ข่าวสุขภาพ
ค้นหา รพ.-คลินิก-ร้านยาทั่วไทย ร้านยาคุณภาพของฉัน บริการสุขภาพ คลินิกเอกชน งาน รพ.
บริการวัคซีนโควิด บริการตรวจโควิด
ตำแหน่งงาน
ข่าวสุขภาพทั่วไป ข่าวธุรกิจสุขภาพไทย ข่าวธุรกิจสุขภาพรอบโลก กิจกรรม-บริการ รพ.ต่างๆ สิทธิสุขภาพชาวไทย สาระความรู้สุขภาพ Health Economy ท่องเที่ยวสุขภาพ กิจกรรม ESG CSR กิจกรรม Event บริจาค
น่าสนใจไทยแลนด์
English
About us เผยแพร่เนื้อหา สถิติเว็บไซต์ สำรวจความเห็นสุขภาพ โฆษณา
healthserv.net@gmail.com

สัญลักษณ์ผลิตภัณฑ์อินทรีย์ Organic Thailand

สัญลักษณ์ผลิตภัณฑ์อินทรีย์ Organic Thailand HealthServ.net

สัญลักษณ์ผลิตภัณฑ์อินทรีย์ที่ได้มาตรฐานของประเทศไทย Organic Thailand's Brand กรมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์

สัญลักษณ์ผลิตภัณฑ์อินทรีย์ Organic Thailand ThumbMobile HealthServ.net
สัญลักษณ์ผลิตภัณฑ์อินทรีย์ Organic Thailand HealthServ
สัญลักษณ์ผลิตภัณฑ์อินทรีย์ที่ได้มาตรฐานของประเทศไทย
"Organic Thailand's Brand" กรมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์


คำจำกัดความของการเกษตรอินทรีย์

               สำนักงาน มาตรฐานสนค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ (มกอช.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์   ได้ให้คำจำกัดความของเกษตรอินทรีย์ไว้ว่า “เกษตร อินทรีย์ (Organic agriculture) หมายถึง ระบบการจัดการการผลิตด้านการเกษตรแบบ องค์รวม  ที่เกื้อหนุนต่อระบบนิเวศรวมถึงความหลากหลายทางชีวภาพ วงจรชีวภาพโดยเน้นการใช้วัสดุธรรมชาติหลีกเลี่ยงการใช้วัตถุดิบจากการ สังเคราะห์ และไม่ใช้พืชสัตว์ หรือจุลินทรีย์ ที่ได้มาจากเทคนิคการดัดแปรพันธุกรรม(genetic modification) หรือพันธุวิศวกรรม (genetic engineering) มีการจัดการกับผลิตภัณฑ์โดยเน้นการแปรรูป ด้วยความระมัดระวัง เพื่อรักษาสภาพการเป็นเกษตรอินทรีย์และคุณภาพ ที่สำคัญของผลิตภัณฑ์ในทุกขั้นตอน”


การออกใบรับรองการผลิตพืชอินทรีย์

                กรมวิชาการเกษตร ได้ออกใบรับรอง มาตรฐานการผลิตพืชอินทรีย์ให้แก่เกษตรกร และผู้ผลิต ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2545  ตามมาตรฐานการผลิตพืชอินทรีย์ของประเทศไทย (ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่18 เมษายน 2544) โดยเกษตรกรหรือผู้ผลิตจะต้องยื่นใบสมัครขอใบรับรองการผลิตพืชอินทรีย์ ที่
  1. โครงการเกษตรอินทรีย์ ตึกกสิกรรม ชั้น 2 กรมวิชาการเกษตร จตุจักร กทม. 10900 โทรศัพท์0-2579-7520 โทรสาร 0-2940-5472
  2. หน่วยงานของกรมวิชาการเกษตรที่ตั้งอยู่ในส่วนภูมิภาค โดยเฉพาะที่ สำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 1 - 8

              หลัง จากนั้น  ผู้ตรวจประเมิน (Inspector) ที่ได้รับมอบหมายจะออกไปตรวจสอบพื้นที่การผลิต   แล้วรายงานให้คณะอนุกรรมการตรวจสอบออกใบรับรองมาตรฐานปัจจัยการผลิต   และผลิตพืชอินทรีย์ กรมวิชาการเกษตร เพื่อพิจารณาอนุมัติออกใบรับรองเป็นประกาศนียบัตร ทั้งภาษาไทย และภาษาอังกฤษ(ถ้าร้องขอ) พร้อมกับอนุญาตให้ใช้ตราสัญลักษณ์ Organic Thailand พิมพ์บน บรรจุภัณฑ์   เพื่อแสดงว่าเป็นผลิตภัณฑ์อินทรีย์    ใบรับรองมีอายุเพียง 1 ปี     ดังนั้น จึงต้องยื่นใบสมัครขอต่ออายุทุกปี  ในขณะนี้การขอรับรองการผลิตพืชอินทรีย์   จากกรมวิชาการเกษตรไม่มีการเรียกเก็บค่าใช้จ่ายหรือค่าธรรมเนียมใด ๆ ทั้งสิ้น

