ข่าวสุขภาพ
ค้นหา รพ.-คลินิก-ร้านยาทั่วไทย ร้านยาคุณภาพของฉัน บริการสุขภาพ คลินิกเอกชน งาน รพ.
บริการวัคซีนโควิด บริการตรวจโควิด
ตำแหน่งงาน
ข่าวสุขภาพทั่วไป ข่าวธุรกิจสุขภาพไทย ข่าวธุรกิจสุขภาพรอบโลก กิจกรรม-บริการ รพ.ต่างๆ สิทธิสุขภาพชาวไทย สาระความรู้สุขภาพ Health Economy ท่องเที่ยวสุขภาพ กิจกรรม ESG CSR กิจกรรม Event บริจาค
น่าสนใจไทยแลนด์
English
About us เผยแพร่เนื้อหา สถิติเว็บไซต์ สำรวจความเห็นสุขภาพ โฆษณา
healthserv.net@gmail.com

ทำความรู้จักโครงการ Covax โดยละเอียด ทุกแง่มุม

ทำความรู้จักโครงการ Covax โดยละเอียด ทุกแง่มุม HealthServ.net

WHO อนุมัติวัคซีนฉุกเฉินแล้ว 6 ชนิด แต่มีเพียงวัคซีนของไฟเซอร์และแอสตร้าเซเนกา เท่านั้นที่ได้มีการบริจาคเข้าโครงการโคแวกซ์ โดยที่โมเดิร์นนาสัญญาที่จะบริจาคให้โครงการในปี 2022 จำนวน 500 ล้านโดส​

ทำความรู้จักโครงการ Covax โดยละเอียด ทุกแง่มุม ThumbMobile HealthServ.net
ทำความรู้จักโครงการ Covax โดยละเอียด ทุกแง่มุม HealthServ
ถึงนาทีนี้ หลายคนคงเริ่มได้ยินชื่อโครงการโคแวกซ์ (Covax) กันบ้างแล้ว ตามสื่อต่างๆ หรือจากการแถลงของหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวกับข้องกับการจัดหาวัคซีน หรือหน่วยงานด้านการควบคุมป้องกันโรคโควิด ก็ตาม คำตอบที่เราควรมีคำตอบให้ตัวเองเพื่อความเข้าใจที่ชัดเจน คือ โครงการนี้คืออะไร เพื่ออะไร จำเป็นแค่ไหน แล้วไทยมีส่วนอย่างไร หรือจะได้ประโยชน์/เสียประโยชน์อย่างไร กับโครงการระดับโลกในภาวะวิกฤตโรคระบาดโควิดขณะนี้  วันนี้จึงมีรายละเอียดเรื่องนี้จากข้อมูลในสื่อต่างประเทศมานำเสนอเพื่อขยายการรับรู้และความเข้าใจ ดังนี้ 

ทำความรู้จักโครงการ Covax โดยละเอียด

บทความนี้หลักๆเลย พี่ทีมงานเป็นคนเขียนนะครับ ผมเติมอะไรนิดๆหน่อยๆเฉยๆ ขอบคุณพี่เค้ามา ณ ที่นี้ด้วย.. ที่มาของบทความนี้ก็คือ สถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป จากเดิมที่ประเทศไทยไม่ได้เข้าร่วมโครงการโคแวกซ์ในตอนต้น เนื่องด้วยเห็นว่ามีเงื่อนไขที่เข้มงวดเกินไปประกอบกับไม่มีความชัดเจนเรื่องชนิดของวัคซีนและระยะเวลาส่งมอบ และเห็นว่าการสั่งซื้อโดยตรงจากผู้ผลิตมีความยืดหยุ่นมากกว่า แต่เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคมที่ผ่านมา นายแพทย์นคร เปรมศรี ผู้อำนวยการสถาบันวัคซีนแห่งชาติ ได้แถลงว่าไทยกำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาเข้าร่วมโครงการโคแวกซ์เพื่อจัดหาวัคซีนปี 2565 ทางทีมงานก็เลยคิดว่า เราควรมาทำความรู้จักโครงการโคแวกซ์กันโดยละเอียดเสียหน่อยดีกว่า 
คำถามถัดมาหลังแต่ละคนเข้าไปอ่านก็คือ ไทยเข้าร่วมแบบไหนกันแน่ระหว่าง สัญญาซื้อขายแบบผูกมัด (Committed Purchase Arrangement) หรือ สัญญาซื้อขายแบบมีทางเลือก (Optional Purchase Arrangement) อันนี้ยังตอบกันไม่ได้จริงๆครับ เพราะยังไม่มีข้อมูลที่ชัดเจน คงต้องรออีกซักพัก
 
