ข่าวสุขภาพ
ค้นหา รพ.-คลินิก-ร้านยาทั่วไทย ร้านยาคุณภาพของฉัน บริการสุขภาพ คลินิกเอกชน งาน รพ.
บริการวัคซีนโควิด บริการตรวจโควิด
ตำแหน่งงาน
ข่าวสุขภาพทั่วไป ข่าวธุรกิจสุขภาพไทย ข่าวธุรกิจสุขภาพรอบโลก กิจกรรม-บริการ รพ.ต่างๆ สิทธิสุขภาพชาวไทย สาระความรู้สุขภาพ Health Economy ท่องเที่ยวสุขภาพ กิจกรรม ESG CSR กิจกรรม Event บริจาค
น่าสนใจไทยแลนด์
English
About us เผยแพร่เนื้อหา สถิติเว็บไซต์ สำรวจความเห็นสุขภาพ โฆษณา
healthserv.net@gmail.com

30 วัน ลดละเลี่ยง โซเชียล (30 days Social Media Detox)

30 วัน ลดละเลี่ยง โซเชียล (30 days Social Media Detox) HealthServ.net

มติมหาชนที่คนทั้งโลกเห็นพ้องและฟันธงไปแล้วว่า "โซเชียลเป็นการเสพติด" ความจริงของยุคสมัยที่ไม่อาจปฏิเสธ ก็เห็นจริงอย่างเขาว่านะ ไม่งั้นคงไม่พูดกันหรอก ว่าติดโซเชียล ติดเฟซ ติดอินตาแกรม ติดไลน์ ติดทวิตเตอร์ และที่มาแรงสุดยุคนี้ คือติดติ๊กต็อก อาการติดโซเชียลแบ่งตามวัยด้วยนะ ติดสื่อไหนบอกวัยได้ผ่านสื่อแหละว่างั้น ติดเฟซก็แน่นอนว่ารุ่นใหญ่ รุ่นเก๋า จนถึงรุ่นแก่ ไล่วัยลงมาเรื่อยๆ จนใหม่สุดอย่างติ๊กต็อก ก็ต้องเด็กรุ่นใหม่วัยกระเตาะ วัยประถมมัธยมกันเลย แต่ไม่ว่าวัยไหน ถ้าใช้สื่อจนเรียกว่าติดละก็ไม่ดีทั้งนั้น ทีนี้จะลดละเลิก ต้องทำไง นี่สิน่าคิด เลยไปสืบค้นหาดูคำแนะนำจากที่มีกูรูแนะนำทำเป็น 30 วันลดละเลิกโซเชียล น่าสนใจเลยเอามาฝากกัน อาจไม่เป๊ะ แต่ต้องลองปรับจูนเอาเองด้วย ให้ตรงกับจริตและความตั้งใจของตัวด้วย จะได้เพิ่มโอกาสที่จะทำให้สำเร็จไงล่ะ จะปริ้นต์แปะฝาบ้านไว้ หรือเซฟใส่มือถือไว้เปิดดูแทนเล่นโซเชียล ก็ไม่เลวนะเออ

30 วัน ลดละเลี่ยง โซเชียล (30 days Social Media Detox) ThumbMobile HealthServ.net
30 วัน ลดละเลี่ยง โซเชียล (30 days Social Media Detox) HealthServ


Day 1 - Day 12

12 วันแรก งดเล่นเฟซตั้ง 5 วันแน่ะ แต่ก็ไม่ได้ใจร้ายงดทั้งหมดสิ้นเชิงเลยนี่หน่า แบบว่าค่อยๆ งดไปทีละนิด  เริ่มวันแรกเลย ให้งดถึงเที่ยงวันเอง เป็นการประเดิม แล้วดูซิจะทำได้มั๊ยในวันแรก  วันต่อมาคือ "งดอัปเดต" ใดๆ ลงโซเชียลเลย เริ่มยากแล้วสิ ก็ต้องทนนะ  วันต่อมาก็งดอีกถึง 11 โมง เร็วกว่าวันแรกนิดนึง  วันที่ 4 อันนี้น่าจะดีคือโทร หาเพื่อนแทนการอัปลงโซเชียล คุยกันไปเลย คุยจบก็จบไป ไม่เหมือนเวลาโพสต์แล้ว มันจะดูดให้เรากลับมาตามตลอดเพราะคนโน้นคนนี้ เข้ามาเม้นต์ มาคุยตลอดเวลา จำไว้เลยว่า "ถ้าไม่โพสต์ ก็ไม่ต้องติดพัน" วันถัดๆ มาก็ทำเหมือนกัน คุยกับเพื่อนแทนการโพสต์ แต่บางวันก็ยอมให้เล่นได้บ้างนะ ไม่ใช่ห้าม งด อย่างเดียว จะได้ผ่อนคลายหน่อย ไม่เครียด แต่กลัวจะไปเครียดเพิ่มเมื่ออ่านโพสต์ในโซเชียลแทนนี่สิ  โดยเฉพาะทวิตเตอร์นี่ แรงทั้งนั้น  ถ้าไปสายติ๊กต็อก จะสนุกเฮฮากว่าเยอะ  แล้วก็อย่าลืมว่าเล่นแล้ว ต้องกลับมา "อดโซเชียล" ต่อนะ แบบว่า อด-เล่น เล่น-อด สลับไป 

