ข่าวสุขภาพ
ค้นหา รพ.-คลินิก-ร้านยาทั่วไทย ร้านยาคุณภาพของฉัน บริการสุขภาพ คลินิกเอกชน งาน รพ.
บริการวัคซีนโควิด บริการตรวจโควิด
ตำแหน่งงาน
ข่าวสุขภาพทั่วไป ข่าวธุรกิจสุขภาพไทย ข่าวธุรกิจสุขภาพรอบโลก กิจกรรม-บริการ รพ.ต่างๆ สิทธิสุขภาพชาวไทย สาระความรู้สุขภาพ Health Economy ท่องเที่ยวสุขภาพ กิจกรรม ESG CSR กิจกรรม Event บริจาค
น่าสนใจไทยแลนด์
English
About us เผยแพร่เนื้อหา สถิติเว็บไซต์ สำรวจความเห็นสุขภาพ โฆษณา
healthserv.net@gmail.com

สภากาชาดไทยชี้แจงประเด็นวัคซีน Moderna ต่อการกล่าวอ้างโดยนักวิชาการ

สภากาชาดไทยชี้แจงประเด็นวัคซีน Moderna ต่อการกล่าวอ้างโดยนักวิชาการ HealthServ.net
สภากาชาดไทยชี้แจงประเด็นวัคซีน Moderna ต่อการกล่าวอ้างโดยนักวิชาการ ThumbMobile HealthServ.net

สภากาชาดไทยชี้แจงประเด็นที่มีสื่อมวลชนบางสำนักได้เสนอข่าว เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2564 โดยอ้างอิงข้อความในเฟซบุ๊กของผู้ใช้นาม Sarinee Achavanuntakul - สฤณี อาชวานันทกุล เรื่องวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 Moderna

สภากาชาดไทยชี้แจงประเด็นวัคซีน Moderna ต่อการกล่าวอ้างโดยนักวิชาการ HealthServ

 
ตามที่มีสื่อมวลชนบางสำนักได้เสนอข่าว เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2564 โดยอ้างอิงข้อความในเฟชบุ๊กของผู้ใช้นาม Sarinee Achavanuntakul - สฤณี อาชวานันทกุล ซึ่งเขียนข้อความทำนองว่าสภากาชาดไทยใช้เงินของตัวเองจองโควต้าวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 Moderna ผ่านองค์การเภสัชกรรม (อภ) เพื่อนำมาขายต่อให้องค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) และองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต) ทั่วประเทศ นั้น

 
ข้อความและข่าวดังกล่าวอาจก่อให้ให้เกิดความเข้าใจที่ไม่ถูกต้องต่อการดำเนินงานของสภากาชาดไทย ดังนั้นสภากาชาตไทยจึงขอชี้แจงข้อเท็จจริง ดังนี้
 
1. สภากาชาดไทยเป็นองค์กรการกุศลที่มีรายได้เป็นเงินบริจาคจากพี่น้องประชาชนและได้รับเงินงบประมาณ
อุดหนุนจากรัฐบาลอีกจำนวนหนึ่ง ซึ่งสภากาชาดไทยไม่ได้เป็นหน่วยงานภาครัฐโดยตรง
 
2. เดือนเมษายน 2564 ท่ามกลางสถานการณ์โรคโควิด-19 ที่มีการระบาดรุนแรงมากขึ้น สภากาชาดไทยได้ริเริ่มจัดหาวัคชีนมาฉีดให้แก่ประชาชนโดยได้ติดต่อกับหน่วยงานกาชาดในต่างประเทศ และบริษัทผู้จำหน่ายวัคซีนเพื่อจัดหาหรือขอซื้อวัคซีนมาฉีดให้แก่ประชาชนตามภารกิจของสภากาชาดไทย
 