 

ที่มาของโครงการโคแวกซ์​

​เป็นที่แน่ชัดตั้งแต่ช่วงต้นของการระบาดโรคโควิด 19 ว่าวั ​ คซีนและการเข้าถึงวัคซีนของทุกคนเป็นปัจจัยสำคัญที่สุดในการเอาชนะวิกฤติโรคระบาดของโลกในครั้งนี้ ซึ่งความคิดนี้เป็นที่มาของการเกิดโครงการ Covax (COVID-19 Vaccines Global Access) ​
โครงการโคแวกซ์ เป็นความร่วมมือระหว่างองค์กรพันธมิตรเพื่อวัคซีนกาวี (Gavi) องค์การอนามัยโลก ​
(WHO) และกลุ่มพันธมิตรความร่วมมือด้านนวัตกรรมเพื่อรับมือโรคระบาด Coalition for Epidemic Preparedness Innovations : CEPI โดยมี 184 ประเทศทั่วโลกเข้าร่วมโครงการ คิดเป็นประชากรรวมกันถึงสองในสามของประชากรโลก ในจำนวนนี้มี 92 ประเทศ ที่นับเป็นประเทศยากจนที่มีสิทธิ์ได้รับวัคซีนฟรี ที่เหลือเป็นประเทศร่ำรวยที่เข้าร่วมในฐานะประเทศผู้บริจาค และประเทศกำลังพัฒนารายได้ปานกลาง ที่มี Covax เป็นตัวกลางในการสนับสนุนงานวิจัยพัฒนา การผลิตวัคซีน และการเจรจาต่อรองราคาวัคซีน ​ โดยทุกประเทศที่เข้าร่วมโครงการสามารถได้รับวัคซีนโดยไม่คำนึงถึงฐานะความมั่งคั่งของประเทศ Covax ตั้งเป้าหมายที่จะกระจายวัคซีนให้กับประชากร 20% ของประเทศที่มีฐานะยากจนจำนวน 92 ประเทศ และมีเป้าหมายในการกระจายวัคซีนจำนวน 2000 ล้านโดส ให้ทั่วโลกภายในปี 2021 และจำนวน 1800 ล้านโดสให้กับประเทศยากจน 92 ประเทศภายในต้นปี 2022​
 

ทำไมต้องมี Covax​?