Day 13 - Day 24

สังเกตปะว่า ช่วง 12 วันแรก ให้งดช่วงเช้า พอ 12 วันหลัง เริ่มให้งดช่วงบ่ายแทน หรืองดยาวมาถึงช่วงบ่ายเพิ่ม เปรียบเหมือนเริ่มวิ่งมาสักพัก ร่างกายเริ่มอึด ก็วิ่งได้นานขึ้น การอดโซเชียลก็เช่นกัน เมื่อเริ่มลดละได้บ้าง ก็เริ่มลดลดให้นานขึ้น ความอยากในโซเชียลก็ลดลง  พอถึงซักวันที่ 16 ที่สามารถจะ "ไม่เล่นมือถือ ตอนกินข้าวทุกมื้อได้" นี่แหละเส้นชัยครึ่งสนามแรกละ  เชื่อเลยว่ามาถึงช่วงนี้ จะรู้สึกร่างกายฟิต ชีวิตมีมิติอย่างใหม่ เหมือนมีพลังบางอย่างทำให้เราสดชื่น ไร้สิ่งผูกมัด  ทีนี้พอเข้าช่วง 15 วันหลัง ที่จะยืดเวลาเล่นไปยาวๆ ถึงช่วงบ่ายๆ เย็นๆ บอกเลยว่า ความอยากเล่น มันลดลงไปเยอะแล้ว ที่เห็นว่างดหลัง บ่าย 3 บ้าง 5 โมงบ้าง หรืองด 1 วัน เอาเข้าจริงอาจจะกลายเป็นงดได้หลายวันรัวๆ เลยก็ได้ หรือถ้าจะเล่น ก็หยิบมาแตะๆ ปัดๆ เท่านั้น ใจมันปล่อยวางซะแล้ว บอกตัวเองได้ว่า ไม่จำเป็นต้องตามอะไรทุกเรื่อง ทุกวินาทีหรอก ไม่จำเป็นขนาดนั้น เมื่อนั้น โซเชียล ก็เหมือนแค่เครื่องคิดเลข ที่หยิบใช้เมื่อจำเป็นเท่านั้น เสร็จแล้วก็วาง (เปรียบเว่อไปมะเนี่ย)

Day 25 - Day 30

 ช่วงวันท้ายๆ ก็คล้ายๆ 3 อาทิตย์ ที่ผ่านมา งดให้ยาวขึ้น คุยกันแทนเขียนหากัน ทำอย่างอื่นเสริมเข้ามา จะเล่นก็ได้บ้างไม่ถึงกับห้าม แต่เชื่อเถอะมาถึงตรงนี้ คิดและรู้สึกยังไงก็ปล่อยไปตามนั้นได้เลย วินัยในตัวมันก่อร่างสร้างแบบแผนขึ้นมาแล้ว ตัวเองจะรู้ดีสุดว่าแบบไหนได้ไม่ได้ แค่ไหนเหมาะควร มันปรับได้เอง จุดที่พอดีที่เราชอบมันจะมาเอง และ เราเลือกได้เอง ว่าจะจัดสรรมันอย่างไรในที่สุด  และเมื่อถึงตอนนั้น ตารางต่างๆ ก็ไม่จำเป็นอีกต่อไป  เมื่อนั้นก็ถึงเวลาออกไปใช้ชีวิตแบบไร้อิทธิพลโซเชียลแบบสไตล์เรานั่นเอง
ข่าว/บทความล่าสุด
เนื้อหาอ่านล่าสุด