะเกิดตามทางเลือกที่ผู้ประกันตนเลือกจ่ายในแต่ละเดือน

[ประกันสังคม] ผู้ประกันตนมาตรา 40 - สิทธิประโยชน์ จ่ายรายเดือน การสมัคร การเบิกเงิน-ขอคืนเงิน HealthServ
ตามพระราชกฤษฎีกากำหนดหลักเกณฑ์และอัตราการจ่ายเงินสมทบ ประเภทของประโยชน์ทดแทน ตลอดจนหลักเกณฑ์และเงื่อนไขแห่งสิทธิในการรับประโยชน์ทดแทนของบุคคลซึ่งสมัครเป็นผู้ประกันตน พ.ศ. 2561 และพระราชกฤษฎีกากำหนดคุณสมบัติของบุคคลซึ่งอาจสมัครเข้าเป็นผู้ประกันตน พ.ศ. 2561 มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 28 มีนาคม 2561 นั้น
 
คุณสมบัติของผู้สมัคร ผู้ประกันตนมาตรา 40
 
  1. มีสัญชาติไทย
  2. เป็นชนกลุ่มน้อยซึ่งอพยพเข้ามาอาศัยในประเทศไทย โดยมีมติคณะรัฐมนตรีผ่อนผันให้อาศัยอยู่ในประเทศไทยได้เป็นการชั่วคราวเป็นกรณีพิเศษ ที่มีบัตรประจำตัวคนซึ่งไม่มีสัญชาติไทย โดยเลขประจำตัวหลักแรกเป็นเลข 6 หรือ เลข 7
  3. เป็นบุคคลซึ่งไม่มีสัญชาติไทยที่ได้รับการผ่อนผันให้อยู่ในประเทศไทยได้เป็นการชั่วคราว   เพื่อรอการส่งกลับ ที่มีบัตรประจำตัวคนซึ่งไม่มีสัญชาติไทย โดยเลขประจำตัวหลักแรกเป็นเลข 0 ทั้งนี้ ไม่รวมถึงกรณีที่มีบัตรประจำตัวคนซึ่งไม่มีสัญชาติไทยแต่มีเลขประจำตัวหลักแรกและหลักที่สองเป็นเลข 0 (00)
  4. ผู้สมัครต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 15 ปีบริบูรณ์ และไม่เกิน 65 ปีบริบุูรณ์
  5. ไม่เป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 33 และมาตรา 39
  6. ไม่เป็นสมาชิกของกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการกรุงเทพมหานคร กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการท้องถิ่น หรือไม่เป็นสมาชิกกองทุนของรัฐวิสาหกิจหรือหน่วยงานอื่นของรัฐที่มีลักษณะอย่างเดียวกับกองทุนบำเหน็จบำนาญของส่วนราชการ รวมทั้งไม่เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐที่อยู่ภายใต้บังคับตามกฎหมายว่าด้วยบำเหน็จบำนาญข้าราชการ กฎหมายว่าด้วยบำเหน็จบำนาญข้าราชการกรุงเทพมหานคร หรือกฎหมายว่าด้วยบำเหน็จบำนาญข้าราชการท้องถิ่น
  7. หากเป็นบุคคลซึ่งเป็นผู้พิการ ให้ระบุลักษณะหรืออาการของผู้พิการโดยละเอียด (ยกเว้น  ผู้พิการทางสติปัญญาและผู้พิการที่ไม่อาจรับรู้สิทธิที่พึงจะได้รับจากการเป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 40 ไม่สามารถสมัครและขึ้นทะเบียนเป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 40 ได้)
สมัครขึ้นทะเบียน ม.40
 

