ข่าวสุขภาพ
ค้นหา รพ.-คลินิก-ร้านยาทั่วไทย ร้านยาคุณภาพของฉัน บริการสุขภาพ คลินิกเอกชน งาน รพ.
บริการวัคซีนโควิด บริการตรวจโควิด
ตำแหน่งงาน
ข่าวสุขภาพทั่วไป ข่าวธุรกิจสุขภาพไทย ข่าวธุรกิจสุขภาพรอบโลก กิจกรรม-บริการ รพ.ต่างๆ สิทธิสุขภาพชาวไทย สาระความรู้สุขภาพ Health Economy ท่องเที่ยวสุขภาพ กิจกรรม ESG CSR กิจกรรม Event บริจาค
น่าสนใจไทยแลนด์
English
About us เผยแพร่เนื้อหา สถิติเว็บไซต์ สำรวจความเห็นสุขภาพ โฆษณา
healthserv.net@gmail.com

ขนส่งทางบกหนุนใช้รถยนต์ไฟฟ้า ลดภาษีประจำปี ต่ำกว่ารถใช้น้ำมัน

ขนส่งทางบกหนุนใช้รถยนต์ไฟฟ้า ลดภาษีประจำปี ต่ำกว่ารถใช้น้ำมัน HealthServ.net

กรมการขนส่งทางบก ร่วมส่งเสริมการใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้าให้กว้างขวางขึ้นในประเทศไทย ประกาศลดภาษีรถประจำปีรถยนต์ไฟฟ้าต่ำกว่ารถที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิง ทั้งนี้รถยนต์ไฟฟ้าที่มีกำลังมอเตอร์ตามที่กฎหมายกำหนด สามารถจดทะเบียนกับกรมการขนส่งทางบกได้

ขนส่งทางบกหนุนใช้รถยนต์ไฟฟ้า ลดภาษีประจำปี ต่ำกว่ารถใช้น้ำมัน ThumbMobile HealthServ.net
 
นางสิริรัตน์ วีรวิศาล รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยว่า การเผาไหม้ไม่สมบูรณ์ของเชื้อเพลิงจากรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ก่อให้เกิดมลพิษทางอากาศโดยเฉพาะอย่างยิ่งในเมืองใหญ่ที่มีปริมาณการใช้รถยนต์อย่างหนาแน่น เช่น กรุงเทพมหานครการเลือกใช้รถยนต์พลังงานทางเลือกที่ไม่ปล่อยมลพิษสู่สิ่งแวดล้อมจึงเป็นทางออกที่จะช่วยลดมลพิษทางอากาศได้อย่างยั่งยืน


ดังนั้น กรมการขนส่งทางบก จึงมีนโยบายสนับสนุนการใช้รถที่ใช้พลังงานทางเลือก โดยเฉพาะยานยนต์ไฟฟ้า (Electric Vehicle : EV) ด้วยการจัดเก็บอัตราภาษีรถประจำปีในอัตราที่ต่ำกว่ารถยนต์ที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิง พร้อมทั้งกำหนดคุณสมบัติของกำลังมอเตอร์ไฟฟ้า ความเร็วขั้นต่ำรวมถึงส่วนควบและเครื่องอุปกรณ์ของรถที่จะจดทะเบียนซึ่งจะต้องมีความมั่นคงแข็งแรงเพื่อให้มั่นใจได้ว่าสามารถใช้งานบนท้องถนนร่วมกับรถประเภทอื่นได้อย่างปลอดภัย

 


5 ประเภทยานยนต์

กรมการขนส่งทางบก กำหนดประเภทยานยนต์ไว้  5 ประเภทพร้อมรายละเอียด
 
 
1. ประเภทรถรับจ้างสาธารณะ

รถยนต์รับจ้างระหว่างจังหวัด รถยนต์รับจ้างบรรทุกคนโดยสารไม่เกินเจ็ดคน รถยนต์บริการธุรกิจ รถยนต์บริการทัศนาจร รถยนต์บริการให้เช่า รถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกินเจ็ดคน รถยนต์นั่งส่วนบุคคลเกินเจ็ดคน รถยนต์บรรทุกส่วนบุคคล และรถยนต์สี่ล้อเล็กรับจ้าง ที่ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า

ต้องมีกำลังของมอเตอร์ไฟฟ้าไม่น้อยกว่า 15 กิโลวัตต์
ต้องวิ่งได้ความเร็วสูงสุดไม่น้อยกว่า 90 กิโลเมตร/ชั่วโมง
 

2. ประเภทรถยนต์รับจ้าง

รถยนต์รับจ้างบรรทุกคนโดยสารไม่เกินเจ็ดคนแบบพิเศษที่ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า

ต้องมีกำลังของมอเตอร์ไฟฟ้าไม่น้อยกว่า 100 กิโลวัตต์
จะต้องติดเครื่องหมาย “e” หรือมีการกำหนดรหัสหรือรุ่นของผู้ผลิตที่แสดงถึงการใช้มอเตอร์ไฟฟ้าในการขับเคลื่อนรถไว้บริเวณท้ายรถอย่างถาวรและสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน


3. ประเภทรถยนต์ส่วนบุคคล

รถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกินเจ็ดคน รถยนต์นั่งส่วนบุคคลเกินเจ็ดคน รถยนต์บรรทุกส่วนบุคคล และรถยนต์สี่ล้อเล็กรับจ้างที่มีกำลังของมอเตอร์ไฟฟ้าหรือความเร็วสูงสุดไม่เป็นไปตามที่กล่าวมาข้างต้น

ต้องมีกำลังของมอเตอร์ไฟฟ้าไม่น้อยกว่า 4 กิโลวัตต์
ต้องวิ่งได้ความเร็วสูงสุดไม่น้อยกว่า 45 กิโลเมตร/ชั่วโมง
จะต้องติดเครื่องหมาย “s” ไว้บริเวณท้ายรถอย่างถาวรและสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนเช่นเดียวกัน


4. ประเภทรถรับจ้างสามล้อและรถจักรยานยนต์

รถยนต์รับจ้างสามล้อและรถยนต์สามล้อส่วนบุคคลที่ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า
ต้องมีกำลังของมอเตอร์ไฟฟ้าไม่น้อยกว่า 4 กิโลวัตต์
วิ่งได้ความเร็วสูงสุดไม่น้อยกว่า 45 กิโลเมตร/ชั่วโมง

รถจักรยานยนต์ส่วนบุคคลที่ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า
มอเตอร์ไฟฟ้าต้องมีกำลังไม่น้อยกว่า 250 วัตต์
ต้องวิ่งได้ความเร็วสูงสุดไม่น้อยกว่า 45 กิโลเมตร/ชั่วโมง


5. ประเภทรถจักรยานยนต์

รถจักรยานยนต์สาธารณะที่ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า

ต้องมีกำลังของมอเตอร์ไฟฟ้าไม่น้อยกว่า 250 วัตต์ แต่ไม่เกิน 4 กิโลวัตต์
ต้องวิ่งได้ความเร็วสูงสุดไม่น้อยกว่า 45 กิโลเมตร/ชั่วโมง
มอเตอร์ไฟฟ้าของรถทุกประเภทข้างต้นจะต้องขับเคลื่อนรถรวมน้ำหนักบรรทุกด้วยความเร็วสูงสุดตามที่กำหนดได้ต่อเนื่องไม่น้อยกว่า 30 นาที 
 
 
ขนส่งทางบกหนุนใช้รถยนต์ไฟฟ้า ลดภาษีประจำปี ต่ำกว่ารถใช้น้ำมัน HealthServ

อัตราภาษีต่ำกว่ารถยนต์ที่ใช้น้ำมัน


รถยนต์ไฟฟ้าเมื่อจดทะเบียนกับกรมการขนส่งทางบกแล้ว จะเสียภาษีรถประจำปีในอัตราภาษีต่ำกว่ารถยนต์ที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิง ดังนี้

รถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกินเจ็ดคน (รถเก๋ง) ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าจะจัดเก็บภาษีตามน้ำหนักของรถตามรถยนต์นั่งส่วนบุคคลเกินเจ็ดคน (รถตู้) เช่น รถเก๋งที่ใช้พลังงานไฟฟ้าที่มีน้ำหนัก 1,510 กิโลกรัม เสียภาษีรถประจำปีตามน้ำหนักของรถตู้ ในอัตราคันละ 1,300 บาท

ต่างจากกรณีรถเก๋งที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิง ซึ่งจะมีการจัดเก็บตามความจุกระบอกสูบ (ซีซี)

ส่วนรถตู้ รถยนต์บรรทุกส่วนบุคคล รถจักรยานยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้า จัดเก็บภาษีในอัตรากึ่งหนึ่ง เช่น รถจักรยานยนต์ที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิง เสียภาษีรถประจำปีคันละ 100 บาท แต่รถจักรยานยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้า จะเสียภาษีประจำปีในอัตราคันละ 50 บาท เท่านั้น


ถึงแม้ว่ารถยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าจะเป็นนวัตกรรมใหม่ที่หลายคนอาจจะยังไม่คุ้นเคย แต่ถือเป็นนวัตกรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม รวมทั้งช่วยประหยัดค่าน้ำมันเชื้อเพลิงและภาษีรถประจำปีให้กับเจ้าของรถได้อีกทางหนึ่งด้วย ประชาชนที่สนใจสามารถตรวจสอบรายละเอียดของรถยนต์ไฟฟ้าที่สามารถนำมาจดทะเบียนและอัตราภาษีรถประเภทต่าง ๆ ได้ที่เว็บไซต์ของกรมการขนส่งทางบก www.dlt.go.th
ข่าว/บทความล่าสุด
เนื้อหาอ่านล่าสุด