การตรวจสอบออกใบรับรองมาตรฐานการผลิตพืชอินทรีย์ กรมวิชาการเกษตร

                อันเนื่องมาจากการประกาศใช้มาตรฐานการผลิตพืช อินทรีย์ของประเทศไทย  โดยกรมวิชาการเกษตร เมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2544  โดยมีรายละเอียดตามหัวข้อต่าง ๆ รวมทั้งภาคผนวก เพื่อให้เกิดการผลิตพืชอินทรีย์ภายในประเทศเป็นไปตามมาตรฐานสากล เป็นที่ยอมรับของนานาประเทศ และเพื่อให้เกิดความมั่นคงและมั่นใจในระบบการผลิต การตลาด และการบริโภค  จึงจำเป็นต้องสร้างกฎเกณฑ์และ  ระเบียบปฏิบัติให้มาตรฐานการผลิตมีระบบการ ตรวจสอบและออกใบรับรอง โดยรัฐมีหน้าควบคุม กำกับดูแล รวมทั้ง
กำหนดบทลงโทษ ซึ่งจักต้องประกาศเป็นกฎหมายในขั้นตอนต่อไป และเนื่องจากการผลิตอาหาร อินทรีย์ในประเทศยังอยู่ในระยะเริ่มต้น  การดำเนินงานในทุกด้านที่เกี่ยวข้องเพื่อเข้าสู่ระบบสากล จึงต้องเร่งรีบดำเนินการให้ทันต่อสถานการณ์ความต้องการของตลาดโลก โดยเฉพาะ ผู้บริโภคในประเทศที่พัฒนาล้ำหน้า อย่างเช่น สหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรป รวมทั้งประเทศญี่ปุ่น   ซึ่งมีการคาด การณ์ว่า ในอีก 5 ปีข้างหน้า    ตลาดการค้าอาหารอินทรีย์จะสูงขึ้นมากกว่าร้อยละสิบ      คิดเป็นมูลค่ามากกว่าสองพันล้านดอลล่าสหรัฐ หรือ
ประมาณ 1 แสนล้านบาท ประเทศไทยในฐานะผู้ผลิตอาหารป้อนผลโลก  จัดอยู่ในอันดับหกของโลก   มีศักยภาพในการเพิ่มมูลค่าสินค้าอาหารดังกล่าว โดยปรับเปลี่ยนเข้าสู่ระบบ การผลิตอาหารอินทรีย์ได้โดยไม่ยาก และเพื่อให้การผลิตอาหารอินทรีย์เข้าสู่ระบบที่เป็นมาตรฐานสากล กรมวิชาการเกษตร ซึ่งมีหน้าที่ในการวิจัยและพัฒนาพืชจึงต้องเร่งรัดวาง แผนดำเนินงานการผลิตพืช (อาหาร)  อินทรีย์ให้ทันต่อสถานการณ์ดังกล่าว เทคโนโลยีการผลิตพืชอินทรีย์  คือ งานหลักที่จักต้องวิจัยและพัฒนาโดยเร่งด่วน  และในเวลาเดียวกัน ระบบการผลิตที่ได้มาตรฐานก็จักต้องมีการตรวจสอบและออกใบรับรองควบคู่ไปพร้อม กัน  ระบบการตรวจสอบออกใบรับรองที่กรมวิชาการเกษตรกำลังดำเนินการอยู่ขณะนี้   เกิดจากการลอกเลียนแบบจากประเทศผู้ผลิตและผู้บริโภคที่เป็นมาตรฐานและดำเนิน กิจการมายาวนานเป็นที่เชื่อถือโดยทั่วโลก  และได้มีการปรับปรุงแก้ไขกรรมวิธีบางประการเพื่อให้สอดคล้องกับวิถีชีวิตการเกษตรและวัฒนธรรมการผลิตของเกษตรกรในประเทศไทย   ซึ่งสามารถดำเนินการให้ได้ระดับมาตรฐานเป็นที่ยอมรับของประเทศทั่วโลกได้  โดยได้รับความร่วมมือจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง

ใครหรือสถาบันใดคือผู้ตรวจสอบและ ออกใบรับรอง

ในสภาพความเป็นจริง คุณสมบัติสินค้าหรือผลิตภัณฑ์นั้น ๆ คือ  ใบรับรองของตัวมันเอง ความพึงพอใจของผู้บริโภคที่ได้สัมผัส  พิสูจน์ และลิ้มลองอาหารอินทรีย์แต่ละยี่ห้อเป็นหลักประกันของความเชื่อถือ ซึ่งบางครั้งไม่จำเป็นต้องมีใบรับรองด้วยซ้ำไป แต่เนื่องจากมีความหลากหลายให้ผู้บริโภคจำต้องเลือกหาความมีมาตรฐานในคุณภาพ จึงเป็นเรื่องที่ต้องมีกฎ กติกา และจรรยาบรรณซึ่งจำต้องมี ผู้รักษากฎเกณฑ์ให้เป็นไปตามกติกาที่กำหนดไว้และกฎกติกาของแต่ละประเทศก็ ย่อมแตกต่างกันออกไป ดังนั้น  ในวงการค้าตลาดโลก จึงต้องมีกฎกติกากลางที่ประเทศสมาชิกถึงยอมรับ เพื่อให้เกิดการซื้อ - ขายระหว่างกัน โดยกำหนดมาตรฐานสากลที่มีองค์กรระหว่างประเทศ  เช่น องค์การอนามัยโลก (WHO) และองค์การอาหารและเกษตร (FAO) ร่างเป็นมาตรฐานกลาง    เช่น CODEX เพื่อถือใช้เป็นแนวทางปฏิบัติ เป็นต้น   อย่างไรก็ตามในแต่ละประเทศก็มีกฎหมายกำหนดมาตรฐานของเขาซึ่งแตกต่างกันไปในรายละเอียด    อันเป็นส่วนสำคัญของแต่ละประเทศพึงระมัดระวังผลประโยชน์ของเขาเอง   ดังนั้นต่อคำถามที่ว่าใครหรือสถาบันใด
คือผู้ตรวจสอบออกใบรับรองคำตอบ คือ

เป็นบุคคล หรือสถาบันใดก็ได้ที่ได้รับอนุญาต เป็นผู้ตรวจสอบ (Auditor) ที่ผ่านการรับรองมาตรฐานจากองค์กรแห่งรัฐ และ/หรือ องค์กรสากลที่ยอมรับในประเทศสมาชิก (Accreditation Body) จึงสามารถเป็นหน่วยงานรับรอง (Certified Body)   ที่สามารถออกใบรับรองมาตรฐานแห่งรัฐ และ/หรือ องค์กรสากลนั้น ๆ ได้” ดังแผนภูมิประกอบ                                                       

