ข่าวสุขภาพ
ค้นหา รพ.-คลินิก-ร้านยาทั่วไทย ร้านยาคุณภาพของฉัน บริการสุขภาพ คลินิกเอกชน งาน รพ.
บริการวัคซีนโควิด บริการตรวจโควิด
ตำแหน่งงาน
ข่าวสุขภาพทั่วไป ข่าวธุรกิจสุขภาพไทย ข่าวธุรกิจสุขภาพรอบโลก กิจกรรม-บริการ รพ.ต่างๆ สิทธิสุขภาพชาวไทย สาระความรู้สุขภาพ Health Economy ท่องเที่ยวสุขภาพ กิจกรรม ESG CSR กิจกรรม Event บริจาค
น่าสนใจไทยแลนด์
English
About us เผยแพร่เนื้อหา สถิติเว็บไซต์ สำรวจความเห็นสุขภาพ โฆษณา
healthserv.net@gmail.com

ความผิดปกติของหลอดเลือดดำ

การไหลเวียนของเลือดอาจอธิบายได้ง่ายๆ ถ้าเราดูองค์ประกอบอันสำคัญ 3 ประการ คือ หัวใจ,หลอดเลือดแดงและหลอดเลือดดำ

ความผิดปกติของหลอดเลือดดำ

การไหลเวียนของเลือด
 
การไหลเวียนของเลือดอาจอธิบายได้ง่าย ๆ ถ้าเราดูองค์ประกอบอันสำคัญ 3 ประการ คือ หัวใจ,หลอดเลือดแดงและหลอดเลือดดำ
 
     หัวใจสูบฉีดโลหิตที่อุดมด้วยออกซิเจนและสารอาหารไปตามเครือข่ายอันสลับซับซ้อนของหลอดเลือดแดงเพื่อนำไปยังเซลล์ทุกเซลล์ในร่างกาย ออกซิเจนและสารอาหารจะผ่านสู่เซลล์ของระบบหลอดโลหิตที่มีชื่อว่า “หลอดเลือดฝอย( Capillaries )” ส่วนของเสียที่เกิดจากกระบวนการเผาผลาญอาหารให้เกิดพลังงานและเลือดที่พร่องออกซิเจนนี้จะสูบฉีดกลับไปที่ปอดเพื่อแลกเปลี่ยนให้อุดมด้วยออกซิเจนอีกครั้งก่อนจะไหลกลับไปที่หัวใจเพื่อเริ่มวงจรใหม่
 
     หัวใจช่วยสูบฉีดโลหิตไปทั่วร่างกาย ส่วนหลอเลือดดำจะใช้กลไกการต้านแรงโน้มถ่วง เพื่อขนส่งเลือดกลับไปยังหัวใจ การเต้นอย่างเป็นจังหวะของหัวใจ การหายใจที่ทำให้ทรวงอกเคลื่อนไหวและกล้ามเนื้อของร่างกาย ล้วนมีบทบาทสำคัญในการขนส่งเลือดกลับสู่หัวใจ
 
การทำงานของหลอดเลือดดำและลิ้นของหลอดเลือดดำ
     ภารกิจสำคัญของการนเลือดกลับสู่หัวใจเกิดขึ้นจากกลไกการบีบตัวของกล้ามเนื้อและส่วนที่เรียกว่าลิ้นของหลอดเลือดดำ การเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่องที่มองไม่เห็นของกล้ามเนื้อทั่วร่างกายจะค่อย ๆ บีบหลอดเลือดดำและผลักดันให้เลือดไหลผ่านจากลิ้นหนึ่งยังอีกลิ้นหนึ่ง แต่ละลิ้น ประกอบด้วยแผ่นพับ 2 แผ่น ทำหน้าที่เหมือนบานประตูน้ำที่เป็นคู่ เพื่อป้องกันไม่ให้แรงโน้มถ่วงของโลกดึงเลือดกลับลงสู่ส่วนขา
 
     ขาของคนที่มีสุขภาพปกติจะมีหลอดเลือดดำที่มีผนังเรียบและยืดหยุ่น เพื่อปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงของแรงดันในหลอดเลือดดำ เมื่อกล้ามเนื้อน่องบีบตัว ลิ้นของหลอดเลือดดำจะเปิดไปในทิศทางที่มุ่งสู่หัวใจเพื่อให้เลือดไหลผ่านไปพอกล้ามเนื้อผ่อนคลาย ลิ้นก็จะปิดเพื่อป้องกันเลือดไหลกลับ
 
