นายโรเบิร์ต เอฟ. โกเดคกล่าวว่า ความร่วมมือทางสาธารณสุขของทั้งสองประเทศมีมาอย่างยาวนานโดยศูนย์ป้องกันและควบคุมโรคแห่งชาติ สหรัฐอเมริกา และกระทรวงสาธารณสุขของไทย ดำเนินงานป้องกันควบคุมโรคระบาดต่างๆ ร่วมกันมากกว่า 40 ปี เช่น HIV/AIDS มาลาเรีย ไข้เลือดออก ไข้ซิก้า ไข้หวัดใหญ่ และการที่ศูนย์ป้องกันและควบคุมโรคแห่งชาติสหรัฐฯ มีสำนักงานนอกประเทศที่ใหญ่ที่สุดอยู่ในประเทศไทย ได้ช่วยสนับสนุนดูแลประเด็นสุขภาพต่างๆ เพื่อประโยชน์ของประชาชนทั้งสองประเทศ รวมถึงในช่วงสถานการณ์โรคโควิด 19 ยังได้สนับสนุนการเฝ้าระวัง สอบสวน หาผู้สัมผัส การควบคุมโรคในพื้นที่กทม.และปริมณฑล ของประเทศไทย เป็นต้น ความสำเร็จเหล่านี้เกิดจากการทำงานร่วมกันที่โปร่งใส ทำให้ระบบสาธารณสุขไทยแข็งแกร่ง ยืดหยุ่น และฟื้นตัวได้เร็ว เป็นแบบอย่างที่ดีให้แก่ประเทศอื่นๆ ซึ่งในอนาคตคาดว่าจะมีการเติบโตและมีโครงสร้างพื้นฐานด้านสาธารณสุขที่เข้มแข็ง ช่วยปกป้องสุขภาพประชาชนชาวไทย สุขภาพอาเซียนและสุขภาพโลกต่อไป
พญ.โรเชลกล่าวว่า รู้สึกเป็นเกียรติที่ได้มีโอกาสร่วมฉลองความสัมพันธ์ 43 ปี ความร่วมมือด้านสาธารณสุข ระหว่างศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งชาติ สหรัฐอเมริกา กับกระทรวงสาธารณสุขไทย และถือเป็นการรำลึกครบรอบ 20 ปี ของการระบาดของโรคซาร์ส ที่ นพ.คาร์โล เออบานนี่ ผู้ซึ่งพบการระบาดครั้งแรกถูกส่งตัวมารักษา ที่สถาบันบำราศนราดูรแห่งนี้ นับเป็นบทเรียนสำคัญทำให้งานสาธารณสุขมีความก้าวหน้า ทั้งด้านการจัดตั้งระบบเฝ้าระวังเพื่อตรวจจับภัยคุกคามด้านสาธารณสุข การตอบสนองที่มีประสิทธิภาพเพื่อควบคุมการระบาดอย่างทันท่วงทีเกิดความปลอดภัยของบุคลากรทางการแพทย์ รวมถึงการสื่อสารความเสี่ยงเพื่อให้ประชาชนได้ปฏิบัติตนและป้องกันตนเองได้ถูกต้อง ซึ่งแม้ว่าในภูมิภาคอาเซียนจะมีโรคติดเชื้ออุบัติใหม่เกิดขึ้นจำนวนมาก เช่น โรคติดเชื้อไวรัสนิปาห์ โรคซาร์ส หรือโรคไข้หวัดนกหลายสายพันธุ์ และที่สำคัญคือ โรคโควิด 19 แต่จากความร่วมมือที่มีมาอย่างยาวนานของทั้งสองประเทศในการพัฒนาด้านต่างๆ เช่น การพัฒนานักระบาดวิทยาภาคสนาม (FETP) การพัฒนาห้องแล็บ การเฝ้าระวัง และระบบการตอบโต้ รวมไปถึงการพัฒนาศูนย์ปฏิบัติการในภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุข ได้ส่งผลให้ประเทศไทยสามารถตอบโต้การระบาดของโรคติดเชื้อได้อย่างมีประสิทธิภาพ และขยายไปยังประเทศต่างในภูมิภาคอาเซียนด้วย
“ความร่วมมือในการตอบโต้เหตุฉุกเฉินทางสาธารณสุขที่ผ่านมา เป็นเครื่องพิสูจน์ความเข้มแข็งในการร่วมมือกันระหว่างไทยและสหรัฐฯ และยังคงยืนยันที่จะทำงานและพัฒนาความมั่นคงทางสุขภาพร่วมกันอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้คนไทยและคนทั่วโลกมีชีวิตที่ปลอดภัยและมีสุขภาพที่ดีขึ้น เพราะโรคไม่มีพรมแดน และเราไม่อาจปกป้องประเทศหนึ่งประเทศใดได้ หากไม่ปกป้องทุกๆ ประเทศไปพร้อม ๆ กัน” พญ.โรเชล กล่าว