                 จากแผนภูมิอันเป็นหลักการที่กำหนดไว้เป็นรูปแบบนี้ ในปัจจุบันประเทศไทยอยู่ในขั้นตอนการดำเนินการอย่างไร คำตอบคือ รัฐบาลมีประกาศใช้มาตรฐานการผลิตพืชอินทรีย์แห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2544  อันเป็นมาตรฐานที่จักต้องมีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงในรายละเอียดตามสภาวะความ เหมาะสม โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเอื้อให้มีการค้าพืชอินทรีย์ทั้งภายในและต่างประเทศอย่างสูงสุดขณะนี้อยู่ใน ระหว่างการเจรจาทั้งทวิภาคี   และพหุภาคีกับประเทศผู้นำเข้าพืชอินทรีย์จากประเทศไทย เพื่อให้ได้รับการยอมรับมาตรฐานการผลิตพืชอินทรีย์ของเราฉบับนี้ ในขณะเดียวกันระบบการผลิต   การตรวจสอบและการออกใบรับรองพืชอินทรีย์ภายในประเทศกำลังอยู่ในระหว่าง ดำเนินงานอย่างรีบเร่ง และให้เป็นระบบตามหลักการกล่าวคือ

  1. การสร้างผู้ตรวจสอบ ออกประกาศให้ผู้มีคุณสมบัติตามที่รัฐ หรือองค์กรสากลทั่วไปกำหนด  เข้ารับการอบรม และสอบผ่านมาตรฐาน   เพื่อเป็นผู้มีอำนาจหน้าที่ที่ได้รับการรับรอง ขณะนี้รัฐโดยกรมวิชาการเกษตรกำลังอยู่ในระหว่างดำเนินการ ในขณะเดียวกันสำหรับผู้สนใจเป็นผู้ตรวจสอบสามารถติดต่อองค์กรสากลอื่นได้โดย ทั่วไป
  2. หน่วยงานออกใบรับรอง ขณะนี้รัฐบาลยังอยู่ในระยะเริ่มต้น ได้มอบหมายให้กรมวิชาการเกษตร ดำเนินงานควบคุม กำกับดูแล   และออกใบรับรองมาตรฐานอินทรีย์แห่งประเทศไทย เป็นการนำร่องและเมื่อเข้าสู่ระบบดีแล้ว จึงเปิดสู่สาธารณะเพื่อช่วยกันดำเนินงาน ส่วนหน่วยงานใบรับรองที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน(Accreditation) จากองค์กรสากลใด ๆ จะช่วยผลักดันให้มีการส่งออกสินค้าพืชอินทรีย์ย่อมเป็นคุณประโยชน์ต่อประเทศ ชาติเป็นอย่างยิ่ง รัฐควรให้การสนับสนุนและร่วมมือการทำงาน
  3. แนวทางปฏิบัติ / คู่มือการตรวจสอบ ในปัจจุบัน กรมวิชาการเกษตรได้ศึกษารูปแบบการปฏิบัติงาน การตรวจสอบพืช / ผลิตภัณฑ์อินทรีย์ ทั้งในภาคสนาม และโรงงาน จากหน่วยงานที่ผ่านการรับรองมาตรฐานจากประเทศสหรัฐอเมริกา  สหภาพยุโรปและประเทศญี่ปุ่น  และนำมาปรับปรุงเป็นแผนปฏิบัติที่สอดคล้องต่อการปฏิบัติของเกษตรกรไทย

แนวทางการปฏิบัติงานของผู้ตรวจสอบ

  1. ผู้ตรวจสอบจักต้องมีความเข้าใจโดย ละเอียดในปรัชญาและความหมายของเกษตรอินทรีย์ (กล่าวโดยรวมแห่งการเป็นอาหารอินทรีย์ซึ่งไม่เฉพาะพืช)
  2. มาตรฐานการผลิตพืชอินทรีย์ของประเทศผู้ นำเข้าจากประเทศไทย และโดยเฉพาะมาตรฐานของประเทศไทยเอง
  3. รายละเอียดเอกสารทุกชนิดที่เกี่ยวข้อง และเน้นรายละเอียดแบบฟอร์ม ใบสมัคร บันทึกการผลิต และรายงานการตรวจฟาร์ม / โรงงาน (ดูรายละเอียดในภาคผนวก)
  4. การตรวจเยี่ยมฟาร์ม / โรงงาน ในปีแรกต้องกระทำไม่ต่ำกว่าปีละ 2-3 ครั้ง ปีถัดไป 1-2 ครั้ง
  5. ผู้ตรวจสอบเป็นผู้ให้ข้อมูลที่สำคัญต่อ คณะกรรมการออกใบรับรอง
  6. ค่าใช้จ่าย / ค่าตอบแทนในการปฏิบัติงานตลอดจนความรับผิดชอบในหน้าที่ และข้อผิดพลาดอันส่งผลกระทบต่อการับรองจะมีการกำหนดเป็นระเบียบ โดยกฎหมายแห่งรัฐ

