ข่าวสุขภาพ
ค้นหา รพ.-คลินิก-ร้านยาทั่วไทย ร้านยาคุณภาพของฉัน บริการสุขภาพ คลินิกเอกชน งาน รพ.
บริการวัคซีนโควิด บริการตรวจโควิด
ตำแหน่งงาน
ข่าวสุขภาพทั่วไป ข่าวธุรกิจสุขภาพไทย ข่าวธุรกิจสุขภาพรอบโลก กิจกรรม-บริการ รพ.ต่างๆ สิทธิสุขภาพชาวไทย สาระความรู้สุขภาพ Health Economy ท่องเที่ยวสุขภาพ กิจกรรม ESG CSR กิจกรรม Event บริจาค
น่าสนใจไทยแลนด์
English
About us เผยแพร่เนื้อหา สถิติเว็บไซต์ สำรวจความเห็นสุขภาพ โฆษณา
healthserv.net@gmail.com

บุหรี่กับสุขภาพ

บุหรี่กับสุขภาพ HealthServ.net

แม้จะมีคำเตือนเกี่ยวกับพิษภัยของบุหรี่ติดไว้บนซองบุหรี่ อาทิเช่น บุหรี่ทำให้เกิดโรคหัวใจ โรคมะเร็ง ถุงลมปอดพอง อัมพาต เสื่อมสมรรถภาพทางเพศฯ โรคที่เกิดจากบุหรี่ก็ยังเป็นปัญหาทางสาธารณสุขที่แต่ละปีต้องสูญเสียเงินมหาศาลเพื่อเยียวยา

บุหรี่กับสุขภาพ ThumbMobile HealthServ.net

บุหรี่กับสุขภาพ


แม้จะมีคำเตือนเกี่ยวกับพิษภัยของบุหรี่ติดไว้บนซองบุหรี่ อาทิเช่น บุหรี่ทำให้เกิดโรคหัวใจ โรคมะเร็ง ถุงลมปอดพอง อัมพาต เสื่อมสมรรถภาพทางเพศฯ โรคที่เกิดจากบุหรี่ก็ยังเป็นปัญหาทางสาธารณสุขที่แต่ละปีต้องสูญเสียเงินมหาศาลเพื่อเยียวยา ที่สหรัฐอเมริกาเมื่อปี ค.ศ.1990 พบว่าในจำนวนผู้ที่เสียชีวิตทุก 5 คน 1 คนในจำนวนนั้นเกิดจากบุหรี่

สังคมอเมริกันเอง มีการรณรงค์ต่อต้านบุหรี่กันอย่างกว้างขวาง ดังจะเห็นได้จากข้อมูลว่าเมื่อปี ค.ศ.1965 คนอมริกันสูบบุหรี่กันถึง 40 % แต่เมื่อปี ค.ศ. 1995 ปริมาณลดลงเหลือ 24.7% บริษัทจำหน่ายบุหรี่รายใหญ่ของอเมริกาเห็นว่าแนวโน้มถ้าจะแย่ แถมยังถูกรัฐบาลอเมริกันฟ้องร้องว่าเป็นตัวการให้รัฐต้องเสียเงินเพื่อบำบัดเยียวยาโรคที่มีสาเหตุเกิดจากบุหรี่ปีๆหนึ่ง เป็นพันๆล้านดอลลาร์ บริษัทผู้ผลิตจึงพยายามหาทางออก คือ เอาบุหรี่อเมริกันไปขายให้คนชาติอื่น ซึ่งก็ต้องใช้เงินลงทุนให้คนชาติอื่นหันมานิยมนิยมผ่อนส่งความตายกันเพิ่มมากขึ้น เพื่อโฆษณานี้ปีหนึ่งๆ หลายร้อยล้านดอลลาร์ ทีเดียว

คนที่มีรสนิยม และพอจะมีทรัพย์ก็พยายามหามาเพื่อบริโภค ถึงรัฐบาลขึ้นภาษีสรรพสามิตเท่าใดก็ไม่พ้นบุหรี่หนีภาษีอยู่ดี

ไม่ว่าจะบุหรี่ไทยหรือบุหรี่นอก ขึ้นชื่อว่าควันบุหรี่แล้ว ก็น่ากลัวพอกัน เพราะมีสารต่างๆถึง 4,700ชนิด มีทั้งที่ก่อให้เกิดมะเร็ง ภูมิแพ้ หลอดลมอักเสบสารพัดชนิด แต่ที่สำคัญก็คือสารนิโคติน คาร์บอนมอนนอกไซด์ สารไฮโดรคาร์บอน

นิโคติน เมื่อถูกสูดเข้าในถุงลมปอดจะถูกดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือด ซึ่งจะมีฤทธิ์คล้ายสารประสาทที่ชื่อ Adrenaline ซึ่งมีฤทธิ์กระตุ้นระบบประสาททำให้ความดันโลหิตเพิ่มขึ้น ใจสั่น หัวใจเต้นผิดจังหวะ

