ศาสตราจารย์ แพทย์หญิงจิรพร เหล่าธรรมทัศน์ คณบดีคณะเทคโนโลยีวิทยาศาสตร์สุขภาพ วิทยาลัยวิทยาศาสตร์การแพทย์เจ้าฟ้าจุฬาภรณ์ ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ กล่าวว่า โครงการฯ นี้ ได้รับความร่วมมือจากทุกหน่วยงานชั้นนำ แบ่งบทบาทความรับผิดชอบของแต่ละส่วน ประกอบด้วย
คณะกรรมการวิชาชีพสาขาฉุกเฉินการแพทย์ตามกฎหมายว่าด้วยการประกอบโรคศิลปะ บทบาทคือ เป็นองค์กรรับรองความรู้ในวิชาชีพของผู้สำเร็จการศึกษาปริญญาสาขาฉุกเฉินการแพทย์ ให้มีสิทธิขอขึ้นทะเบียนและรับใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบโรคศิลปะสาขาฉุกเฉินการแพทย์
วิทยาลัยแพทย์ฉุกเฉินแห่งประเทศไทย บทบาท คือ ร่วมมือในการจัดหาและเตรียมความพร้อมให้อาจารย์ผู้สอน
สถาบันฝึกอบรมความรู้ความชำนาญในการประกอบวิชาชีพเวชกรรมสาขาเวชศาสตร์ฉุกเฉินทุกแห่ง บทบาทคือ เป็นสถานที่ฝึกปฏิบัติการ และจัดหาอาจารย์ผู้สอน
กระทรวง กรม องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และสภากาชาดไทย รวมทั้งสถานพยาบาลและหน่วยปฏิบัติการอื่นตามกฎหมายว่าด้วยการแพทย์ฉุกเฉิน บทบาทคือ เป็นสถานที่ฝึกปฏิบัติการ จัดหาอาจารย์ผู้สอน และครูช่วยฝึกปฏิบัติการ รวมทั้งเป็นผู้ใช้บัณฑิต
ระยะเวลาการดำเนินการปีงบประมาณ ๒๕๖๖ - ๒๕๗๕ (เริ่มรับผู้เรียนปีงบประมาณ ๒๕๖๖ - ๒๕๗๐ เริ่มมีผู้จบการศึกษาปี ๒๕๖๘ เป็นต้นไป) จำนวนบัณฑิตที่คาดว่าจะผลิต ๑๕,๐๐๐ คน
โดยวันนี้ได้รับเกียรติจาก อธิการบดีและตัวแทน ๑๐ สถาบัน ร่วมลงนามในความร่วมมือ ประกอบด้วย
๑ สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ
๒ มหาวิทยาลัยมหิดล
๓ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
๔ มหาวิทยาลัยนวมินทราธิราช
๕ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม
๖ มหาวิทยาลัยพะเยา
๗ มหาวิทยาลัยบูรพา
๘ มหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์
๙ สถาบันพระบรมราชชนก
๑๐ วิทยาลัยวิทยาศาสตร์การแพทย์เจ้าฟ้าจุฬาภรณ์ ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์
ตั้งเป้าผลสัมฤทธิ์ บัณฑิตฉุกเฉินการแพทย์ที่จะสำเร็จการศึกษา ต้องสามารถปฏิบัติงานด้านฉุกเฉินการแพทย์ โดยครอบคลุมความรู้ทักษะ และความสามารถในระดับผู้ประกอบโรคศิลปะสาขาฉุกเฉินการแพทย์ โดยต้องมีความรู้ ทักษะ และความสามารถครอบคลุมด้านต่าง ๆ อย่างน้อยดังต่อไปนี้
ด้านคุณธรรม จริยธรรม และคุณลักษณะที่พึงประสงค์ หมายถึง ความเป็นผู้มีคุณธรรม จริยธรรม เจตคติ และกิจนิสัยที่ดี