กระบวนการออก ใบรับรองพืชอินทรีย์ โดยกรมวิชาการเกษตร

  1. กรมวิชาการเกษตรประกาศให้ผู้ผลิตขอใบสมัครพร้อมให้คำแนะ นำ
  2. ผู้สมัครยื่นแบบฟอร์มการสมัครพร้อมรายละเอียด
  3. กรมวิชาการเกษตร โดยคณะอนุกรรมการตรวจสอบออกออกใบรับรองมาตรฐานการผลิตพืชอินทรีย์ ประเมินค่าใช้จ่าย
  4. เมื่อผู้ผลิตตกลงในเรื่องค่าใช้จ่าย คณะอนุกรรมการฯ จะมอบเอกสารดำเนินงานพร้อมชี้แจงรายละเอียด
  5. เอกสารที่ผ่านการกรอกข้อมูลโดยสมบูรณ์จะได้รับการตรวจสอบจากเจ้าหน้าที่คณะ อนุกรรมการฯ หากมีข้อแก้ไขปรับปรุงจะต้องมีการดำเนินการจนถูกต้องสมบูรณ์
  6. ทำสัญญาตามข้อตกลง และนัดหมายวันเวลาผู้ตรวจสอบเข้าตรวจแปลง / โรงงานกำหนดค่าใช้จ่ายการตรวจครั้งที่ 1
  7. ก่อนทำการตรวจสอบแปลง / โรงงาน ผู้ตรวจจะเปิดการฝึกอบรมแก่ผู้ปฏิบัติงานในแปลง / โรงงาน ในรายละเอียดการผลิต / วิทยาการหลังการเก็บเกี่ยว และการบรรจุตามมาตรฐานของประเทศไทย การตรวจสอบจะกระทำในสถานที่โดยละเอียด ตลอดรวมทั้งการสัมภาษณ์ผู้ปฏิบัติงานตามจุดต่าง ๆ ในระบบ
  8. ผู้ตรวจสอบจัดทำรายงาน
  9. รายงานจะถูกส่งเข้าสู่การพิจารณาโดยคณะอนุกรรมการฯ สำเนารายงาน 1 ชุด ส่งให้ผู้ผลิต อีก 1 ชุด ส่งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
  10. เมื่อรายงานผ่านการตรวจสอบและได้รับอนุมัติโดยคณะอนุกรรมการฯ ผู้ผลิตได้รับใบรับรองพร้อมสัญลักษณ์ (LOGO) แห่งประเทศไทย โดยผู้ตรวจสอบจะเข้าตรวจเยี่ยมแปลง / โรงงาน เป็นครั้งที่ 2 เพื่อสรุปผล แจ้งผลการอนุมัติพร้อมมอบใบรับรองและสัญลักษณ์แจ้งค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน ทั้งหมด (ครั้งที่ 2)
  11. ผู้ผลิตจักต้องยื่นรายงาน จำนวนการผลิต การติดสลากพร้อมสัญลักษณ์ พร้อมใบยืนยันจากลูกค้าทุกรายต่อกรมวิชาการเกษตรทุก 3 เดือน
  12. การรับรองจะมีอายุ 1 ปี และจักทำการตรวจสอบยืนยันซ้ำตามระบบเดิม  ซึ่งจะมีการบันทึกการอนุมัติในแต่ละปี     ในทำนองเดียวกันหน่วยงานออกใบ รับรองอื่น  (นอกจากกรม วิชาการเกษตรซึ่งจะเกิดขึ้นในอนาคต) ก็จะได้รับการตรวจสอบและรับรองจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นระบบเช่นเดียว กันนี้
หน่วยราชการที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาเกษตร อินทรีย์

1.กระทรวงเกษตรและสหกรณ์

               กระทรวงเกษตรและสหกรณ์นับ เป็นหน่วยงานหลักของการพัฒนาเกษตรอินทรีย์ตามนโยบายของรัฐบาลและแผนพัฒนา เศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 9 ดังกล่าวข้างต้น
           หน่วยงานภายในกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่ มีหน้าที่รับผิดชอบต่อการพัฒนาเกษตรอินทรีย์โดยตรงได้แก่
                 -  สำนักงานปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
                 -  กรมส่งเสริมการเกษตร
                 -  กรมวิชาการเกษตร
                 -  กรมพัฒนาที่ดิน
                 -  กรมประมง
                 -  กรมปศุสัตว์
                 -  สำนักงานมาตรฐาน สินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ

               และมีหน่วยงานที่สนับสนุนได้แก่
                 -  กรมส่งเสริมสหกรณ์
                 -  กรมชลประทาน
                 -  สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อ เกษตรกรรม
                 -  สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร



           1.1  สำนักงานปลัดกระทรวงเกษตรและ สหกรณ์

               กองนโยบายเทคโนโลยีการเกษตร และเกษตรกรรมยั่งยืน  เป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบในด้านนโยบายและแผนการพัฒนาเกษตรกรรมยั่งยืนซึ่ง รวมถึงการเกษตรอินทรีย์ (กลุ่มเกษตรกรรมยั่งยืน โทร. 0-2282-1124)

            1.2  กรมส่งเสริมการเกษตร

               ภายในกรมส่งเสริมการเกษตร มีหน่วยราชการที่ทำงานการพัฒนาการเกษตรอินทรีย์โดยตรง ได้แก่ กลุ่มงานพัฒนาเกษตรอินทรีย์ สำนักพัฒนาคุณภาพสินค้าเกษตร
(โทร. 0-2955-1515)  นอกจากนี้ในกรมส่งเสริมการเกษตรมีหน่วยงานที่จะสนับสนุนการเกษตรอินทรีย์ได้ อย่างมากคือ ส่วนบริหาร
ศัตรูพืช สำนักพัฒนาคุณภาพสินค้าเกษตรซึ่งศูนย์บริหารศัตรูพืช จำนวน 9 ศูนย์ ดังนี้
                     ศูนย์บริหารศัตรูพืชที่ 1  จังหวัดชัยนาท
                     ศูนย์บริหารศัตรูพืชที่ 2  จังหวัดสุพรรณบุรี
                     ศูนย์บริหารศัตรูพืชที่ 3  จังหวัดชลบุรี
                     ศูนย์บริหารศัตรูพืชที่ 4  จังหวัดขอนแก่น
                     ศูนย์บริหารศัตรูพืชที่ 5  จังหวัดนครราชสีมา
                     ศูนย์บริหารศัตรูพืชที่ 6  จังหวัดสงขลา
                     ศูนย์บริหารศัตรูพืชที่ 7  จังหวัดสุราษฎร์ธานี
                     ศูนย์บริหารศัตรูพืชที่ 8  จังหวัดเชียงใหม่
                     ศูนย์บริหารศัตรูพืชที่ 9  จังหวัดพิษณุโลก

                ศูนย์บริหารศัตรูพืชเหล่านี้  จะมีบทบาทอย่างมากในการสนับสนุนการดำเนินงาน เกษตรอินทรีย์ของจังหวัดต่างๆ    โดยเฉพาะในด้านของการอารักขาพืชด้วยชีววิธี  ศูนย์เหล่านี้   จะให้ความรู้แก่เกษตรกรในด้านการใช้แมลงและสิ่งมีชีวิต ต่างๆ   เช่นจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ในการป้องกันและกำจัดศัตรูพืช  รวมทั้งมีหน้าที่ในการผลิตและขยาย
พันธุ์สิ่งมีชีวิตเหล่านี้เพื่อให้เกษตรกรนำไปใช้ในการอารักขาพืช ด้วยชีววิธี  อันจะเป็นการช่วยให้เกษตรอินทรีย์มีความสำเร็จได้มาก