     แต่ถ้าผนังของหลอดเลือดดำเสียหายไปเพราะภาวะหลอดเลือดดำโป่งขดหรือเกิดลิ่มเลือดจนหลอดเลือดอุดตันก็จะโป่งพองจนหลอดเลือดอุดตันก็จะโป่งพองจนลิ้นไม่สามารถปิดได้ดี เมื่อร่างกายอยู่ในท่ายืนเลือดที่จะไหลกลับหัวใจก็จะหยุดนิ่งอยู่ที่ส่วนขา แรงดันภายใจหลอดเลือดดำซาฟีนัส ( Saphenousvein ) ที่อยู่ภายใต้ผิวหนังก็จะสูงขึ้น จนหลอดเลือดดำบวม อาการเริ่มแรกที่พบบ่อยที่สุด คือ ความรู้สึกว่าขาเมื่อยล้า หรือปวดน่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลายืนนาน ๆ ต่อมาน้ำเลือดจะคั่งอยู่ที่ส่วนเท้าและข้อเท้าจนทกให้บวมผิวหนังที่ปกคลุมข้อเท้าจะบางลงและมีสีคล้ำหรืออาจแตกเป็นแผลที่เรียกว่าแผลเลือดคั่ง ( Venous stasis ulcer )
 
 
ความผิดปกติของหลอดเลือดดำ
มีได้หลายรูปแบบ เช่น
  • Spider vein คือการโป่งออกของหลอดเลือดดำใต้ผิวหนัง
  • Varicosis เป็นศัพท์แพทย์ที่ใช้เรียกภาวะที่หลอดเลือดดำชั้นตื้นเกิดการโป่งพอง เนื่องจากลิ้นเสียไปอีกคำเรียกหนึ่งคือ Varicose Vein Deep Vein Thrombosis (DVT) คือภาวะที่มีการอุดตันของหลอดเลือดดำชั้นลึก เนื่องจากลิ่มเลือด (ทำให้มีความเสี่ยงต่อการไหลของลิ่มเลือดไปอุดหลอดเลือดแดงในปอด) Pulmonary Embolism การอุดตันของหลอดเลือดแดงในปอดเนื่องจากลิ่มเลือด Superficial Phlebitis การอักเสบและการเกิดลิ่มเลือดของหลอดเลือดดำชุดตื้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งหลอดเลือดที่โป่งขด Post – thrombotic Syndrome ภายหลังเกิดภาวะที่มีการบวม ผิวหนังมีสีคล้ำและหลอดเลือดแข็งหรือเกิดแผลที่ขาตามหลังความผิดปกติของหลอดเลือดดำ เช่น หลอดเลือดดำโป่งขดหรือลิ่มเลือดอุดตันหลอดเลือดดำ Chronic Venous Insufficiency (CVI) คือภาวะที่มีการบวม,ผิวหนังมีสีคล้ำและหลอดเลือดแข็งหรือเกิดแผลที่ขาตามหลังความผิดปกติของหลอดเลือดดำ เช่น หลอดเลือดดำโป่งขดหรือลิ่มเลือดอุดตันหลอดเลือดดำ Ulcer of the leg (venous stasis ulcer) เป็นภาวะ CVI ระดับรุนแรง เนื่องจากเนื้อเยื่อขาดออกซิเจนและสารอาหารเรื้อรัง ในรายที่เลวร้ายที่สุดเนื้อเยื่อจะตายแล้วแตกเป็นแผลที่ขาส่วนล่าง
 
ท่านจะเห็นได้ว่าภาวะผิดปกติของหลอดเลือดดำมีหลายชนิด ดังนั้นเพื่อให้ได้การวินิจฉัยที่ถูกต้องและการรักษาที่เหมาสมจึงควรปรึกษาแพทย์ 
 
สาเหตุและปัจจัยเสี่ยง
  1. กรรมพันธุ์ ความอ่อนแอของลิ้นหลอดเลือดดำที่นำไปสู่ภาวะหลอดเลือดดำโป่งขด อาจเป็นผลทางกรรมพันธุ์ ในบางกรณี เกิดจากเนื้อเยื่อปรานที่อ่อนแอ ผู้หญิงจะมีฮอร์โมนเพศที่ทำให้มีเนื้อเยื่อประสานที่หลวมมากจนเป็นเหตุให้หลอดเลือดดำโป่งออกจนเกินไป อย่างไรก็ตามปัจจัยทางกรรมพันธุ์ก็อาจทำให้เกิดความผิดปกติของหลอดเลือดดำในผู้ชายได้เช่นกัน
  2. ขาดการออกกำลังกาย การยืนนิ่งและนั่งเป็นเวลานานในแต่ละครั้ง จะทำให้การบีบตัวของกล้ามเนื้อหยุดลงจนเกิดการคั่งของเลือดที่ขาและหลอดเลือดดำโป่งพองมากเพิ่มขึ้น การเดินทางนาน ๆ ในรถยนต์ เครื่องบิน หรือแม้แต่รถไฟจะสร้างความตึงเครียดให้แก่หลอดเลือดดำมาก
  3. อายุ เมื่อคนเรามีอายุมากขึ้น ผนังของหลอดเลือดดำจะมีความยืดหยุ่นลดลงและเกิดความผิดปกติของหลอดเลือดดำได้ง่ายขึ้น ส่วนสาเหตุและปัจจัยเสี่ยงอื่น ๆ มีอาทิ เช่น
    • เครื่องนุ่มห่มที่คับแน่นเกินไป
    • การสวมรองเท้าส้นสูง
    • ความอ้วน
    • การดื่มสุรามากไป
    • การอาบน้ำร้อนและสัมผัสแสงแดดมากเกินไป
    • การอบไปน้ำหรือผึ่งแดดเทียมมากเกินไป
 
