ข่าวสุขภาพ
ค้นหา รพ.-คลินิก-ร้านยาทั่วไทย ร้านยาคุณภาพของฉัน บริการสุขภาพ คลินิกเอกชน งาน รพ.
บริการวัคซีนโควิด บริการตรวจโควิด
ตำแหน่งงาน
ข่าวสุขภาพทั่วไป ข่าวธุรกิจสุขภาพไทย ข่าวธุรกิจสุขภาพรอบโลก กิจกรรม-บริการ รพ.ต่างๆ สิทธิสุขภาพชาวไทย สาระความรู้สุขภาพ Health Economy ท่องเที่ยวสุขภาพ กิจกรรม ESG CSR กิจกรรม Event บริจาค
น่าสนใจไทยแลนด์
English
About us เผยแพร่เนื้อหา สถิติเว็บไซต์ สำรวจความเห็นสุขภาพ โฆษณา
healthserv.net@gmail.com

ข้อเสนอ คำแนะนำ ข้อห่วงใย จากองค์กรการแพทย์ ต่อการปลดกัญชาพ้นยาเสพติด

ข้อเสนอ คำแนะนำ ข้อห่วงใย จากองค์กรการแพทย์ ต่อการปลดกัญชาพ้นยาเสพติด HealthServ.net
ข้อเสนอ คำแนะนำ ข้อห่วงใย จากองค์กรการแพทย์ ต่อการปลดกัญชาพ้นยาเสพติด ThumbMobile HealthServ.net

ความห่วงใยต่อการใช้กัญชาในประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มที่มีความเปราะบางหรือเสี่ยงผลกระทบสูงเช่น เด็ก วัยรุ่น ผู้ป่วย สตรีมีครรภ์ ฯลฯ ดังก้องขึ้นมามากขึ้นหลังจากความจริงที่ว่าเมื่อกัญชาที่ถูกปลดพ้นจากการเป็นยาเสพติดและมีผลบังคับใช้แล้วนั้น ยังไม่มีกฏหมายหรือพ.ร.บ.ใดๆมากำกับดูแลควบคุมการใช้อย่างแท้จริง (กฏหมายยังอยู่การพิจารณาของสภา) มีเพียงกฏหมายเล็กๆ เกี่ยวกับการควบคุมเหตุรำคาญจากการสูบเท่านั้นที่ปรากฏเป็นรูปธรรม นั่นจึงเป็นเหตุให้องค์กรแพทย์ที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพ ได้ออกแถลงการณ์พร้อมระบุถึงแนวทางคำแนะนำให้ที่เป็นประโยชน์ยิ่งต่อทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ควรแก่การพิจารณาและใช้เป็นแนวทางหาทางออกให้กับสังคมต่อกรณีนี้ต่อไป

 

 

4 คำเสนอของราชวิทยาลัยอายุรแพทย์แห่งประเทศไทย เรื่อง กัญชา  [ลิงค์]
 

ราชวิทยาลัยอายุรแพทย์แห่งประเทศไทย ออกแถลงการณ์ ระบุถึงความห่วงใยในผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นกับประชาชนและความปลอดภัยของสังคมโดยรวม จากการใช้กัญชา โดยปราศจากมาตรการควบคุมที่เหมาะสมมากำกับ โดย ราชวิทยาลัยอายุรแพทย์ฯ ได้เสนอ 4 ข้อพิจารณา ดังนี้
 
1. รัฐบาลต้องออกมาตรการทางกฏหมาย
ขอให้รัฐบาลเร่งพิจารณาให้มีมาตรการทางกฎหมาย อาทิ พระราชกำหนดควบคุมกัญชาและผลิตภัณฑ์กัญชา เพื่อยกระดับการคุ้มครองสุขภาพอนามัยของประชาชน ให้มีประสิทธิภาพ และทันต่อประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่องระบุชื่อยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 พ.ศ. 2565 ที่จะมีผลบังคับใช้
 
2. รัฐบาลต้องเร่ง พ.ร.บ.กัญชา กัญชง
ขอใหัรัฐสภาเร่งพิจารณา ร่างพระราชบัญญัติกัญชา กัญชง พ.ศ.... 
เพื่อคุ้มครองผู้บริโภคมิให้มีการบริโภดกัญชา อย่างไม่เหมาะสม ซึ่งอาจจะเป็นอันตรายต่อผู้บริโภค
 