            1.3  กรมวิชาการเกษตร

               โครงการเกษตรอินทรีย์ และสถาบันพืชอินทรีย์ เป็นหน่วยงานที่ตั้งขึ้นเป็นการภายใน เพื่อเป็นแกนในการดำเนินงานด้านเกษตรอินทรีย์ของกรมวิชาการเกษตร โดยอยู่
ภายใต้การกำกับดูแล ของผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านการผลิตพืช มีภารกิจหลัก 2 ด้านดังนี้

            1.3.1 การตรวจสอบและออกใบรับรองการผลิตพืชอินทรีย์
                            กรมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์    เริ่มให้การรับรองการผลิตพืชอินทรีย์ เมื่อปี พ.ศ. 2545   ตามมาตรฐานการผลิตพืชอินทรีย์ของประเทศไทย (ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 18 เมษายน 2544)    โดยเกษตรกรหรือผู้ผลิต จะต้องยื่นใบสมัครขอใบรับรองการผลิตพืชอินทรีย์  ที่โครงการเกษตรอินทรีย์ ตึกกสิกรรม ชั้น 2  กรมวิชาการเกษตร จตุจักร กทม. 10900 โทรศัพท์ 0-2579-7520    โทรสาร 0-2940-5472  หรือหน่วยงานของกรมวิชาการเกษตรที่ตั้งอยู่ในส่วนภูมิภาค   หลังจากนั้นผู้ตรวจสอบจะออกไปตรวจสอบพื้นที่การผลิต    แล้วรายงานให้คณะอนุกรรมการตรวจสอบออกใบรับรองมาตรฐานปัจจัยการผลิตและผลผลิตพืชอินทรีย์  กรมวิชาการเกษตร    เพื่อพิจารณาอนุมัติออกใบรับรองเป็นประกาศนียบัตรทั้งภาษาไทย     และภาษาอังกฤษ พร้อมกับอนุญาตให้ใช้ตราสัญลักษณ์ Organic Thailand พิมพ์บนบรรจุภัณฑ์ เพื่อแสดงว่าเป็นผลิตภัณฑ์อินทรีย์ใบรับรองมีอายุเพียง  1 ปี ดังนั้นจึงต้องยื่นใบสมัครขอต่ออายุทุกปี  ในขณะนี้การขอรับรองการผลิตพืชอินทรีย์ จากกรมวิชาการเกษตร    ไม่มีการเรียกเก็บค่าใช้จ่าย   หรือค่าธรรมเนียมใดๆ ทั้งสิ้น

ตั้งแต่ปี 2545 จนถึง   ณ วันที่ กันยายน 2549   ออกใบรับรองการผลิตพืชอินทรีย์และปัจจัยการผลิตให้แก่เกษตรกร / ผู้ผลิต จำนวนรวมทั้งสิ้น 2,209 ราย พื้นที่การผลิต 41,253 ไร่ แบ่งเป็นสัดส่วนได้ดังนี้
                            1.  ข้าวหอมมะลิ                                    68%
                            2   ผัก                                                  12%
                            3.  ผลไม้                                               8%
                            4.  สมุนไพร ชาและพืชอื่นๆ                   28%

            1.3.2  การฝึกอบรมและถ่ายทอดเทคโนโลยี

                           ให้บริการในการเป็นวิทยากร และให้คำปรึกษาในการจัดหลักสูตรการฝึกอบรมเกษตรอินทรีย์ และหลักสูตรการตรวจรับรองพืชอินทรีย์                           

           1.4  กรมพัฒนาที่ดิน

               เป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบ การวิจัย พัฒนา ส่งเสริม   และขยายผลการใช้ผลิตภัณฑ์เทคโนโลยีชีวภาพทดแทนปุ๋ยเคมีและสารเคมี   ทั้งยังเป็นหน่วยงานผลิตผลิตภัณฑ์ 9 สิ่งมหัศจรรย์  ที่เป็นผลิตภัณฑ์เทคโนโลยีชีวภาพซึ่งประกอบด้วย พืชปุ๋ยสดเพื่อการปรับปรุงบำรุง หญ้าแฝกเพื่อการอนุรักษ์ดินและน้ำ  ปุ๋ยหมักสูตร พด.1   ปุ๋ยอินทรีย์น้ำสูตร พด.2 จุลินทรีย์ป้องกันโรครากและโคนเน่าของพืชสูตร พด.3  สารปรับปรุงบำรุงดินสูตร พด.4  สารกำจัดวัชพืชสูตร พด.5 สารบำบัดน้ำเสียและขจัดกลิ่นเหม็นสูตร พด.6 และ
สารป้องกันแมลงศัตรูพืชสูตร พด.7 นอกจากนี้ยังรับผิดชอบการรับรองมาตรฐานสินค้าประเภทปัจจัยการผลิตทางการ เกษตรจำนวน 11 ชนิด  ได้แก่จุลินทรีย์สำหรับทำปุ๋ยหมัก  จุลินทรีย์สำหรับทำปุ๋ยอินทรีย์  จุลินทรียป้องกันโรครากและโคนเน่าของพืช  ปุ๋ยหมัก ปุ๋ยอินทรีย์น้ำ ยิบซั่ม ปูนมาร์ล หินปูนบด โดโลไมท์ ปูนขาว สารสกัดอินทรีย์ ทั้งนี้ให้ติดต่อ ข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สถาบันวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีชีวภาพทางดิน  กรมพัฒนาที่ดิน โทร. / โทรสาร 0-2579-0679 E-mail:ord-4@ldd.go.th   หรือที่สำนักงานพัฒนา
ที่ดินเขต  สถานีพัฒนาที่ดินจังหวัดที่อยู่ใกล้บ้านทั่วประเทศ