 
การตั้งครรภ์
     สร้างปัญหาแก่หลอดเลือดดำเป็นสองเท่า
ในช่วงตั้งครรภ์นั้นระบบหลอดเลือดดำจะได้รับแรงกดดันเพิ่มเป็นสองเท่าของยามปกติ เนื่องจากหลอดเลือดดำต้องขนส่งเลือดในปริมาณมากขึ้น อีกทั้งความเข้มข้นของฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนที่สูงขึ้นจะมีผลต่อหลอดเลือดดำในทางลบ เพราะเป็นฮอร์โมนที่ทำให้เนื้อเยื่อประสานของร่างกายผ่อนคลายลง เพื่อเตรียมไว้สำหรับการคลอด แต่ไม่ค่อยจะดีนักสำหรับอวัยวะส่วนขา ซึ่งเนื้อเยื่อประสานก็จะหละหลวมด้วย
 
     ปัญหาที่เพิ่มขึ้นอีกมาจากมดลูกที่โตขึ้นจนเกิดแรงกดดันเพิ่มขึ้น กับหลอดเลือดดำในช่องเชิงกรานและสกัดกั้นการไหลของเลือดกลับสู่หัวใจ บ่อยครั้งจะเห็นหลอดเลือดดำให้ผิวหนังโป่งออกหรือหลอดเลือดดำโป่งขดเกิดขึ้นครั้งแรกในระหว่างตั้งครรภ์ แล้วมักจะหายไปอย่างน้อยก็บางส่วนหลังจากคลอดบุตรคนแรก แต่ความเสี่ยงต่อหลอดเลือดดำผิดปกติจะเพิ่มขึ้นในการตั้งครรภ์ครั้งต่อ ๆ ไป
 
     และนั่นหมายความว่ามาตรการป้องกันมีความสำคัญเป็นพิเศษระหว่างตั้งครรภ์ เพราะในช่วงเวลานั้น ๆ นี้ผู้หญิงสามารถทำอะไรได้มากมายในการป้องกันความผิดปกติของหลอดเลือดดำที่จะเกิดตามมาในปีต่อ ๆ ไป ด้วยเหตุนี้ ถุงน่องเพื่อสุขภาพ JOBST จึงนำเสนอผลิตภัณฑ์อันหลากหลายในการต่อสู้กับความผิดปกติของหลอดเลือดต่าง ๆ ระหว่างตั้งครรภ์
 

แรงบีบรัดที่ค่อย ๆ เพิ่ม ( Gradient Compression ) การบรรเทาที่เห็นได้ชัด
 
     การสร้างแรงบีบรัดจำนวนหนึ่งลงไปที่ขาจัดเป็นหลักการรักษา การผิดปกติของหลอดเลือดดำ ถุงน่องเพื่อสุขภาพที่ถูกออกแบบมาเป็นพิเศษจะมีแรงบีบรัดต่อขาที่ค่อย ๆ เพิ่มตามสรีระที่เรียกว่า Gradient compression เพราะว่าแรงบีบจะสูงสุดบริเวณข้อเท้า แล้วค่อย ๆ ไล่ลดหลั่นลงตามลำดับ เมื่อไต่ระดับสูงขึ้นมาที่ต้นขา แรงบีบรัดนี้จะช่วยบีบเนื้อเยื้อและช่วยให้กล้ามเนื้อสูบฉีดได้ดีขึ้น ทำให้เลือดไหลกลับและลิ้นหลอดเลือดดำปิดได้ดีขึ้นหรืออีกนัยหนึ่งถุงน่องทางการแพทย์ ช่วยบรรเทาอาการปวดเมื่อยขานั่นเอง
 
     เงื่อนไขอันดับแรกของการบรรเทาอาการปวดเมื่อยดังกล่าวคือ การสวมถุงน่องเพื่อสุขภาพที่คุณหมอแนะนำอย่างสม่ำเสมอ และต่อเนื่องเพื่อป้องกันการเกิดเส้นเลือดดำคั่งที่บริเวณขา
 
     การสวมถุงน่องเพื่อสุขภาพที่มีแรงบีบรัดที่ค่อย ๆ เพิ่มนี้ถือเป็นมาตรการทางการแพทย์ที่มีประสิทธิภาพสูงในรายที่มีอาการปวดเมื่อยหรือมีอาการบวมที่เท้า,ข้อเท้า,หรือขา และยังสามารถใช้ภายหลังผ่าตัดหลอดเลือดดำโป่งขดหรือการรักษาโดยการฉีดยาให้หลอดเลือดดำแข็งตัว ( Sclerotherapy )
ข่าว/บทความล่าสุด
เนื้อหาอ่านล่าสุด