ข่าวสุขภาพ
ค้นหา รพ.-คลินิก-ร้านยาทั่วไทย ร้านยาคุณภาพของฉัน บริการสุขภาพ คลินิกเอกชน งาน รพ.
บริการวัคซีนโควิด บริการตรวจโควิด
ตำแหน่งงาน
ข่าวสุขภาพทั่วไป ข่าวธุรกิจสุขภาพไทย ข่าวธุรกิจสุขภาพรอบโลก กิจกรรม-บริการ รพ.ต่างๆ สิทธิสุขภาพชาวไทย สาระความรู้สุขภาพ Health Economy ท่องเที่ยวสุขภาพ กิจกรรม ESG CSR กิจกรรม Event บริจาค
น่าสนใจไทยแลนด์
English
About us เผยแพร่เนื้อหา สถิติเว็บไซต์ สำรวจความเห็นสุขภาพ โฆษณา
healthserv.net@gmail.com

ปานเทพ แถลงการณ์ หลังสภามีมติคว่ำพ.ร.บ.กัญชา

ปานเทพ แถลงการณ์ หลังสภามีมติคว่ำพ.ร.บ.กัญชา HealthServ.net

หลังสภามีมติคว่ำพ.ร.บ.กัญชา นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ พร้อมด้วยนายเทวัญ ธานีรัตน์ และนายอภิวัฒน์ จ่าตา ออกแถลงการณ์ หลังจากสภามีมติให้ถอนร่าง พ.ร.บ.กัญชา กัญชง กลับไปพิจารณาใหม่ โดยมีเนื้อหาดังนี้

ปานเทพ แถลงการณ์ หลังสภามีมติคว่ำพ.ร.บ.กัญชา ThumbMobile HealthServ.net
ปานเทพ แถลงการณ์ หลังสภามีมติคว่ำพ.ร.บ.กัญชา HealthServ

 
 
สืบเนื่องจาก 2 พรรค ไม่เห็นด้วยกับร่างพรบ กัญชา กัญชง และอยากให้กัญชากลับไปเป็นยาเสพติดใหม่ อยากเรียนว่า สิ่งที่คณะกรรมาธิการ ได้ทำการระดมสรรพกำลัง นับตั้งแต่เกิดสุญญากาศทางข้อกฏหมาย เมื่อ 9 มิถุนายน 2565 
 
รัฐบาลประยุทธ์ จันทร์โอชา รวมถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้ออกมาตรการหลายประการจำนวนมาก เพื่อคุ้มครองสังคม ในระหว่างที่รอกฏหมายกัญชา กัญชง แม้ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ที่ควบคุมได้ ดีพอสมควร  แต่ก็ยังเทียบไม่ได้กับร่าง พรบ กัญชา กัญชง ที่มีความรัดกุมรอบคอบหลายมิติ 
 
และถ้ากฏหมายฉบับ นี้ ยังไม่ผ่าน ฝ่ายการเมืองต้องคำนึงว่า สถานการณ์เดิมของภาวะสุญญากาศ จะยังคำดำรงอยู่ต่อไป 
 
 

ข้อสังเกต 

 
ประการที่ 1 การที่กัญชา ได้ถูกกำหนดให้ออกจากบัญชียาเสพติดให้โทษประเภท 5  เกิดขึ้นครั้งแรก เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน 2564  ในครั้งนั้นมีการเปลี่ยนแปลงมาตรา 29 ตามประมวลกฏหมายยาเสพติด และไม่ปรากฏ กัญชา ในรายชื่อยาเสพติด ประเภท 5 อีกต่อไป ซึ่งการประชุมร่วมกันของรัฐสภาครั้งนั้น ไม่ปรากฏว่าขอมีการแก้ไขมาตรา 29 ทั้งจาก 2 พรรค แต่อย่างใด 
 
ต่อมาวันที่ 24 สิงหาคม 25464 ที่ประชุมรัฐสภา 2 สภา ลงมติเห็นชอบกับประมวลกฏหมายยาเสพติดฉบับใหม่แก้ไขทั้งฉบับ ลงมติ 467 เสียง เป็นเอกฉันทน์ โดยไม่มีเสียงคัดค้าน จากทั้งสองพรรค แม้แต่คนเดียว 
 