           1.5  สำนักมาตรฐานสินค้าเกษตร และอาหารแห่งชาติ

               เป็นหน่วยงานระดับกรมที่ได้ มีจากการจัดตั้งขึ้นเมื่อปี 2545 มีภารกิจเป็นหน่วยงานกลางเกี่ยวกับมาตรฐานสินค้าเกษตร สินค้าแปรรูป และอาหารของประเทศโดยการ
กำหนดมาตรฐานและการรับรองมาตรฐานสินค้าเกษตร  สินค้าแปรรูป และอาหารทั้งแต่ระดับไร่นาจนถึงผู้บริโภค  การเจรจาเพื่อแก้ปัญหาการค้าเชิงเทคนิค   หน่วยงานนี้ได้เป็น
ผู้กำหนดมาตรฐานระบบการผลิตสินค้าเกษตรอินทรีย์ทั้งพืช สัตว์และประมง  เป็นมาตรฐานเกษตรอินทรีย์กลางของประเทศ


2. กระทรวงศึกษาธิการ

           2.1  กรมการศึกษานอกโรงเรียน*
           2.2   มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์*
           2.3  มหาวิทยาลัยแม่โจ้*
           2.4  มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์*
           2.5  มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์*

3. กระทรวงมหาดไทย

           3.1  ผู้ ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์
           3.2  ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา

4.  กระทรวงกลาโหม
              ข้อมูลรายละเอียดในการติดต่อ ประสานงานของกระทรวงกลาโหม
           1.  ศูนย์ฝึกอบรม  ค่ายพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช อ.เมือง จ.ร้อยเอ็ด 45000          โทร. 0-9969-4101
           2.  ศูนย์ฝึกอบรม กรมทหารราบที่ 6 (กองอำนวยการป่าดงนาทามอันเนื่องมาจากพระราชดำริ) อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี 34190  โดยผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 6 โทร. 0-4532-3417  โทรสาร 0-4532-3417

5. กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

               5.1  องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้*

6.  การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย

               การไฟฟ้าฝ่ายผลิต (กฟผ.) ได้จัดตั้ง “โครงการชีววิถีเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน” ขึ้นอย่างไม่เป็นทางการเมื่อเดือน มีนาคม 2542  ได้จัดอบรมให้แก่ผู้ปฏิบัติงาน กฟผ.ทั่วประเทศ และขยายผลไปยังหน่วยราชการ รัฐวิสาหกิจ มูลนิธิ วัดวาอาราม โรงเรียน และชุมชนต่างๆ  อย่างต่อเนื่อง จนถึงปี 2546  จึงได้จัดตั้งโครงการชีววิถีเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน     เป็นโครงการอย่างเป็นทางการ   โดยมีแนวทางในการดำเนินงาน  เพื่อดำเนินการเกษตรธรรมชาติ   ตามแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่ หัว เรื่อง
“เศรษฐกิจพอเพียง”  ด้วยการส่งเสริมใน 4 เรื่อง ได้แก่

         1. การเพาะปลูก
         2. การเลี้ยงสัตว์น้ำ
         3. การปศุสัตว์
         4. การรักษาสิ่งแวดล้อม

               โดยการดำเนินการดังกล่าว กฟผ.    ใช้จุลินทรีย์ที่มีประสิทธิภาพเป็นตัวช่วย     สามารถลดต้นทุนการผลิตพืช ผล    และอาหารปลอดภัย     ซึ่งนับเป็นเกษตรทางเลือก(Alternative Agriculture) อีกทางหนึ่ง

               โครงการชีววิถีเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย    ตั้งอยู่เลขที่ 53 หมู่ 2  ถนนจรัญสนิทวงศ์  อ.บางกรวย  จ.นนทบุรี 11130      โทร. 0-2436-3780-89  โทรสาร 0-2436-3787

หมายเหตุ * หมายถึงเป็นหน่วยงานที่ดำเนินการเรื่องเกษตรอินทรีย์  แต่ยังขาดข้อมูลรายละเอียดในการติดต่อประสานงาน

======================================

หน่วยงานภาคเอกชนที่ดำเนินการ เกษตรอินทรีย์

เป็นที่ยอมรับกันว่า หน่วยงานภาคเอชนต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาชุมชน และชนบทรวมทั้งองค์กรทางศาสนา  ได้มีบทบาทอย่างมากในการพัฒนาเกษตรอินทรีย์
ทั้งการค้นคว้าหาความรู้  และประสบการณ์ด้วยตนเอง และจากองค์กรการเกษตรต่างๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ  หน่วยงานที่ยังดำเนินการพัฒนาเกษตรอินทรีย์มีดังนี้

1. เครือข่ายเกษตรกรรมทางเลือก 
เป็นองค์กรที่ตั้งขึ้นจากการรวมตัวของหน่วยงานนอกภาครัฐ(เอ็น จี โอ) ที่ทำงานทางด้านการเกษตรกรรมทางเลือกที่มีหลักการ พัฒนาการเกษตร ที่เป็น ทางเลือกให้แก่เกษตรกรที่ต้องรับภาระหนี้สินที่เกิดขึ้น  จากการทำการเกษตร แบบปฏิวัติเขียวที่ได้ทำมาในช่วง 30-50 ปี ที่ผ่านมา  เครือข่ายเกษตรกรรมทางเลือกนับ เป็นกลุ่มบุคคลที่ได้ยืนหยัดและประกาศให้ประชาชนได้ทราบและเข้าใจหลักการ เกษตรกรรมที่ไม่ต้องพึ่งพาการใช้สารเคมีและปัจจัยการผลิตที่ต้องนำเข้าจากต่าง ประเทศ  และมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ทั้งนี้ด้วยการพัฒนาร่วมกับเกษตรกรที่มีภูมิปัญญาท้องถิ่นเป็นปราชญ์ ชาวบ้าน ในช่วง 4 ปีที่ผ่านมาไดดำเนินการจัดทำโครงการนำร่องเกษตรกรรมยั่งยืนทั่วประเทศ  โดยได้รับงบประมาณจากรัฐบาลในการดำเนินงานประมาณ 600 ล้านบาท   สถานที่ติดต่อ สำนักงานเครือข่ายเกษตรกรรมทางเลือก  ซอยงามวงศ์วาน 27 (ซอยย่อยที่ 7) ถนนงามวงศ์วาน โทร. 0-2580-2035