3. ผลการประสานงานกับ บริษัท ชิลลิค ฟาร์มา จำกัด ซึ่งเป็นตัวแทนจำหน่ายวัคซีนโมเดอร์นาในประเทศไทย
ได้ตกลงจะขายวัคซีน จำนวน 1 ล้านโตส ให้แก่สภากาชาดไทยแต่มีเงื่อนไขว่าจะต้องซื้อผ่านหน่วยงานของรัฐ คือ องค์การเภสัชกรรม จึงจะขายให้ได้เพราะเป็นนโยบายของบริษัทแม่ในสหรัฐอเมริกา
 
4. องค์การเภสัชกรรมได้คิดราคาขายวัคซีนให้แก่สภากาชาดไทย จำนวน 1 ล้านโดส ในราคาโดสละ 1,100 บาท โดยสภากาชาดไทยได้ใช้งบประมาณของสภากาชาดไทย ในการสั่งซื้อวัคซีนตังกล่าว จำนวน 100,000 โดส เพื่อมอบหมายให้หน่วยงานในสังกัดสภากาชาดไทยไปบริการฉีดให้แก่ประชาชนโดยไม่คิดมูลค่า รวมทั้งได้เชิญชวนหน่วยงานทางการแพทย์โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ และโรงเรียนแพทย์ของมหาวิทยาลัยต่าง ๆ จำนวน 12 แห่ง ร่วมซื้อด้วย รวมจำนวน 150,000 โดส นอกจากนี้ สภากาชาดไทยได้เชิญชวนให้ อบจ. ทั้ง 76 จังหวัด มาร่วมกับสภากาชาดไทยในการฉีดวัคซีนให้แก่ประชาชน ซึ่งมีภูมิลำเนาอยู่ในต่างจังหวัดโดยไม่คิดมูลค่า ซึ่งปรากฎว่ามี อบจ. จำนวน 38 จังหวัด แสดงความจำนงขอร่วมกับ สภากาชาดไทยในการซื้อวัคซีนจำนวน 750,000 โดส จากองค์การเภสัชกรรมผ่านสภากาชาดไทย โดยไม่มี อบต. เข้าร่วมโครงการนี้

 

5. สภากาชาดไทยทำหน้าที่เป็นผู้อำนวยความสะดวกในการจัดหาวัคซีนให้หน่วยงานในสังกัดและโรงพยาบาล
จุฬาลงกรณ์ โรงเรียนเพทย์ และ อบจ. จำนวน 38 จังหวัด เพื่อนำวัคซีน รวม 1 ล้านโดส มาฉีดให้กับประชาชน โดยไม่คิดมูลค่าเท่านั้น ไม่ได้เป็นการนำวัคซีนมาขายต่อโดยเรียกเก็บเงินค่าวัคซีน Modera เกินกว่าราคาโดสละ 1,100 บาท ที่ซื้อผ่านองค์การเภสัชกรรมแต่อย่างใด ซึ่งเรื่องนี้สภากาชาดไทยได้ประกาศเปิดเผยต่อสาธารณชนมาตลอด สามารถตรวจสอบราคาที่สภากาชาดไทยซื้อได้จากองค์การเภสัชกรรม ทั้งนี้ องค์การเภสัชกรรม และ บริษัท ชิลลิค ฟาร์มา จำกัด แจ้งว่าจะเริ่มทยอยส่งวัคซีนให้สภากาชาดไทยและหน่วยงานต่าง ๆ ได้ประมาณเดือนพฤศจิกายน 2564 เป็นต้นไป
 
6. ในเดือนมิถุนายน 2564 ศูนย์บริหารจัดการสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือศบค.ทำเนียบรัฐบาล ได้มีคำสั่งให้หน่วยงานด้านการแพทย์ซึ่งรวมถึงสภากาขาดไทยด้วยให้เร่งรัดจัดหาวัคซีนมาฉีดให้แก่ประชาชนอย่างทั่วถึง สภากาชาดไทยจึงได้มีหนังสือถึงรัฐบาลขอรับการสนับสนุนงบประมาณอุดหนุนให้แก่สภากาชาดไทยจำนวน 946 ล้านบาท เพื่อนำไปจองซื้อวัคซีนโมเดอร์นารุ่นใหม่ ในปี 2565 จำนวน 1 ล้านโตส โดยมีแผนดำเนินงานเพื่อนำวัคซีนมาให้หน่วยงานในสังกัดสภากาชาดไทย นำไปฉีตให้แก่ประชาชนโตยไม่คิดมูลค่าเช่นกัน