ด้านความรู้ หมายถึง ความรู้เกี่ยวกับข้อเท็จจริง หลักการ ทฤษฎี และแนวปฏิบัติต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการแพทย์ฉุกเฉิน โดยเน้นความรู้เชิงทฤษฎีและ/หรือข้อเท็จจริงเป็นหลัก เช่น ความรู้ทางกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติงานฉุกเฉิน ระบบสุขภาพของประเทศไทย ระบบการแพทย์ฉุกเฉินของประเทศไทยและนานาชาติหลักการพื้นฐานด้านระบบคุณภาพและความปลอดภัยของผู้ป่วย รวมทั้งมาตรฐานการปฏิบัติการฉุกเฉิน
ด้านทักษะ หมายถึง ความสามารถปฏิบัติงาน ซึ่งนักปฏิบัติการฉุกเฉินการแพทย์ควรทำได้เมื่อได้รับมอบหมาย ประกอบด้วย ทักษะด้านกระบวนการคิด (Cognitive Skills) ทักษะการหยั่งรู้และความคิดสร้างสรรค์ (Logical, Intuitive, and Creative Thinking) หรือทักษะการปฏิบัติ/วิธีปฏิบัติที่มีความคล่องแคล่วและความชำนาญในการปฏิบัติตามกรอบคุณวุฒิแห่งชาติ ระดับ ๖ ได้แก่ ทักษะทางปัญญา ทักษะความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล ทักษะการวิเคราะห์เชิงตัวเลข การสื่อสาร และการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ ทักษะพิสัย
ด้านความสามารถในการประยุกต์ใช้และความรับผิดชอบ ซึ่งประกอบไปด้วยความสามารถในการสื่อสาร ภาวะผู้นำ ความรับผิดชอบ (Responsibility) และความเป็นอิสระ (Autonomy) ในการดำเนินการต่าง ๆ ได้ด้วยตนเอง เช่น ความสามารถในการตัดสินใจและความรับผิดชอบต่อตนเองและผู้อื่น
คาดว่าหลังจากนี้ ประเทศไทยจะมีหน่วยปฏิบัติการฉุกเฉินการแพทย์ระดับสูง ซึ่งมีผู้ปฏิบัติการที่เป็นผู้ประกอบโรคศิลปะสาขาฉุกเฉินการแพทย์ เพิ่มขึ้นอย่างทั่วถึง โดยเฉพาะในเขตพื้นที่หรือภูมิประเทศที่ไม่มีผู้ปฏิบัติการ หน่วยปฏิบัติการ หรือสถานพยาบาลเพียงพอ อันจะทำให้ผู้ป่วยฉุกเฉินได้รับการคุ้มครองสิทธิในการเข้าถึงระบบการแพทย์ฉุกเฉินอย่างทั่วถึง เท่าเทียม มีคุณภาพมาตรฐาน โดยได้รับการช่วยเหลือและรักษาพยาบาลที่มีประสิทธิภาพและทันต่อเหตุการณ์มากขึ้น หน่วยปฏิบัติการฉุกเฉินการแพทย์เดิมได้พัฒนาศักยภาพให้มีขีดความสามารถเพิ่มขึ้น รวมทั้งได้พัฒนาคุณภาพและมาตรฐานของหน่วยปฏิบัติการและสถานพยาบาลที่เป็นแหล่งฝึกปฏิบัติการ เรียนรู้วิธีการจัดการศึกษารูปแบบใหม่ ซึ่งผลิตบัณฑิตได้ตรงต่อความต้องการของผู้ใช้ที่สุด ด้วยการสร้างและพัฒนาเครือข่ายความร่วมมือระหว่างผู้ผลิตและผู้ใช้บัณฑิต สามารถต่อยอดการผลิตนักฉุกเฉินการแพทย์เฉพาะทางได้ และพัฒนาต้นแบบของรูปแบบการศึกษาแนวใหม่ในการผลิตบัณฑิตสายวิชาชีพด้านสุขภาพ ที่เป็นสาขาขาดแคลนของประเทศ
ข้อมูลเพิ่มเติม สอบถามและติดต่อ
คณะเทคโนโลยีวิทยาศาสตร์สุขภาพ วิทยาลัยวิทยาศาสตร์การแพทย์เจ้าฟ้าจุฬาภรณ์
ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์
ที่ตั้ง ๙๐๖ ถนนกำแพงเพชร ๖ แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กรุงเทพฯ ๑๐๒๑๐
โทร. ๐-๒๕๗๖๖๐๐๐ ต่อ ๘๗๕๓
อีเมล์ healthsciences@pccms.ac.th