แสดงให้เห็นว่ามีส่วนร่วมอย่างยิ่ง ให้กัญชาออกจากยาเสพติด
 
ประการที่ 2 หลังจากการลงมติแล้วเมื่อ 24 สิงหาคม 2564 ให้กัญชาไม่ใช่ยาเสพติด ก็ได้ปรากฏว่า คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ปปส) ได้ดำเนินการตามมติสภา จึงได้ลงมติตามความเห็นชอบของคณะกรรมการควบคุมยาเสพติด ให้กัญชาออกจายาเสพติด เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2565  และให้มีผลบังคับใช้วันที่ 9 มิถุนายน 2565 
 
ประการที่ 3 
ร่างพรบ กัญชา กัญชง ที่ริเริ่มโดยพรรคการเมือง นำเสนอต่อประธานสภาผู้แทนราษฎร วันที่ 27 มกราคม 2565 และมีการประชุมรับหลักการในวันที่ 8 มิถุนายน 2565  (เพียง 1 วันก่อนมีผลบังคับใช้) ซึ่งผลการลงมติวันนั้น ปรากฏเสียงข้างมากในสภาเห็นชอบ 373 เสียง ไม่เห็นชอบ 7 เสียง  และทั้งข้างมาก รวมทั้งจากสองพรรคเห็นชอบรับหลักการของกฏหมายฉบับนี้
 
 
ประการที่ 4 ในการที่ทั้งสองพรรค เห็นชอบกับกฏหมายฉบับนี้ ในวาระรับหลักการเมื่อวันที่ 8 มิถุนายน นั้น  ขณะนั้นกฏหมายมีเพียง 45 มาตราเท่านั้น กระนั้นสภายังเห็นชอบเกือบเป็นเอกฉันทน์  แต่เมื่อได้มีการปรับปรุงแก้ไข ร่างพรบ กัญชา กัญชง ฉบับใหม่โดยกรรมาธิการ 21 ท่าน และที่ปรึกษากว่า 40 ท่าน จากการประชุม 19 ครั้ง เปิดรับฟังความเห็นรอบด้าน รวมทั้งจากทั้งสองพรรค และการสงวนคำแปรญัตติรายมาตราตามกระบวนที่เห็นว่าเป็นไปตามที่เห็นชอบของคณะกรรมาธิการเสียงข้างมาก  ในท้ายที่สุด เป็นผลให้ มีข้อกฏหมายเพิ่มขึ้นอีก 50 มาตรา รวมทั้งหมดเป็น 95 มาตรา 
 
มาตราที่เพิ่มขึ้นนั้น ล้วนแล้วแต่เป็นมาตราที่มีบทบัญญัติการควบคุมหลายด้าน โดยควบคุมสังคม ควบคุมเยาวชน ควบคุมการขาย ควบคุมสถานที่ขาย ควบคุมวิธีการใช้ อย่างเข้มข้นขึ้นกว่าเดิม
 
ดังนั้นกรณีกล่าวว่าหลังรับหลักการไป เกรงว่ากฏหมายจะมีความหละหลวมนั้น แท้ที่จริงแล้ว กฏหมายมีความเข้มข้นกว่าเมื่อครั้งมีการลงมติรับหลักการวันที่ 8 มิถุนายน 2565 
 
 
ขอเรียนให้ทราบว่า แม้แต่เสียงจากพรรคการเมืองทุกพรรค รับฟังคณะกรรมาธิการก็รับฟัง ตั้งแต่ผู้ที่อยู่ในฐานะเป็นกรรมาธิการ 
 
ย้อนกลับไปยังวันที่มีการประชุมนัดแรก ผู้แทนพรรคการเมืองได้เสนอ "ฟูลมูนปาร์ตี้ในเกาะแห่งหนึ่งในการใช้กัญชาอย่างเสรี" ใช่หรือไม่ "เสนอมากกว่ากรรมาธิการเสียอีก"  
 