ดังนั้น การจัดหาวัคซีนของสภากาชาดไทย ทั้ง 2 โครงการ คือ โครงการแรก จำนวน 1 ล้านโดส ซึ่งใช้งบประมาณของสภากาชาดไทย หน่วยงานทางการแพทย์ และ อบจ. ในการจัดซื้อวัคซีนซึ่งจะเริ่มฉีดให้แก่ประชาชนในปี 2564 เป็นต้นไป และโครงการที่ 2 จำนวน 1 ล้านโตส ซึ่งใช้งบประมาณอุตหนุนจากรัฐบาลนั้น จะนำไปฉีตให้แก่ประชาชนโดยไม่คิดมูลค่า ในปี 2565 จึงไม่ได้เป็นการนำวัคซีนดังกล่าวไปแสวงหากำไรด้วยการนำไปขายต่อให้แก่ อบจ. หรือองค์กรใด ๆ ในราคาสูงกว่าต้นทุนที่สภากาชาติไทยจ่ายให้แก่องค์การเภสัชกรรมแต่อย่างใด

จึงเห็นได้ว่า สภากาขาดไทยได้ทำหน้าที่เป็นผู้ประสานงานกับหน่วยงานและองค์กรต่าง ๆ ในการจัดหาวัคซีน
มาฉีดให้แก่ประชาชน โดยไม่คิดมูลค่าเพื่อให้ประชาชนปลอดภัยจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 รวมทั้งสภากาชาดไทยยังได้ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน ในการใช้งบประมาณของสภากาชาดไทยในการจัดหาเครื่องอุปโภคบริโภค ที่เรียกว่า ชุดธารน้ำใจสภากาชาดไทย ไปมอบให้กับประชาชนที่มีรายได้ไม่เพียงพอและต้องกักตนเองที่บ้านพัก หรือที่ทางราชการจัดสถานที่ไว้ให้พักเป็นเวลา 14 วัน (local and state quarantine) ตั้งแต่การระบาครอบแรก เมื่อเดือนมกราคม 2563 เป็นต้นมา ผ่านเหล่ากาชาดจังหวัดทั่วประเทศ รวมมูลค่ากว่า 250 ล้านบาทแล้ว นอกจากนี้ในช่วงเดือนกรกฎาคม 2564 เป็นต้นมา สภากาชาดไทยยังได้ร่วมกับสำนักงานหลักประกันแห่งชาติ (สปสซ.) หน่วยงานภาครัฐต่าง ๆ และกรุงเทพมหานคร รวมทั้งกลุ่มอาสาสมัครภาคประชาชนจัดทำโครงการให้คำปรึกษาด้านการรักษาพยาบาลผ่านระบบโทรศัพท์ (telemedicine ) ให้แก่ผู้ป่วยโควิด-19 ที่อาการไม่รุนแรงซึ่งพักอยู่ที่บ้าน (home isolation) รวมทั้งจัดบริการส่งยาฟาร์วิพิราเวียร์ และอาหารให้แก่ผู้ป่วยตังกล่าวแล้วไม่น้อยกว่า 16,000 ราย
 

จึงขอแจ้งประชาสัมพันธ์มาให้ทราบโดยทั่วกัน

สำนักสารนิเทศและสื่อสารองค์กร สำนักงานบริหารกลาง สภากาชาดไทย
ณ วันที่ 6 ตุลาคม 2564
ข่าว/บทความล่าสุด
เนื้อหาอ่านล่าสุด