สิทธิประโยชน์และเงื่อนไขการเกิดสิทธิขอรับประโยชน์ทดแทนมาตรา 40

สิทธิประโยชน์ จะเกิดตามทางเลือกที่ผู้ประกันตนเลือกจ่ายในแต่ละเดือน ดังนี้

ทางเลือก 1 : จ่าย 70 บาท/เดือน (ช่วงเดือน ส.ค. 64-ม.ค. 65​ ลดเงินสมทบเหลือ 42 บาท )
ทางเลือก 2 : จ่าย 100 บาท/เดือน (ช่วงเดือน ส.ค. 64-ม.ค. 65​​ ลดเงินสมทบเหลือ 60 บาท)
ทางเลือก 3 : จ่าย 300 บาท/เดือน (ช่วงเดือน ส.ค. 64-ม.ค. 65​​ ลดเงินสมทบเหลือ 80 บาท)

หมายเหตุ :
1)  ผู้ประกันตนทางเลือกที่ 2 และทางเลือกที่ 3 สามารถจ่ายเงินสมทบเพิ่มเติม (ออมเพิ่ม) ได้ไม่เกิน 1,000 บาท ต่อเดือน
2)  กำหนดให้รัฐบาลร่วมจ่ายเงินสมทบให้ผู้ประกันตนตามมาตรา 40 ไม่เกินกึ่งหนึ่งของเงินสมทบที่ได้รับจากผู้ประกันตน
 

และเงื่อนไขการเกิดสิทธิ จะต้องเป็นไปตามที่กำหนดในรายละเอียดของแต่ละกรณี 

 

สิทธิประโยชน์ที่จะได้รับ 5 กรณี 

แต่ละกรณีขึ้นกับทางเลือกการจ่ายเงินสมทบ 
1) กรณีประสบอันตรายหรือเจ็บป่วย
2) กรณีทุพพลภาพ
3) กรณีตาย
4) กรณีชราภาพ
5) กรณีสงเคราะห์บุตร
 
**หมายเหตุ **
มาตรา 40 ไม่คุ้มครองด้านรักษาพยาบาล แต่จะคุ้มครองด้านการขาดรายได้ ผู้ประกันตนต้องใช้สิทธิอื่นในการรักษา เช่น สิทธิรักษาของบัตรทอง [sso]
 
รายละเอียดแต่ละกรณี
 

1) กรณีประสบอันตรายหรือเจ็บป่วย

เงื่อนไขการเกิดสิทธิ : จ่ายเงินสมทบไม่น้อยกว่า 3 ใน 4 เดือน ก่อนเดือนที่ประสบอันตรายหรือเจ็บป่วย
 
ทางเลือกที่ 1 (70/ด) และ ทางเลือกที่ 2 (100/ด) 
ได้รับเงินทดแทนการขาดรายได้
(1) นอนพักรักษาตัวในโรงพยาบาลตั้งแต่ 1 วันขึ้นไป วันละ 300 บาท
(2) ไม่นอนพักรักษาตัวในโรงพยาบาล แต่มีใบรับรองแพทย์ให้หยุดพักรักษาตัวตั้งแต่ 3 วันขึ้นไป วันละ 200 บาท
(3) ไปพบแพทย์ (ผู้ป่วยนอก) และแพทย์ไม่มีความเห็นให้หยุดพักรักษาตัว หรือ ให้หยุดพักรักษาตัวไม่เกิน 2 วัน (มีใบรับรองแพทย์มาแสดง) ครั้งละ 50 บาท ไม่เกิน 3 ครั้ง ต่อปี
*ภายใน 1 ปี ได้รับสิทธิตาม (1) และ (2) รวมกันไม่เกิน 30 วันต่อปี
 
ทางเลือกที่ 3 (300/ด)
ได้รับเงินทดแทนการขาดรายได้
(1) นอนพักรักษาในโรงพยาบาลตั้งแต่ 1 วันขึ้นไป ได้รับวันละ 300 บาท
(2) ไม่นอนพักรักษาตัวในโรงพยาบาล แต่มีใบรับรองแพทย์ให้หยุดพักรักษาตัวตั้งแต่ 3 วันขึ้นไป วันละ 200 บาท
 
