ข่าวสุขภาพ
ข่าวสุขภาพทั่วไป ข่าวธุรกิจสุขภาพไทย ข่าว/กิจกรรม/สาระ รพ.ต่างๆ ข้อมูลบริการ รพ.ต่างๆ สาระความรู้สุขภาพ กิจกรรม ESG CSR Health Economy บริจาครพ.ต่างๆ
น่าสนใจไทยแลนด์
About us เผยแพร่เนื้อหา สถิติเว็บไซต์ สำรวจความเห็นสุขภาพ โฆษณา
healthserv.net@gmail.com

การตรวจหาสารเสพติดกัญชา หลังกัญชาพ้นจากการเป็นยาเสพติด - กัญชาชน

การตรวจหาสารเสพติดกัญชา หลังกัญชาพ้นจากการเป็นยาเสพติด - กัญชาชน Thumb HealthServ.net
การตรวจหาสารเสพติดกัญชา หลังกัญชาพ้นจากการเป็นยาเสพติด - กัญชาชน ThumbMobile HealthServ.net

เพจกัญชาชน Highland ได้สรุปประเด็นข้อสงสัยในกรณีการตรวจหาสารเสพติดกัญชา (ตรวจฉี่) หลัง 9 มิถุนายนเป็นต้นไป ที่กัญชาพ้นจากการเป็นยาเสพติดไปแล้ว จะเป็นอย่างไร ผิดหรือไม่ประเด็นไหน เรื่องนี้มีคำตอบคำอธิบาย

สรุปประเด็น : ตรวจฉี่กัญชา หลัง 9 มิถุนา กัญชาไม่เป็นยาเสพติดแล้วยังไงต่อ?



เห็นหลายคนบอกว่าแม้จะปลดกัญชาแต่ยังตรวจฉี่อยู่ บางคนบอกจะยิ่งตรวจหนักกว่าเดิม ปปส. เพิ่มที่ตรวจจากเส้นผม ฯลฯ ซึ่งส่วนใหญ่ก็มาจากพื้นฐานความกลัว และอาจจะไม่เข้าใจว่ากฎหมายนั้นเปลี่ยนไปเยอะมาก และมีช่องให้ต่อสู้เต็มไปหมด และหลายกรณีเจ้าหน้าที่เอาเป็นความผิดอะไรไม่ได้เลย ซึ่งก็ขออธิบายเป็นรายประเด็นตามเดิม (ยาวหน่อยแต่อ่านเถอะ)


 
1. ประเด็นแรก คือต่อให้กัญชายังมีสถานะเป็นยาเสพติด แต่ประมวลกฎหมายยาเสพติดใหม่นั้นได้เปลี่ยนวิธีการดำเนินการไปแล้ว กฎหมายมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ปลายปี 64 ส่งผลให้เจ้าหน้าที่ไม่สามารถดำเนินคดีทางอาญาในการเสพได้ ไม่สามารถพาไปโรงพักได้ หากเราขอสมัครใจไปบำบัด ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็จะต้องส่งไปคัดกรองที่โรงพยาบาลเท่านั้น และบำบัดเสร็จก็จะไม่มีการลงโทษใดๆ (อันนี้เป็นกรณีที่กัญชายังเป็นยาเสพติดรวมถึงยาเสพติดประเภทอื่นด้วยเลยนะครับ) 





 
2. ตั้งแต่วันที่ 9 มิถุนายน นี้ ทุกส่วนของพืชกัญชาจะไม่เป็นยาเสพติดอีกต่อไป ยกเว้น "สารสกัด" จากกัญชาที่มี THC เกิน 0.2% 
 
ประเด็นนี้ก็หลงประเด็นกันเยอะ "ดอกกัญชา ไม่จัดเป็นยาเสพติด ไม่ว่าจะมี THC กี่ % ถ้ายังคงเป็นดอกอยู่ ไม่นำไปสกัดเป็นสารสกัดอย่างอื่น"
 
ทีนี้ถ้าหลังวันที่ 9 มิย. เจ้าหน้าที่มาตรวจฉี่เรา เจอสารจากกัญชาในร่างกาย ประเด็นคือ ถ้าสารนั้นมาจากการที่เราบริโภคดอก ไม่ว่าจะวิธีใดก็ไม่จัดเป็นความผิด แต่หากบริโภคสารสกัด จึงจัดเป็นความผิด ซึ่งเป็นสิ่งที่เจ้าหน้าที่ต้องพิสูจน์ให้ได้ว่าเราเสพสิ่งเสพติด
 
ในระบบคดีอาญา ของประเทศไทย ภาระในการพิสูจน์ (Burden of Proof) เป็นของโจทก์ (ฝ่ายเจ้าหน้าที่) ที่จะต้องหา "พยานหลักฐาน" มาพิสูจน์ได้ว่าจำเลยผิดจริงๆ จนสิ้นสงสัย
 
นั่นหมายความว่า ถ้าเราไม่ได้มีสารสกัดจากกัญชาในครอบครอง ไม่มีหลักฐานหรือพยานว่าเราใช้สารสกัดจากกัญชา ก็แปลว่าเราจะต้องพ้นข้อกล่าวหาไป (ยกประโยชน์ให้จำเลย) 
 
ต่อให้พิสูจน์ได้ว่าใช้สารสกัดจากกัญชาซึ่งจัดเป็นยาเสพติด กระบวนการก็จะเป็นดังข้อ 1 คือ ไม่สามารถลงโทษทางอาญาได้อยู่ดี





 
3. ในกรณีที่ใช้กัญชาในทางการแพทย์โดยมีใบรับรองจากโรงพยาบาล หรือคลีนิคที่ได้รับรองอย่างถูกต้อง มีหลักฐานเป็นลายลักษณ์อักษรชัดเจน ไม่เป็นความผิดในการเสพทุกกรณี 






 
โดยสรุป อำนาจของเจ้าหน้าที่ในการตรวจฉี่ยังมีอยู่ก็จริง แต่กระบวนการดำเนินการ การที่ส่วนของพืชหลุดจากการเป็นยาเสพติด นั้นเป็นภาระของเจ้าหน้าที่ที่ต้องพิสูจน์อะไรที่มากขึ้น และเราเองก็มีช่องทางมากมายในการต่อสู้ เพียงแค่คุณเข้าใจกฎหมาย และอย่าไปยอมอะไรง่ายๆ กับคำข่มขู่ที่ไม่ได้มีกฎหมายมารองรับ แค่นี้ก็ไม่มีอะไรที่จะต้องกลัวแล้วครับ 

  • เกาะติด ติดตามและแสดงความคิดเห็นต่อประเด็นนี้ต่อเนื่องได้ที่ เพจกัญชาชน Highland

ข่าว/บทความล่าสุด
เนื้อหาอ่านล่าสุด