สารคาร์บอนมอนนอคไซด์ ซึ่งจับกับโมเลกุลของฮีโมโกบิน ทำให้เม็ดเลือดไม่สามารถนำออกซิเจนได้ จึงก่อให้เกิดภาวะขาดออกซิเจนในระดับเซลล์

ในควันบุหรี่มีสารที่ทำลายเซลล์เยื่อบุผนังหลอดเลือด (Endothelium) ทำให้หลอดเลือดแข็งตัว หดตัว ทำให้ระดับ HDL ลดลง กระตุ้นการแข็งตัวของเม็ดเลือดทำให้เกิดหลอดเลือดอุดตันได้โดยง่าย

บุหรี่เป็นสาเหตุสำคัญของมะเร็งกว่า 10 ชนิด อาทิ มะเร็งปอด มะเร็งของทางเดินหายใจ และช่องปาก มะเร็งของกระเพาะอาหาร ตับอ่อน เป็นต้น เพราะมีสารก่อมะเร็ง (Carcinogen) อยู่เกือบ 50 ชนิด

บุหรี่กระตุ้นให้เกิดภาวะหลอดลมอักเสบเรื้อรัง ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคถุงลมโป่งพอง เปรียบเหมือนทำให้ฟองน้ำซึ่งมีช่องอากาศเล็กๆถูกทำลาย ทำให้กลายเป็นรวงผึ้งใหญ่ๆพื้นผิวของการแลกเปลี่ยนออกซิเจนที่ถุงลมลดลง ลงท้ายออกซิเจนในอากาศไม่เพียงพอ ต้องนอนกอดถังออกซิเจนไปตลอด ขยับตัวออกกำลังเล็กน้อยก็เหนื่อย วันร้ายคืนร้ายก็เกิดปอดอักเสบ หรือปอดแตกไปเลยก็มี

สำหรับคุณผู้หญิงที่คิดจะมีลูกควรฟังตรงนี้ให้ดี จากการศึกษาพบว่า ทารกที่เกิดจากมารดาที่สูบบุหรี่ในระหว่างตั้งครรภ์ไม่เพียงแต่จะเป็นเด็กที่มีน้ำหนักตัวน้อยเมื่อแรกคลอดเท่านั้น พบว่าเมื่อโตขึ้นไปเด็กผู้ชายจะมีโอกาสเป็นเด็กที่มีนิสัยก้าวร้าว ชอบลักขโมยมากกว่าเด็กทั่วไปถึง 4 เท่า เช่นกันในเด็กเพศหญิงจะมีโอกาสติดยาเสพติดเพิ่มมากขึ้นถึง 5 เท่า เมื่อเข้าสู่วัยรุ่น

ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น ทฤษฎีหนึ่งที่เชื่อกันก็คือ สารนิโคตินในบุหรี่อาจกระทบกระเทือนกับการพัฒนาการของสมองของทารกในครรภ์ มารดาที่ไม่ได้สูบบุรี่แต่ต้องอยู่กับบิดาที่ชอบสูบบุหรี่ในห้องนอน ในบ้าน ก็ไม่น่าจะปลอดภัยเช่นกัน

มีการศึกษาพบว่าผู้ที่สูบบุหรี่ส่วนใหญ่ 90% เริ่มสูบก่อนอายุ 20 ปี ก็ควรเป็นข้อเตือนใจที่ดีในการรณรงค์ป้องกันโทษภัยของบุหรี่กันให้เข้มข้นตั้งแต่วัยเด็ก จะได้ไม่ต้องมากลายเป็นผู้ใหญ่ที่ติดบุหรี่ในอนาคต และที่สำคัญจากการวิจัยพบว่า ยาเสพติดทุกประเภทไม่ว่า กัญชา ยาบ้า เฮโรอินฯ ล้วนมีจุดเริ่มต้นที่บุหรี่ทั้งสิ้น

คนที่ติดบุหรี่แล้วก็อย่าเพิ่มเสียอกเสียใจ ถ้าคิดอยากจะเลิกลองมาฟังการศึกษานี้ดู เขาพบว่า ถ้าหยุดสูบบุหรี่วันนี้อัตราการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดจะลดลงถึง 50% ภายในระยะเวลา 1-2 ปี แต่ถ้าจะให้อัตราเสี่ยงเท่าปกติเลย จะต้องใช้เวลานานกว่านั้น คือ ประมาณ 10-15 ปี ทีเดียว

เอาเถอะ ถึงจะนานเทาใดก็คุ้มค่า เพราะไม่เฉพาะแต่โรคหัวใจ โรคมะเร็ง ถุงลมโป่งพองฯ ก็จะพลอยเบาลงไปด้วย จะได้มีชีวิตอยู่ดูโลกอย่างสดใสไม่ต้องทนทุกทรมานจากโรคภัยไข้เจ็บที่ป้องกันได้

บทความโดย
นพ.วรงค์ ลาภานันต์
อายุรแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคหัวใจ รพ.ภูมิพล
แพทย์ที่ปรึกษา ศูนย์หัวใจ รพ.วิภาวดี

ข่าว/บทความล่าสุด
เนื้อหาอ่านล่าสุด