*ภายใน 1 ปี รับสิทธิตาม (1) และ (2) รวมกันไม่เกิน 90 วัน
 
หมายเหตุ : สิทธิการรักษาใช้สิทธิหลักประกันสุขภาพ/บัตรทอง (สปสช.) หรือสิทธิเดิมที่มีอยู่
 

2) กรณีทุพพลภาพ

เงื่อนไขการเกิดสิทธิ : 
จ่ายเงินสมทบมาแล้ว 6 เดือนใน  10 เดือน ก่อนเดือนทุพพลภาพ ได้รับ 500 บาท
จ่ายเงินสมทบมาแล้ว 12 เดือนใน 20 เดือน ก่อนเดือนทุพพลภาพ ได้รับ 650 บาท
จ่ายเงินสมทบมาแล้ว 24 เดือนใน 40 เดือน ก่อนเดือนทุพพลภาพ ได้รับ 800 บาท
จ่ายเงินสมทบมาแล้ว 36 เดือนใน 60 เดือน ก่อนเดือนทุพพลภาพ ได้รับ 1,000 บาท
 
ทางเลือกที่ 1 (70/ด) และ ทางเลือกที่ 2 (100/ด) 
ได้รับเงินทดแทนการขาดรายได้ต่อเดือน เป็นระยะเวลา 15 ปี
*เสียชีวิตระหว่างรับเงินทดแทนการขาดรายได้กรณีทุพพลภาพ ได้รับเงินค่าทำศพ 25,000 บาท
 
ทางเลือกที่ 3 (300/ด)
ได้รับเงินทดแทนการขาดรายได้ต่อเดือน ตลอดชีวิต
*เสียชีวิตระหว่างรับเงินทดแทนการขาดรายได้กรณีทุพพลภาพ ได้รับเงินค่าทำศพ 50,000 บาท
 
 

3) กรณีตาย

เงื่อนไขการเกิดสิทธิ : 
จ่ายเงินสมทบไม่น้อยกว่า 6 ใน 12 เดือน ก่อนเดือนที่ตาย ยกเว้น กรณีตายเพราะอุบัติเหตุ
หากจ่ายเงินสมทบไม่ครบ 6 ใน 12 เดือน แต่มีการจ่ายเงินสมทบ 1 ใน 6 เดือน ก่อนเดือนที่ตาย
 
ทางเลือกที่ 1 (70/ด) และ ทางเลือกที่ 2 (100/ด) 
ได้รับเงินค่าทำศพ 25,000 บาท จ่ายให้กับผู้จัดการศพ
ได้รับเงินสงเคราะห์กรณีตาย 8,000 บาท หากจ่ายเงินสมทบไม่น้อยกว่า 60 เดือน ก่อนเดือนที่ตาย
 
ทางเลือกที่ 3 (300/ด)
ได้รับเงินค่าทำศพ 50,000 บาท ก่อนเดือนที่ตาย  จ่ายให้กับผู้จัดการศพ
 
 

4) กรณีชราภาพ

เงื่อนไขการเกิดสิทธิ : เมื่ออายุครบ 60 ปีบริบูรณ์ และสิ้นสุดความเป็นผู้ประกันตน
 
ทางเลือกที่ 1 (70/ด) 
-ไม่คุ้มครอง-
 
ทางเลือกที่ 2 (100/ด) 
ได้รับเงินบำเหน็จชราภาพ (เงินสมทบ 50 บาท คูณ จำนวนเดือนที่จ่ายเงินสมทบ บวกเงินออมเพิ่ม) พร้อมผลประโยชน์ตอบแทนรายปีตามที่สำนักงานประกันสังคมกำหนด
 
ทางเลือกที่ 3 (300/ด)
ได้รับเงินบำเหน็จชราภาพ (เงินสมทบ 150 บาท คูณ จำนวนเดือนที่จ่ายเงินสมทบ บวก  เงินออมเพิ่ม) พร้อมผลประโยชน์ตอบแทนรายปีตามที่สำนักงานประกันสังคมกำหนด
 