3. ต้องติดตามและเฝ้าระวังผลกระทบ
มีคณะกรรมการเพื่อติดตามและเฝ้าระวังผลกระทบด้านลบที่เกี่ยวกับการใช้กัญชา รวมทั้งออกแนวทางและมาตรการแก้ไขปัญหาที่เกี่ยวข้องกับกัญชา เพื่อให้ได้ข้อมูลที่สำคัญต่อการประเมินและแก้ไขสถานการณ์ที่เกี่ยวข้องกับการใช้กัญชา
 
4. ต้องสนับสนุนการศึกษาวิจัย
สนับสนุนให้มีการศึกษาวิจัยการใช้ประโยชน์จากกัญชา เพื่อการแพทย์โดยตั้งอยู่บนพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์การแพทย์และหลักฐานเชิงประจักษ์
 
 
*รัฐบางรัฐในประเทศสหรัฐอเมริกากำหนดให้คนอายุ 21 ปีขึ้นไปเท่านั้น ที่จะมีกัญชาไว้ในครอบครองได้ และกำหนดปริมาณที่จะมีไว้ครอบครองได้ ประเทศอุรุกวัยกำหนดให้คนอายุ 18 ปีขึ้นไปเท่านั้น ที่จะเสพกัญชาได้และต้องมีการลงทะเบียนในระบบหากจะใช้กัญชา


 
 
 

5 ข้อเสนอ ราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย ป้องกันผลกระทบที่เกิดจากกัญชาต่อเด็กและวัยรุ่น   [ลิงค์]

 
 
ราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย ร่วมกับ สมาคมกุมารประสาทวิทยา (ประเทศไทย) ชมรมจิตแพทย์เด็กและวัยรุ่นแห่งประเทศไทย ชมรมพัฒนาการและพฤติกรรมเด็กแห่งประเทศไทย มีความห่วงใยและตระหนักถึงอันตรายที่จะเกิดขึ้น จึงมี 5 ข้อเสนอ เพื่อป้องกันผลกระทบที่เกิดจากกัญชาต่อเด็กและวัยรุ่น ดังนี้
 
1. เด็กต่ำกว่า 20 ปี ไม่ควรเข้าถึงกัญชาได้
เด็กที่อายุน้อยกว่า 20 ปีไม่ควรเข้าถึงและบริโภคกัญชา เนื่องจากสมองยังพัฒนาไม่เต็มที่ และกัญชามีสาร THC ที่มีผลต่อสมองเด็กในระยะยาว ดังนั้นเด็กจึงไม่ควรได้รับ THC ยกเว้นกรณีมีความจำเป็นทางการแพทย์เช่น ประกอบการรักษาประกับประคองผู้ป่วยมะเร็งระยะสุดท้าย โรคลมชักรักษายาก ซึ่งอยู่ภายใต้การดูแลรักษาของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญอย่างใกล้ชิด
 
2. ต้องประชาสัมพันธ์ เรื่องโทษของกัญชาต่อสมองเด็ก
ให้มีการประชาสัมพันธ์กับประชาชนเรื่องโทษของการใช้กัญชากับสมองเด็ก เพื่อให้เกิดความตระหนักต่อการเข้าถึงกัญชาในเด็กและวัยรุ่นเพื่อนันทนาการว่ากัญชาเป็นสารที่มีฤทธิ์เสพติด ส่งผลต่อสุขภาพกายและจิตในระยะเฉียบพลัน และอาจรุนแรงถึงกับชีวิตได้ รวมถึงมีผลกระทบในระยะยาวต่อสมอง ทำให้มีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างและการทำงานของสมองที่กำลังพัฒนา
 
3. มีมาตรการควบคุม สำหรับเด็ก
ให้มีมาตรการควบคุม การผลิต และขายอาหารหรือผลิตภัณฑ์ที่มีกัญชาผสม และให้มีเครื่องหมาย/ข้อความเตือนอย่างชัดเจนเพื่อป้องกันการใช้ในเด็กและวัยรุ่น โดยระบุ "ห้ามเด็กและเยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปีบริโภค"
 
4. ควบคุมการโฆษณา
ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรควบคุมการโฆษณาผลิตภัณฑ์ ควบคุมไม่ให้มีการจงใจออกแบบผลิตภัณฑ์ที่มีกัญชาเป็นส่วนผสม เช่น ภาพการ์ตูน หรือใช้คำพูดสื่อไปในทางให้เกิดความเข้าใจผิดว่าเป็นอาหารหรือขนมที่เด็กและวัยรุ่นบริโภคได้
 
5. ต้องติดตามผลต่อเนื่อง
ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มีการติดตามผลกระทบของกัญชาต่อเด็กอย่างต่อเนื่องและจริงจังหลังจากใช้กฎหมายกัญชาเสรี


 
 

