ข่าวสุขภาพ
ค้นหา รพ.-คลินิก-ร้านยาทั่วไทย ร้านยาคุณภาพของฉัน บริการสุขภาพ คลินิกเอกชน งาน รพ.
บริการวัคซีนโควิด บริการตรวจโควิด
ตำแหน่งงาน
ข่าวสุขภาพทั่วไป ข่าวธุรกิจสุขภาพไทย ข่าวธุรกิจสุขภาพรอบโลก กิจกรรม-บริการ รพ.ต่างๆ สิทธิสุขภาพชาวไทย สาระความรู้สุขภาพ Health Economy ท่องเที่ยวสุขภาพ กิจกรรม ESG CSR กิจกรรม Event บริจาค
น่าสนใจไทยแลนด์
English
About us เผยแพร่เนื้อหา สถิติเว็บไซต์ สำรวจความเห็นสุขภาพ โฆษณา
healthserv.net@gmail.com

วัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า 2 แบบ ฉีดก่อน-ฉีดหลัง สัมผัสสัตว์

วัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า 2 แบบ ฉีดก่อน-ฉีดหลัง สัมผัสสัตว์ HealthServ.net
วัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า 2 แบบ ฉีดก่อน-ฉีดหลัง สัมผัสสัตว์ ThumbMobile HealthServ.net

หากพูดถึงโรคพิษสุนัขบ้าหลายคนคงนึกถึงแต่การติดเชื้อที่เกิดจากสุนัขเพียงเท่านั้น ต้องทำความเข้าใจก่อนเลยว่า โรคพิษสุนัขบ้านั้นเกิดได้จากการที่เราโดนกัด ข่วน หรือไปโดนน้ำลายของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมทุกชนิด เช่น แมว กระต่าย ลิง กระรอก หนู วัว ควาย ม้า ดังนั้นหากเราโดนสัตว์เหล่านี้กัด ข่วน หรือน้ำลายของสัตว์สัมผัสบาดแผลจะทำให้เรามีความเสี่ยงที่จะได้รับเชื้อไวรัสเรบี่ส์ (Rabies Virus) ที่เป็นสาเหตุของโรคพิษสุนัขบ้าหรือโรคกลัวน้ำได้

 แม้โรคพิษสุนัขบ้าจะยังไม่สามารถรักษาได้ แต่เราสามารถฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าได้หากพิจารณาแล้วว่าตนเองมีความเสี่ยง


แล้วเมื่อไหร่ควรฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า
 
1. ฉีดวัคซีนก่อนการสัมผัสสัตว์ (Prophylaxis)
 
สำหรับผู้ที่มีความเสี่ยงสูง เช่น สัตวแพทย์  โดยฉีด 3 ครั้ง คือ วันที่ 0, 7 และ 21 หรือ 28 หลังจากนั้นอีก 1 ปี สามารถฉีดกระตุ้นอีกครั้งเพื่อเพิ่มภูมิคุ้มกันร่างกายได้
 

2. ฉีดวัคซีนหลังการสัมผัสสัตว์

โดยพิจารณาความเสี่ยง ดังนี้
 
น้ำลาย/เลือด   
: หากสัมผัสผิวหนังที่ไม่มีแผล ไม่มีรอยถลอก ไม่ต้องฉีดวัคซีน
: หากสัมผัสผิวหนังที่มีแผล มีรอยถลอก กระเด็นเข้าตา จมูกหรือปาก ต้องฉีดวัคซีน
 
ถูกข่วน : บริเวณผิวหนัง โดยจะมีเลือดออกหรือไม่มีก็ตาม ต้องฉีดวัคซีน
 
ถูกงับ : บริเวณผิวหนังแล้วมีรอยช้ำ โดยจะมีเลือดออกหรือไม่มีก็ตาม ต้องฉีดวัคซีน
 
ถูกกัด : จนเป็นแผลมีเลือดออก ต้องฉีดวัคซีน
 

ในกรณีที่ต้องฉีดวัคซีนหลังสัมผัสสัตว์ จะพิจารณาจำนวนครั้งของการฉีดวัคซีนจากประวัติของการได้รับวัคซีนป้องกันพิษสุนัขบ้า
 
สำหรับบางคนถูกกัดหรือข่วนจนเป็นแผลและมีเลือดออก หรือถูกกัดจนเป็นแผลบริเวณใบหน้า ศีรษะ คอ มือ และนิ้วมือ หากมีแผลลึกหรือเป็นแผลในลักษณะที่ฉีกขาดมากอาจจะต้องได้รับการฉีดอิมมูโนโกลบุลิน (Immunoglobulin; IG) ร่วมด้วยเนื่องจากมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อสูง 
 
          ดังนั้นจึงควรระวังตนเองอยู่เสมอและหากถูกสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมกัด งับ ข่วน หรือโดนสารคัดหลั่งจากสัตว์นั้น ๆ ควรรีบปฐมพยาบาล โดยล้างแผลทันทีด้วยน้ำและฟอกด้วยสบู่หลายๆ ครั้ง อย่าบีบเค้นแผลหรือปิดปากแผล แต่ควรใช้โพวีโดนไอโอดีน (Povidone Iodine) เช็ดแผลเพื่อฆ่าเชื้อ แล้วรีบไปโรงพยาบาลหรือสถานีอนามัยที่ใกล้ที่สุดโดยเร็ว เพื่อรับการฉีดป้องกันบาดทะยัก ยาปฏิชีวนะ และยาแก้ปวดตามอาการ รวมถึงวัคซีนป้องกันพิษสุนัขบ้าหรืออิมมูโนโกลบุลินตามความเหมาะสม
ข่าว/บทความล่าสุด
เนื้อหาอ่านล่าสุด