*ผู้ประกันตนทางเลือกที่ 2 และทางเลือกที่ 3 สามารถจ่ายเงินสมทบเพิ่มเติม (ออมเพิ่ม) ได้ไม่เกิน 1,000 บาท ต่อเดือน
 
 

5) กรณีสงเคราะห์บุตร

เงื่อนไขการเกิดสิทธิ : 
จ่ายเงินสมทบไม่น้อยกว่า 24 ใน 36 เดือน ก่อนเดือนที่มีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทน
*ขณะรับเงินสงเคราะห์บุตร ต้องจ่ายเงินสมทบทุกเดือน
 
ทางเลือกที่ 1 (70/ด) และ ทางเลือกที่ 2 (100/ด) 
-ไม่คุ้มครอง-
 
ทางเลือกที่ 3 (300/ด)
ได้รับเงินสงเคราะห์บุตรรายเดือน คนละ 200 บาท คราวละไม่เกิน 2 คน บุตรอายุตั้งแต่แรกเกิดแต่ไม่เกิน 6 ปี บริบูรณ์

การสมัครและขึ้นทะเบียนเป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 40

สมัครขึ้นทะเบียน ม.40
 

หลักฐานการสมัคร

1) บัตรประจำตัวประชาชน หรือบัตรอื่นที่ทางราชการออกให้แทนบัตรประจำตัวประชาชน
2) แบบคำขอสมัครเป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 40 (สปส.1-40) กรณีไม่สามารถลงลายมือชื่อได้ ให้ใช้การประทับลายนิ้วมือแทนการลงชื่อและให้มีผู้รับรองลายมือชื่อจำนวน 2 คน

สถานที่ในการสมัคร

1) สำนักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานครพื้นที่ สำนักงานประกันสังคมจังหวัด/สาขา  ทุกแห่งทั่วประเทศ (ยกเว้นสำนักงานใหญ่ในบริเวณกระทรวงสาธารณสุข)
2) อินเตอร์เน็ต WWW.sso.go.th/section40_regist
3) บริษัทเคาน์เตอร์เซอร์วิส เซเว่น อีเลฟเว่น (7-11)

ช่องทางการชำระเงินสมทบประกันสังคมมาตรา 40

1) เคาน์เตอร์บริการ 
2) หักผ่านบัญชีเงินฝากธนาคาร
3) ช่องทางอื่น
 
ชำระงวดปัจจุบัน งวดล่วงหน้า 12 เดือน และออมเพิ่มไม่เกิน 1,000 บาท/เดือน ได้ที่ ไปรษณีย์ (ธนาณัติ)
เสียค่าธรรมเนียมตามที่ไปรษณีย์กำหนด
 
หมายเหตุ
1. การจ่ายเงินสมทบผ่านทางเคาน์เตอร์เซอร์วิส โปรดแจ้งพนักงานให้ชัดเจนว่าจะจ่ายเงินสมทบล่วงหน้าหรือจ่ายเงินออมเพิ่ม เพื่อไม่ให้จ่ายเงินผิดพลาด
2. จ่ายเงินสมทบผ่านการหักบัญชีธนาคาร ธนาคารจะหักเงินในบัญชีของผู้ประกันตน ทุกวันที่ 20 ของเดือน
3. ลืมหรือขาดส่งเงินสมทบ ไม่สามารถส่งเงินสมทบย้อนหลังได้ แต่ไม่ถือเป็นการสิ้นสุดความเป็นผู้ประกันตน สามารถส่งเงินสมทบงวดปัจจุบันและส่งเงินล่วงหน้าได้ไม่เกิน 12 เดือน
4. เงินสมทบที่ผู้ประกันตนตามมาตรา 40 จ่าย สามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้
5. ผู้ประกันตนตามมาตรา 40 ไม่ถูกตัดสิทธิรับเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ
 