เครือข่ายนักวิชาการและภาคประชาชนต้านภัยยาเสพติด (delay cannabis law)" รณรงค์ผ่าน change.org ควรให้มีกฎหมายที่เหมาะสมออกมาบังคับใช้ก่อนการเปิดเสรี


จากการปลดล็อกกัญชาจากการเป็นพืชยาเสพติด และมีผลบังคับใช้เมื่อ 9 มิ.ย.65 โดยที่พ.ร.บ.กัญชายังไม่มีการบังคับใช้ ส่งผลให้เกิดภาวะ "เสรีกัญชา" อย่างไร้การควบคุม หรือกล่าวได้ว่าเป็นการเปิด "กัญชาเสรี 100%" นั่นหมายถึงการเข้าถึงกัญชาสามารถทำได้โดยไร้ขอบเขต ไม่จำกัดกลุ่มคน และไม่สามารถควบคุมหรือป้องปรามด้วยวิธีใดได้ นำมาซึ่งความห่วงใยจากหลายฝ่ายในสังคม รวมทั้ง "เครือข่ายนักวิชาการและภาคประชาชนต้านภัยยาเสพติด (delay cannabis law)" เช่นกัน ซึ่งได้สร้างแคมเปญรณรงค์ ขึ้นบนเว็บไซต์ change.org ด้วยวัตถุประสงค์ชัดเจนว่าควรให้มีกฎหมายที่เหมาะสมออกมาบังคับใช้ก่อนการเปิดเสรีเช่นนี้






สมาชิกวุฒิสภา วอนนายกรัฐมนตรี ใช้อำนาจบริหาร ปิดช่องว่างกัญชาเสรี

นพ.อำพล จินดาวัฒนะ สมาชิกวุฒิสภา เผยแพร่ข้อคิดเห็น (11 มิถุนายน 2565) ต่อการเปิดเสรีการใช้กัญชา "วอนนายกรัฐมนตรี ใช้อำนาจบริหาร ปิดช่องว่างกัญชาเสรี หยุดผลกระทบต่อเด็กและเยาวชน" 
 
ตั้งแต่ 9 มิ.ย.65 กฎหมายปลดล็อคให้กัญชาเสรีแล้ว แต่เกิดช่องว่าง ไม่มีกฎหมายควบคุมการบริโภคกัญชา จะมีผลกระทบต่อเด็กและเยาวชนอย่างมาก สถาบันทางการแพทย์ออกมาเตือนทุกทิศทาง จะรอกฎหมายควบคุมกัญชง กัญชา ก็อีกนาน
 
ขอเสนอแนะ นรม.ใช้อำนาจบริหาร เช่น ออกพระราชกำหนด หรือคำสั่งนายกรัฐมนตรี จัดกลไกควบคุมกำกับการบริโภคภัญชาโดยด่วน 

++++

รีบปิดสูญญากาศ “กัญชาเสรี”
 
ตั้งแต่วันที่9มิย.65 ที่ผ่านมา รัฐบาล โดย กสธ.ปลดล๊อคให้ “กัญชาเสรี” แล้ว
 
เป็นไปตามนโยบายพรรคการเมืองพรรคหนึ่ง ที่ได้เข้าร่วมรัฐบาล คุมบังเหียนกระทรวงสาธารณสุข (ซึ่งมีหน้าที่หลักในการดูแลสุขภาพประชาชน มากกว่าเศรษฐกิจ)
 
ใครใคร่ปลูก -ปลูก, ใครใคร่เสพ-เสพ ไม่ว่าจะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่
 
เพราะยังไม่มีกฎหมายควบคุมการบริโภคกัญชา
 
เป็น “สูญญากาศ” เกิดขึ้นทันที
 
สถาบันทางการแพทย์ที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ ราชวิทยาลัยอายุรแพทย์แห่งประเทศไทย และราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย ออกแถลงการณ์ห่วงใยผลกระทบต่อเด็ก เยาวชน และสังคมที่จะตามมา
 
จึงขอเรียกร้องนายกรัฐมนตรี ทำอะไรได้ ทำด่วนเลยครับ
 
อย่ารอการออกกฎหมายควบคุมตามขั้นตอน ซึ่งใช้เวลาอีกนาน
 
“กว่าถั่วจะสุก” ระวัง “งาจะไหม้หมด” นะครับ
 
บันทึกสว.(601)
สว.อำพล: 11มิย.65
#กัญชาเสรี #หวั่นกระทบเด็ก #กัญชาไม่ไช่สินค้าทั่วไป

เพจชมรมแพทย์ชนบท

 
ข่าว/บทความล่าสุด
เนื้อหาอ่านล่าสุด