2. เครือข่ายชุมชนอโศก 
กลุ่มนี้นับเป็นกลุ่มที่เข็มแข็ง และมีพลังมาก เป็นผู้ปฏิบัติธรรม รับประทานอาหารมังสวิรัติ  บริโภคพืชผัก และอาหารที่ไม่มีสารตกค้าง และ โดย ที่เป็นกลุ่มบุคคล  ที่มีแนวทางการดำรงชีพที่ยึดหลักการพึ่งตนเอง   แสวงหาความรู้ในทุกๆ ด้าน  เพื่อการประกอบอาชีพที่สุจริตไม่เบียดเบียนผู้อื่น  รวมทั้งสัตว์  สิ่ง มีชีวิต และสิ่งแวดล้อมตามธรรมชาติ   ได้เริ่มศึกษาด้วยการทดลองปฏิบัติการเกษตรแบบธรรมชาติมาประมาณ 20 ปีเศษ   จนมีความชำนาญ    สามารถถ่ายทอด  ความ รู้เรื่องเกษตรอินทรีย์ให้แก่เกษตรกร  นักพัฒนาชนบทกลุ่มต่างๆ ที่สนใจไปดูงานฝึกอบรมในปัจจุบันญาติธรรมเหล่านี้ได้ออกไปตั้งกลุ่มทั่วทุก ภาคของประเทศ จำนวน ประมาณ 40 กลุ่ม   มีจำนวนสมาชิกที่ทำเกษตรอินทรีย์จำนวน 5,200 คน   ทุกกลุ่มจะทำการเกษตรอินทรีย์เพื่อการพึ่งตนเองในด้านอาหาร  ที่ปราศจาก การปน เปื้อนของสารพิษ   นอกจากนี้ยังได้เผยแพร่ความรู้  และประสบการณ์เกษตรอินทรีย์แบบธรรมชาติทาง สื่อสารมวลชนหลายประเภท   เช่น วิทยุ วารสาร สิ่งพิมพ์ รวม ทั้งการจัดทำวีดีทัศน์  วีซีดี จำนวนมาก  โดยมีสมณะเสียงศีล ชาตวโร (โทร. 0-1835-6108)  เป็นแกนในการดำเนินงานที่เข็มแข็ง    จนได้รับการยกย่องจากกระทรวง ศึกษาธิการให้เป็นครูภูมิปัญญาไทยด้านการเกษตร

                ในบรรดากลุ่ม เครือข่ายชุมชนอโศกที่ได้ตั้งหน่วยการผลิตเกษตรไร้สารพิษ  ซึ่งถือว่าเป็น เกษตรอินทรีย์ เรียกชื่อเครือ ข่ายกสิกรรมไร้สารพิษแห่งประเทศไทย(คกร.) ในปี 2535   พลตรีจำลอง  ศรีเมือง  ซึ่งเป็นแกนสำคัญของเครือข่ายกสิกรรมไร้สารพิษแห่งประเทศไทยคนหนึ่ง ได้ตั้ง มูลนิธิพลตรีจำลอง  ศรีเมือง นับเป็นบุคคลแรกที่ประกาศต่อสาธารณะว่าจะทำเกษตรธรรมชาติ  และได้บุกเบิกและริเริ่มจัดทำ “โครงการเกษตรอยู่รอด”  ที่กิ่งอำเภอหนองปรือ จังหวัดกาญจนบุรี   ในพื้นที่ประมาณ 270ไร่ โดยจัดให้เกษตรกรที่สมัครใจในการดำรงชีพด้วยการเกษตรแบบธรรมชาติ รายละ 10ไร่   ไม่มีการใช้สารเคมีสังเคราะห์ทุกชนิด  ใช้หลักการพึ่งพาตนเอง   ปลูกพืชหลากหลายทุกอย่างที่ใช้เพื่อการบริโภค  และเพื่อขายเป็นผลผลิตไร้สารพิษ     ในเครือข่ายร้านมังสวิรัติในกรุงเทพฯ    นับเป็นการที่ทำให้สังคมได้เริ่มมีความตระหนักถึงประโยชน์ของการกสิกรรมแบบธรรมชาติที่สามารถผลิตผลที่ปลอดภัยต่อผู้บริโภคอย่างมาก ถึงแม้ใน ขณะนั้นคนส่วนใหญ่ในสังคมไทยยังมีความไม่มั่นใจว่าการทำการเกษตรแบบธรรมชาติ จะเป็น
ไปได้ในทางปฏิบัติก็ตาม แต่เนื่องจากการริเริ่มของญาติธรรมของชุมชนอโศกโดยการนำของพลตรีจำลอง  ศรีเมือง   ซึ่งประชาชนส่วนใหญ่ให้การยอมรับในความซื่อสัตย์สุจริตมีส่วนทำให้ประชาชนเริ่มสนใจการเกษตรในแนวทางของธรรมชาติมากขึ้นตั้งแต่นั้น เป็นต้นมา นอกจากนี้ยังเป็นแหล่งของการศึกษาดูงานที่จะได้เรียนรู้จากการ ปฏิบัติจริง อันจะเป็นประโยชน์ต่อการที่จะได้เข้าใจการปฏิบัติเกษตรอินทรีย์อย่างดีและได้ผล คกร. มีหน่วยงานที่เป็นผู้ประสานงาน  ซึ่งจะหาข้อมูลของกลุ่มต่างๆ ซึ่งมีกระจายอยู่ทั่วทุกภาคของ
ประเทศดังนี้คือ

กรุงเทพฯ
เลขที่ 58/1  ถนนเสรีไทย  คันนายาว กรุงเทพฯ 10230 
มีนายธำรง  แสงสุริยจันทร์  เป็นผู้ประสานงาน โทร. 0-1441-0938, 0-2906-0160-5