การแจ้งเปลี่ยนแปลงข้อมูล

1) เมื่อเป็นผู้ประกันตนแล้ว หากมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูล เช่น เปลี่ยนคำนำหน้านามชื่อ - สกุล ที่อยู่ที่ติดต่อ เปลี่ยนแปลงสำนักงานประกันสังคมรับผิดชอบ หรือเปลี่ยนทางเลือกจ่ายเงินสมทบ เป็นต้น ให้ยื่นแบบแจ้งการเปลี่ยนแปลงข้อเท็จจริงหรือทางเลือกการจ่ายเงินสมทบผู้ประกันตนตามมาตรา 40 (สปส.1-40/1) พร้อมเอกสารที่เกี่ยวข้อง
2) กรณีขอเปลี่ยนทางเลือกการจ่ายเงินสมทบจะทำได้ปีละ 1 ครั้ง โดยเมื่อยื่นขอเปลี่ยนแปลงทางเลือกแล้ว  จะมีผลในเดือนถัดไป
3) หากไม่ประสงค์เป็นผู้ประกันตนมาตรา 40 ต่อไป (ลาออก) ให้ยื่นแบบแจ้งความจำนงไม่ประสงค์เป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 40 (สปส.1-40/2)
 


 

การเบิกสิทธิประโยชน์ทดแทน

ขั้นตอนการเบิกสิทธิประโยชน์ทดแทนและขอรับเงินคืน มาตรา 40
 
1. ยื่นแบบคำขอรับประโยชน์ทดแทนฯ (สปส. 2-01/ม.40) พร้อมหลักฐานประกอบการยื่นคำขอฯ ได้ที่สำนักงานประกันสังคมทั่วประเทศ
2. ยื่นคำขอรับประโยชน์ทดแทนภายใน 2 ปีนับแต่วันที่มีสิทธิ 
3. เมื่อผู้ประกันตนได้รับแจ้งจากสำนักงานประกันสังคมให้รับเงินประโยชน์ทดแทน ผู้ประกันตนจะต้องรับเงินภายใน 2 ปีนับแต่วันที่ได้รับแจ้ง หากไม่รับภายในกำหนด ให้เงินนั้นตกเป็นของกองทุน 
 
หลักฐานประกอบการยื่นคำขอประโยชน์ทดแทน

กรณีประสบอันตรายหรือเจ็บป่วย
1) ใบรับรองแพทย์
2) สำเนาเวชระเบียน (ถ้ามี)
3) บัตรประชาชนหรือบัตรอื่นที่หน่วยงานราชการออกให้
 
กรณีทุพพลภาพ
1) ใบรับรองแพทย์
2) สำเนาเวชระเบียน
 
กรณีตาย
เงินค่าทำศพ
1) หนังสือระบุให้เป็นผู้จัดการงานศพ(กรณีมีหนังสือระบุเป็นผู้จัดการงานศพ)
2) หลักฐานแสดงว่าเป็นผู้จัดการงานศพ
3) ใบมรณบัตร (แสดงต่อเจ้าหน้าที่)
4) บัตรประจำตัวประชาชนผู้จัดการศพ
 
เงินสงเคราะห์กรณีตาย
1) หนังสือระบุให้เป็นผู้มีสิทธิได้รับเงินสงเคราะห์ฯ (กรณีมีหนังสือระบุสิทธิ)
2) บัตรประจำตัวประชาชนของผู้มีสิทธิเงินสงเคราะห์ฯ
3) สำเนาทะเบียนสมรสของผู้ประกันตนและของบิดามารดา (กรณีจดทะเบียนสมรส)
4) สูติบัตรของบุตร หรือทะเบียนบ้านของบุตร (กรณีไม่มีบัตรประจำตัวประชาชน)
 