​ภาวะโรคระบาดรอบโลกที่เรากำลังประสบอยู่นี้แสดงให้เห็นว่า แม้ประเทศร่ำรวยจะได้วัคซีนไปมากมายในการฉีดให้ประชากรของตน แต่หากในส่วนอื่นๆของโลกยังไม่สามารถเข้าถึงวัคซีนได้อย่างทั่วถึงนั้น ภาวะโรคระบาดก็จะไม่มีวันหมดไปได้ กล่าวคือ ถ้าปราศจากโคแวกซ์แล้ว ก็มีความเป็นไปได้อย่างมากที่ประชากรส่วนใหญ่ของโลกจะไม่ได้รับฉีดวัคซีนป้องกันเชื้อโควิด 19 ซึ่งจะทำให้โลกไม่สามารถเอาชนะการแพร่ระบาดของเชื้อโรคไปพร้อมๆ กันได้​
จนถึงปัจจุบันมีวัคซีนกว่า 170 ยี่ห้อที่กำลังอยู่ระหว่างขั้นตอนการพัฒนา แต่มีแนวโน้มว่า วัคซีนส่วนใหญ่จะไม่ประสบความสำเร็จ จากสถิติที่ผ่านมา วัคซีนที่ผ่านขั้นตอนการทดลองทางคลีนิคเบื้องต้น (Preclinical Trial Stage) มีโอกาสทดลองสำเร็จเพียงแค่ 7% ​ และวัคซีนที่ทดลองถึงขั้นการทดลองทางคลีนิค (Clinical Trial Stage) ก็ยังมีความเป็นไปได้ในการทดลองสำเร็จแค่ 20% ด้วยเหตุผลนี้ เพื่อเพิ่มความเป็นไปได้ในความสำเร็จ โคแวกซ์ได้สร้างเครือข่ายข้อมูลวัคซีนที่ใหญ่ที่สุดในโลก ประเทศสมาชิกโครงการสามารถเข้าถึงข้อมูลเครือข่ายวัคซีน เมื่อวัคซีนตัวใดได้รับการพิสูจน์ว่า ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพถึงเกณท์และมีการเริ่มผลิต ประเทศที่ได้รับการสนับสนุนฟรีจะได้วัคซีนในสัดส่วน 20% ของประชากรประเทศ ​ ส่วนประเทศที่ต้องจ่ายเงินซื้อเอง ก็จะได้รับการจัดสรรวัคซีนตามที่สั่งซื้อ​
ในการจัดสรรวัคซีนให้กับประเทศสมาชิก ​ GAVI ได้ก่อตั้งกลไกขับเคลื่อนที่เรียกว่า Covax Facility ขึ้น​
โดยให้ประเทศที่จ่ายเงินซื้อเอง และประเทศที่ได้รับจัดสรรฟรีเข้าร่วมเป็นสมาชิก หน่วงานที่รับหน้าที่ระดมทุน คือ Covax AMC Advance Market Commitment ก็ร่วมอยู่ในกลไกขับเคลื่อนนี้ด้วย โดย ​ Covax AMC จะช่วยจัดสรรวัคซีนให้กับประเทศยากจน 92 ประเทศดังกล่าว​
 
 

COVAX ​ Facility คืออะไร​?

​ภารกิจหลักของ Facility คือการพยายามจัดสรรวัคซีนให้ประเทศสมาชิกอย่างเร็วที่สุด ยุติธรรมที่สุด และปลอดภัยที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดย Covax Facility ยังมุ่งมั่นที่จะสรรหาชนิดของวัคซีนตามความต้องการของประเทศสมาชิก อีกทั้งยังเจรจาทำข้อตกลงซื้อวัคซีนล่วงหน้ากับผู้ผลิตในนามประเทศสมาชิก เพื่อให้แน่ใจว่าจะได้วัคซีนในปริมานและเวลาและราคาที่ยุติธรรมที่สุด เพราะด้วยคำสั่งซื้อวัคซีนปริมานมหาศาลทำให้ ​ Covax Facility มีอำนาจต่อรองด้านราคากับผู้ผลิตโดยตรง ​ Covax Facility ยังประเมินความสามารถในการขยายการผลิตและทำงานร่วมกับผู้ผลิตเพื่อสร้างแรงจูงใจให้เพิ่มความสามารถในการผลิตวัคซีนก่อนที่วัคซีนจะได้รับการอนุมัติอีกด้วย ทั้งนี้เพราะถ้ารอจนกว่าจะได้รับการอนุมัติ จะเป็นการล่าช้าและทำให้วัคซีนขาดแคลนไม่ทันต่อความต้องการ ซึ่งนำมาซึ่งความสูญเสียทางมหาศาลรายวัน​
ประเทศที่จ่ายเงินซื้อวัคซีนเองสามารถสั่งซื้อวัคซีนได้ร้อยละ 10-50 ของประชากรโดยปริมาณที่สั่งซื้อจาก Covax Facility จะทำให้ประเทศนั้นๆมั่นใจได้ว่าจะได้วัคซีนจากโครงการแน่นอน เพราะบางประเทศอาจจะไม่สามารถเจรจาซื้อวัคซีนโดยตรงกับผู้ผลิตได้​
ประเทศที่จ่ายเงินซื้อเองสามารถซื้อวัคซีนจากโครงการได้ในสองรูปแบบ แบบแรก เป็นสัญญาซื้อขายแบบผูกมัด (Committed Purchase Arrangement) โดยผู้ซื้อจะต้องจ่ายเงินมัดจำ 1.60 USD ต่อโดสหรือ15% ของราคาเต็มต่อโดส และตอ้งวางหนังสือค้ำประกัน (Financial Guarantee) 8.95 US ต่อโดส (ราคาต่อโดสคือ 10.55 USD) ประเทศที่ซื้อวัคซีนแบบนี้จะได้วัคซีนตามจำนวนที่สั่งซื้อแต่ไม่สามารถเลือกยี่ห้อวัคซีนได้ แต่ก็มีทางเลือกสามารถปฏิเสธไม่ซื้อวัคซีนได้ ถ้าวัคซีนมีราคาเกินสองเท่า จากราคาที่ตกลงกันไว้ คือ เกิน 21.10 USD ต่อโดส ทางเลือกนี้อาจส่งผลให้ได้วัคซีนล่าช้าถ้าวัคซีนที่ทดลองสำเร็จก่อนมีราคาสูงกว่า​
แบบที่สองเป็นสัญญาซื้อขายแบบมีทางเลือก (Optional Purchase Arrangement) ประเทศที่เลือกสัญญานี้ สามารถสละสิทธิการรับวัคซีนตัวใดตัวหนึ่งที่ได้รับการจัดสรรได้ โดยไม่ส่งผลกระทบต่อสิทธิในการเข้าถึงวัคซีนที่สั่งซื้อไป สำหรับทางเลือกนี้ ประเทศผู้ซื้อจะต้องจ่ายเงินมัดจำล่วงหน้าต่อโดส 3.10 USD และเงินประกันความเสี่ยง 0.40 USD รวมเป็น 3.50 USD ต่อโดส ประเทศที่เลือกสัญญาแบนี้จะไปประเทศที่ได้มีการตกลงซื้อขายกับผู้ผลิตวัคซีนโดยตรง​
โดยสรุปแล้ว สัญญาซื้อวัคซีนแบบแรกมีข้อดีคือ จ่ายเงินล่วงหน้าน้อยกว่า ส่วนสัญญาซื้อแบบที่สองมีข้อดีคือสามารถเลือกวัคซีนที่ตอ้งการได้ แต่ข้อเสียคือ อาจะทำให้ได้วัคซีนล่าช้าถ้าวัคซีนที่ต้องการ ประสบความสำเร็จช้าหรือผลิตได้น้อย อีกทั้งยังต้องจ่ายเงินมัดจำมากกว่า​
 