คณะกรรมาธิการ เห็นว่าพึงรับฟังความเห็นอย่างรอบด้าน มีที่ปรึกษาจำนวนมาก มีการเชิญตัวแทนกระทรวงต่างๆ อาทิ กระทรวงต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ การดูผลสำรวจประชาชน ถึงความต้องการปลูก ฯลฯ ด้วยหวังว่ากฏหมายฉบับนี้ จะไม่เป็นไปเพื่อเอื้อประโยชน์ต่อกลุ่มทุนทางการแพทย์ กลุ่มทุนที่ต้องการผูกขาดและต้องการให้กัญชาเป็นของประชาชน 
 
เราจึงกำหนดตาม อีสานโพล สำรวจความเห็นว่าจำนวนต้นที่ยอมให้ปลูกได้รวมกันไม่เกิน 20 ต้นนั้น ผลโพลระบุว่า 62% เห็นชอบด้วย แต่ในท้ายที่สุดต่อรองเหลือเพียง 15 ต้น
 
 
สิ่งที่เรา (คณะกรรมาธิการ) เสนอวันนี้ (14 กันยายน 2565) รัดกุมรอบคอบกว่าวันที่มีการลงมติรับหลักการเมื่อ 8 มิถุนายน อย่างชัดเจน
 
 
และกฏหมายฉบับนี้ ไม่มีทางจะปล่อยให้กัญชา กลับไปเป็นยาเสพติด เพราะรัฐสภาเห็นชอบเองตั้งแต่  24 สิงหาคม ในประมวลกฏหมายยาเสพติดให้กัญชา พ้นจากยาเสพติดอย่างเป็นเอกฉันทน์เอง 
 
 
จึงขอวิงวอนว่า กฏหมายฉบับนี้ ไม่ใช่กฏหมายของพรรคการเมือง แต่กำเนิดขึ้นเพราะเสียงเรียกร้องของประชาชน เกิดขึ้นเพราะมีประชาชนต้องการใช้กัญชาทางการแพทย์ใต้ดินจำนวนมากและกำลังถูกจับถูกรีดไถ อย่างไม่เป็นธรรม จึงเป็นเสียงเรียกร้องเพื่อการขอปลูก เพื่อการพึ่งพาตนเอง จากการศึกษาการลงพื้นที่ของประชาชน 
 
เราขอวิงวอน กฏหมายฉบับนี้ทุ่มเทจากทุกภาคส่วน ตลอด 2-3 เดือนที่ผ่านมา เร่งรัดเพราะห่วงข้อความว่า "สุญญากาศ" จะเกิดขึ้น สังคมเป็นห่วง เราจึงทุ่มเทเพื่อให้มาบรรจุวาระในวันนี้ และจะไม่มีวันถอนออกจากสภา 
 
เราจะเอาสู่สภา และให้พี่น้องประชาชนตัดสิน ว่า ผู้แทนเหล่านั้น กำลังเล่นการเมือง หรือยึดประโยชน์ประชาชนอย่างแท้จริง 
 
เมื่อเสียงที่คัดค้านในขณะนี้ เป็นเสียงที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิง จากสิ่งที่รับหลักการที่หละหลวมกว่ากฏหมายฉบับนี้
 
ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการ รู้สึกผิดหวัง มีความรู้สึกว่าพรรคการเมืองเล่นการเมืองมากเกินไป เกินกว่าจะนึกถึงประโยชน์ประชาชนเป็นตัวตั้ง ขอวิงวอนครับ เราจะเข้าสภาครับ และเดินหน้า 
 
ภาระกิจของคณะกรรมาธิการเสร็จสมบูรณ์แล้ว ที่เหลืออนาคตว่าจะเกิดสุญญากาศต่อไปหรือไม่ หรือจะมีกฏหมายที่รัดกุมรอบคอบและดีกว่า ขึ้นอยู่กับสส.ของพวกท่าน คือประชาชน ขอบคุณครับ
 


14 กันยายน 2565 
อาคารรัฐสภา

 
ข่าว/บทความล่าสุด
เนื้อหาอ่านล่าสุด