หมายเหตุ : เงินสงเคราะห์กรณีตาย จ่ายให้กับบุคคลซึ่งผู้ประกันตนทำหนังสือระบุให้เป็นผู้มีสิทธิได้รับเงินสงเคราะห์ หากไม่มี  ให้เฉลี่ยจ่ายให้แก่ สามี ภริยา บิดา มารดา หรือบุตรของผู้ประกันตนในจำนวนที่เท่ากัน (ซึ่งสามีหรือภริยา บิดามารดา หรือบุตร ต้องเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมาย)

กรณีเงินบำเหน็จชราภาพ 
กรณีผู้ประกันตนอายุครบ 60 ปีบริบูรณ์ และไม่ประสงค์เป็นผู้ประกันตน (ลาออก)
1) บัตรประจำตัวประชาชนหรือบัตรอื่นที่หน่วยงานราชการออกให้
 
กรณีผู้ประกันตนถึงแก่ความตาย
1) ใบมรณบัตร (แสดงต่อเจ้าหน้าที่)
2) บัตรประจำตัวประชาชนของผู้มีสิทธิรับเงินบำเหน็จชราภาพ
3) สำเนาทะเบียนสมรสของผู้ประกันตนและของบิดามารดา (กรณีจดทะเบียนสมรส)
4) สูติบัตรของบุตร หรือทะเบียนบ้านของบุตร (กรณีไม่มีบัตรประจำตัวประชาชน)
5) หนังสือระบุให้เป็นผู้มีสิทธิได้รับเงินบำเหน็จชราภาพ (กรณีผู้ประกันตนมีหนังสือระบุสิทธิ)
 
หมายเหตุ : กรณีผู้ประกันตนเสียชีวิต ให้พิจารณาจ่ายให้แก่ สามี ภริยา บิดา มารดา บุตร หรือบุคคลซึ่งผู้ประกันตนทำหนังสือระบุให้เป็นผู้มีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทนในกรณีชราภาพ โดยแบ่งจำนวนที่เท่ากัน กรณีไม่มีผู้สิทธิดังกล่าว ให้ทายาทดังต่อไปนี้ มีสิทธิได้รับเงินบำเหน็จชราภาพตามลำดับ หากบุคคลลำดับใดมีมากกว่าหนึ่งคนให้บุคคลลำดับนั้นได้รับส่วนแบ่งเท่า ๆ กัน
 
พี่น้องร่วมบิดา มารดาเดียวกัน (หากไม่มีลำดับนี้ ให้พิจารณาลำดับถัดไป)
พี่น้องร่วมบิดาหรือร่วมมารดา (หากไม่มีลำดับนี้ ให้พิจารณาลำดับถัดไป)
ปู่ ย่า ตา ยาย (หากไม่มีลำดับนี้ ให้พิจารณาลำดับถัดไป)
ลุง ป้า น้า อา
 
กรณีสงเคราะห์บุตร
 
กรณีผู้ประกันตนหญิง
1) สูติบัตรต้นฉบับของบุตร (กรณีคลอดบุตรแฝดให้แนบสูติบัตรของคู่แฝดด้วย)
2) สำเนาสมุดบัญชีเงินฝากธนาคารประเภทออมทรัพย์หน้าแรก ซึ่งมีชื่อและเลขที่บัญชีของผู้ยื่นคำขอฯ
 
กรณีผู้ประกันตนชาย
 
1) สำเนาทะเบียนสมรส หรือ สำเนาทะเบียนการหย่าพร้อมบันทึกแนบท้าย หรือ สำเนาทะเบียนรับรองบุตร หรือ สำเนาคำพิพากษา หรือ คำสั่งของศาล หรือ คำสั่งของศาลให้เป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมาย
2) สูติบัตรต้นฉบับของบุตร (กรณีคลอดบุตรแฝดให้แนบสูติบัตรของคู่แฝดด้วย)
3) สำเนาสมุดบัญชีเงินฝากธนาคารประเภทออมทรัพย์หน้าแรก ซึ่งมีชื่อและเลขที่บัญชีของผู้ยื่นคำขอฯ


 