วัคซีนจะมีการจัดสรรอย่างไร​?

​เมื่อใดที่วัคซีนตัวใดตัวหนึ่งได้ผ่านการทดลองทางคลีนิคสำเร็จ โดยมีความปลอดภัยและประสิทธิภาพเพียงพอ และได้รับการอนุมัติให้ใช้งานได้ วัคซีนจะถูกจัดสรรให้กับประเทศที่เข้าร่วมโครงการในอัตราส่วนเท่าๆ กันเทียบกับสัดส่วนของประชากร โดยจะมีการเก็บวัคซีนสำรองประมานร้อยละห้าของปริมาณวัคซีนทั้งหมด เพื่อเก็บไว้ในยามฉุกเฉินและใช้ในงานด้านมนุษยธรรมอื่น เช่น นำไปฉีดให้กับผู้อพยพซึ่งไม่มีสิทธิได้รับวัคซีนจากประเทศใดเลย​
ถึงแม้ว่าประเทศสมาชิกสามารถสั่งซื้อวัคซีนได้ระหว่างร้อยละ 10-50 ของประชากร แต่จะไม่มีประเทศใดได้วัคซีนเกินร้อยละ 20 ของประชากร จนกว่าประเทศอื่นๆ จะได้วัคซีนครบร้อยละ 20 ยกเว้นประเทศอื่นๆที่ว่ามานี้จะจงใจเลือกที่จะสั่งซื้อวัคซีนน้อยกว่าร้อยละ 20 ของประชากรเอง​
จากข้อเท็จจริงที่ว่าประชาคมโลกได้มีการผนึกกำลังเป็นพันธมิตรกันเพื่อต่อสู้วิกฤติโรคระบาดของโลกครั้งนี้ ถือเป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ และการที่มีประเทศที่จ่ายเงินเองเข้าร่วมซื้อวัคซีนจากโครงการอย่างมาก ก็ถือเป็นก้าวที่สำคัญในการที่ Covax Facility จะได้เจรจาทำข้อตกลงซื้อกับบริษัทผู้ผลิตวัคซีน ​
 

ประเทศใดได้วัคซีนจากโครงการโคแวกซ์แล้วบ้าง​?