อุบลราชธานี : ศูนย์ฝึกอบรมกสิกรรมไร้สารพิษ  ชุมชนราชธานีอโศก 
หมู่ที่ 10 ต.  บุ่งไหม  อ. วารินทร์ชำราบ  จ.อุบลราชธานี 34190 
มีผู้ติดต่อประสานงานคือ
นายราเมศ -เขียวเขตรวิทย์  โทร. 0-4524-7222 
นางสาวดินนา  โคตรบุญอารยะ  โทร. 0-1528-2399 
นายร้อยแจ้ง  จนดีจริง  โทร. 0-967-2363

1. มูลนิธิกสิกรรมธรรมชาติ 
เป็นองค์กรที่ให้การฝึกอบรมในเรื่องกสิกรรมธรรมชาติ ให้แก่เกษตรกรและผู้ สนใจ มีนายวิวัฒน์ ศัลยกำธร เป็นผู้อำนวยการ โทรศัพท์
 0-1735-1403  องค์กรนี้ได้มี บทบาทในการผลักดันให้เกษตรอินทรีย์  และเศรษฐกิจพอเพียงตามแนวพระราช ดำริ ขยายตัวอย่างมากโดยเฉพาะในช่วงระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา มีศูนย์ฝึกอบรมอยู่ที่บ้านมาบ เอื้อง  ตำบลหนองบอนแดง  อำเภอบ้านบึง  จังหวัดชลบุรี  โทรศัพท์ 0-3844-9009

2. สำนักงานมาตรฐาน เกษตรอินทรีย์ (มกท.) 

สำนักงานมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ ก่อตั้งขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2538  ในฐานะองค์กรอิสระ  เพื่อทำหน้าที่ในการให้บริการรับรอง มาตรฐานเกษตรอินทรีย์ในประเทศไทย โดยได้จัดทำมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ขึ้นในปี 2541และได้เริ่มดำเนินการเป็นองค์กรที่ให้การรับรองมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ เป็นแห่งแรกในประเทศไทย  ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา  มาตรฐานเกษตรอินทรีย์ของ มกท.     เป็นมาตรฐานที่ได้รับการรับรองจากองค์การสมาพันธ์เกษตรอินทรีย์ระหว่าง ประเทศ (International Federation of Organic Agriculture Movement ชื่อย่อ IFOAM) นอกจากนี้ยังได้รับการยอมรับจากหน่วยงานรับรองคุณภาพ เกษตรอินทรีย์ของหลายประเทศในยุโรป  เช่น KRAV ของสวีเดน BIOSWISS ประเทศสวิส   และBLIK ประเทศเบลเยี่ยม มกท.  บริหารงานในรูปของคณะกรรมการโดยมี นางนารถฤดี  นาครวาจา เป็นผู้จัดการ  โทรศัพท์ 0-1889-3660 , 0-2580-0934

===========================

องค์กรเกษตรอินทรีย์ในต่างประเทศ

ประเทศสหรัฐอเมริกา (United State of America :U.S.A) 

ได้มีการประกาศใช้พระราชบัญญัติผลิตภัณฑ์อาหารอินทรีย์  (Organic Food Production Act – OFPA) ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2533 (ค.ศ.1990) และมีการแก้ไขในปี พ.ศ. 2539 (ค.ศ. 1996)

ตลาด รวมกลุ่มประเทศยุโรป (European Unity : EU.) 

ได้มีการรวบรวมข้อกำหนดของผลิตผลเกษตรอินทรีย์ไว้ในข้อกำหนดของสภาตลาดร่วม ยุโรป (EEC  No.2092 / 91) และฉบับแก้ไข ข้อกำหนดส่วนใหญ่ให้คำแนะนำ  ในการนำเข้าอาหารอินทรีย์ที่ผลิตจากประเทศ อื่นๆ  ภายใต้มาตรฐานการผลิต และมาตรการการ
ตรวจสอบที่เหมือนกันทุกประการ

ประเทศญี่ปุ่น (Japan) 
รัฐบาลญี่ปุ่น  ได้ประกาศใช้มาตรฐานเกษตรอินทรีย์ เมื่อวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2544  โดยอ้างอิงกฎหมายมาตรฐานเกษตรญี่ปุ่น (Japan Agriculture Standard-JAS)
         
ประเทศไทย (Thailand) 
ได้มีการกำหนดใช้มาตรฐานการ ผลิตพืชอินทรีย์  หลังจากผ่านการปรับปรุงแก้ไขครั้งสุดท้าย เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2543 โดย
คณะทำงานเฉพาะกิจปรับปรุงมาตรฐานการผลิตพืชอินทรีย์ของประเทศไทย  และผ่านการเห็นชอบของคณะกรรมการบริหารงานวิจัยและพัฒนาเกษตรอินทรีย์ กรมวิชาการ-
เกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์

 สมาพันธ์เกษตรอินทรีย์นานาชาติ (International Federation of Organic Agriculture Movement - IFOAM)  
ได้จัดทำ เกณฑ์มาตรฐานขั้นต่ำ สำหรับตรวจสอบรับรองเกษตรอินทรีย์ เป็นที่ยอมรับในกลุ่มประเทศยุโรป โดยมีหน่วยงานที่ทำหน้าที่ตรวจสอบรับรอง คือ IOAS

สมาคมดินแห่งสหราชอาณาจักร (Soil Association) UK. 
เป็น องค์กรที่ให้ความสำคัญต่อเกษตรอินทรีย์  มีประวัติความเป็นมายาวนาน ได้พัฒนามาตรฐานการผลิตเกษตรอินทรีย์ และเป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวางในสหราชอาณาจักร

องค์กรเครือข่าย (Pesticide Network Action : PNA) 

เป็น องค์กรเครือข่ายของสหราชอาณาจักร  และประเทศเนเธอร์แลนด์  ที่กำลังปฏิบัติการเคลื่อนไหว  ซึ่งจะทำให้มาตรฐานเกษตรอินทรีย์สากลเป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ข่าว/บทความล่าสุด
เนื้อหาอ่านล่าสุด