การขอรับเงินคืน 

ขั้นตอนการขอรับเงินคืน
1. ให้ผู้ประกันตนหรือผู้มีสิทธิ ยื่นแบบคำขอรับเงินคืนกรณีต่างๆ พร้อมหลักฐานประกอบการยื่นฯ ได้ที่สำนักงานประกันสังคมทั่วประเทศ
2. ยื่นคำขอรับเงินไม่พึงชำระคืนและเงินสมทบล่วงหน้าคืน (กรณีผู้ประกันตนตามมาตรา 40 เสียชีวิต) ภายใน 1 ปีนับแต่วันที่ทราบว่ามีสิทธิรับเงินคืน หรือภายใน 10 ปี นับแต่วันที่นำส่งเงินสมทบเข้ากองทุน
 
กรณีขอรับเงินไม่พึงชำระคืน
ให้ผู้ประกันตนหรือผู้มีสิทธิยื่นแบบคำขอรับเงินไม่พึงชำระคืนผู้ประกันตนตามมาตรา 40 (สปส.1-40/5) กรณีดังนี้
1) ไม่มีคุณสมบัติเป็นผู้ประกันตน
2) ได้เป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 33 หรือ มาตรา 39
3) ผู้ประกันตนแจ้งความจำนงไม่ประสงค์เป็นผู้ประกันตน (ลาออก)
4) เปลี่ยนแปลงรูปแบบทางเลือก
5) ผู้ประกันตนเสียชีวิต
 
กรณีขอรับเงินสมทบล่วงหน้าคืน
ให้ผู้มีสิทธิยื่นแบบคำขอรับเงินสมทบล่วงหน้าคืน กรณีผู้ประกันตนตามมาตรา 40 เสียชีวิต (สปส.1-40/3)
 
กรณีขอรับเงินสมทบ และเงินสมทบที่ผู้ประกันตนจ่ายล่วงหน้า กรณียกเลิกบำนาญชราภาพ
ให้ผู้ประกันตนหรือผู้มีสิทธิยื่นแบบคำขอรับเงินสมทบ และเงินสมทบที่ผู้ประกันตนจ่ายล่วงหน้า กรณียกเลิกบำนาญชราภาพ (สปส-1-40/6)

เอกสารที่ใช้ประกอบการยื่นคำขอ

มีดังนี้
 
กรณีผู้ประกันตนมีชีวิต
1) บัตรประจำตัวประชาชนหรือบัตรอื่นที่หน่วยงานราชการออกให้ 
 
กรณีผู้ประกันตนถึงแก่ความตาย
1) บัตรประจำตัวประชาชนหรือบัตรอื่นที่หน่วยงานราชการออกให้ของผู้มีสิทธิ 
2) ทะเบียนบ้านของผู้มีสิทธิ
3) ใบมรณบัตรของผู้ประกันตน
4) ใบมรณะของคู่สมรส บิดามารดา บุตร (ถ้ามี)
5) สำเนาทะเบียนสมรสของผู้ประกันตน
6) สำเนาทะเบียนสมรสของบิดามารดาของผู้ประกันตน
7) สำเนาทะเบียนหย่าของคู่สมรส และบิดามารดาของผู้ประกันตน (ถ้ามี)
8) สูติบัตรของบุตรผู้ประกันตน
9) หนังสือจดทะเบียนรับรองบุตรบุญธรรมของผู้ประกันตน (ถ้ามี)
10) เอกสารอื่นๆ ตามความจำเป็น
 
 
สำนักงานประกันสังคม สำนักงานใหญ่
สายด่วน  1506 กระทรวงแรงงาน
E-mail : info@sso1506.com
 
[ประกันสังคม] ผู้ประกันตนมาตรา 40 - สิทธิประโยชน์ จ่ายรายเดือน การสมัคร การเบิกเงิน-ขอคืนเงิน HealthServ
ข่าว/บทความล่าสุด
เนื้อหาอ่านล่าสุด