​จนถึงขณะนี้ วัคซีนหกยี่ห้อได้รับการอนุมัติให้ใช้ฉุกเฉินจากองค์การอนามัยโลก ซึ่งได้แก่
  • แอสตร้าเซเนกา
  • ไฟเซอร์/ไบออนเทค
  • จอนสันแอนด์จอนสัน
  • โมเดิร์นนา
  • ชิโนฟาร์ม และ
  • ชิโนแวค

ในขณะที่มีเพียงวัคซีนของไฟเซอร์และแอสตร้าเซเนกา เท่านั้นที่ได้มีการบริจาคเข้าโครงการโคแวกซ์ โดยที่โมเดิร์นนาสัญญาที่จะบริจาคให้โครงการในปี 2022 จำนวน 500 ล้านโดส​
โดย ณ เดือนกรกฎาคม 2564 โคแวกซ์ได้ส่งมอบวัคซีนจำนวน ​ 152.8 ล้านโดสให้กับประเทศสมาชิก 137 ประเทศ เราลองมาดูกันว่า ประเทศเพื่อนบ้านไทย ได้รับวัคซีนไปแล้วจำนวนเท่าไร​
  • อินโดนีเซีย ราว 16.2 ล้านโดส (4.5 ล้านโดสเป็นโมเดิร์นนาจากสหรัฐอเมริกา)​
  • ฟิลิปปินส์ ​ ราว10.3 ล้านโดส​
  •  เวียดนาม ราว 4.5 ล้าน โดส​
  • มาเลย์เซีย 828,000 โดส​
  • กัมพูชา 324,000 โดส​
  • บรูไน 24,000 โดส ​ ​

การร่วมบริจาคของสมาชิก G7 ​

​ในการประชุมG7 ที่ประเทศอังกฤษ เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ยูนิเซฟได้มีการกระตุ้นร้องขอให้ประเทศสมาชิก G7 ช่วยบริจาคเงินและวัคซีนช่วยโครงการโคแวกซ์ โดยนายกรัฐมนตรี บอริส จอห์นสันของอังกฤษประกาศในที่ประชุมว่าอังกฤษจะบริจาควัคซีน 100 ล้านโดส ส่วนนายกรัฐมนตรีเยอรมัน Angela Merkel กล่าวว่า ประเทศ G7 ต้องการแจกจ่ายวัคซีนรวม 2.3 พันล้านโดสให้กับประเทศที่ยากจนกว่าภายในสิ้นปี 2022 โดยสรุปจากการประชุมดังกล่าวประเทศต่างๆ บริจาคเงินและวัคซีนดังนี้​
  • เยอรมนีบริจาคเงินมากกว่า 2 พันล้านยูโร รวมถึงบริจาควัคซีนอีก 350 ล้านโดส ​
  • สหรัฐอเมริกา บริจาควัคซีนไฟเซอร์ 500 ล้านโดส (จากเดิมที่บอกว่าจะบริจาค 60 ล้านโดส) ​
  • ญี่ปุ่น บริจาคเงิน 1 พันล้าน ดอลล่าร์​
  • สหภาพยุโรปบริจาคเงิน 500 ล้านยูโรและเงินกู้อีก 500 ล้านยูโร และประเทศอื่นๆในทวีปยุโรปร่วมกันบริจาคกว่าพันล้านยูโร​
  • อังกฤษ บริจาควัคซีน 100 ล้านโดสภายใน 12 เดือน โดยจะให้ 25 ล้านโดสภายในปี 2021​
  • แคนนาดาบริจาคเงิน 440 ล้านดอลล่าร์ ​

พิราบ & อินทรีล่าสาร 30/07/2021 
 
 
อ้างอิง:​
https://cutt.ly/fQsRpeL
https://cutt.ly/oQsRmK1
​https://cutt.ly/MQsUxe3
https://cutt.ly/EQsUngn
https://cutt.ly/aQsUmAs
https://cutt.ly/6QsUWsM
https://cutt.ly/zQsUEmf
https://cutt.ly/2QsURcs
https://cutt.ly/7QsUPD8
https://cutt.ly/rQsUSir
 
 
Copyrigh © 2020-2021 เยอรมันอินไซต์ - Germany Insights. All rights reserved.
ข่าว/บทความล่าสุด
เนื้อหาอ่านล่าสุด