ข่าวสุขภาพ
ค้นหา รพ.-คลินิก-ร้านยาทั่วไทย ร้านยาคุณภาพของฉัน บริการสุขภาพ คลินิกเอกชน งาน รพ.
บริการวัคซีนโควิด บริการตรวจโควิด
ตำแหน่งงาน
ข่าวสุขภาพทั่วไป ข่าวธุรกิจสุขภาพไทย ข่าวธุรกิจสุขภาพรอบโลก กิจกรรม-บริการ รพ.ต่างๆ สิทธิสุขภาพชาวไทย สาระความรู้สุขภาพ Health Economy ท่องเที่ยวสุขภาพ กิจกรรม ESG CSR กิจกรรม Event บริจาค
น่าสนใจไทยแลนด์
English
About us เผยแพร่เนื้อหา สถิติเว็บไซต์ สำรวจความเห็นสุขภาพ โฆษณา
healthserv.net@gmail.com

สิ่งที่ผู้ป่วยควรทราบ เมื่อได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคภูมิแพ้

สิ่งที่ผู้ป่วยควรทราบ เมื่อได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคภูมิแพ้

สิ่งที่ผู้ป่วยควรทราบ เมื่อได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคภูมิแพ้
  1. โรคนี้ไม่สามารถรักษาให้หายขาด  มักจะมีอาการ เป็นๆ หายๆ 
  2. มีสิ่งที่สามารถกระตุ้น ให้ผู้ป่วยเกิดอาการขึ้นมาได้หลายประเภท  ซึ่งสิ่งทั้งหลายเหล่านี้  ควรหลีกเลี่ยง ได้แก่

    • ความเครียด, การนอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ, อารมณ์เศร้า, วิตก,  กังวล,  เสียใจ
     
    • ของฉุน,  ฝุ่น,  ควัน,  อากาศที่เปลี่ยนแปลง  (จึงจำเป็นที่จะต้องหลีกเลี่ยง  โดยสังเกตว่า  อยู่ในสิ่งแวดล้อมใด, สัมผัสอะไร หรือรับประทานอะไร แล้วอาการมากขึ้น ให้หลีกเลี่ยง)  และควรจัดบ้านและจัดห้องนอน ตามคำแนะนำของแพทย์
     
    • การติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ  หรือ หวัด  จึงควรป้องกันไม่ให้เป็น  โดยหลีกเลี่ยงปัจจัยที่ทำให้ภูมิต้านทานของร่างกายลดลง  เช่น  เครียด,  นอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ,   การสัมผัสอากาศที่เย็นมากเกินไป  เช่น ขณะนอน เปิดแอร์หรือพัดลมเป่าจ่อ  ไม่ได้ให้ความอบอุ่นแก่ร่างกายเพียงพอ   การดื่มหรืออาบน้ำเย็น    ตากฝน หรือสัมผัสอากาศที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว   จากร้อนเป็นเย็น  จากเย็นเป็นร้อน หรือมีคนรอบข้างที่ไม่สบายคอยแพร่เชื้อให้
  3. ควรออกกำลังกาย แบบแอโรบิก อย่างสม่ำเสมอ [การออกกำลังกายแบบแอโรบิก คือการออกกำลังกายที่ทำให้หัวใจเต้นเร็วขึ้น   หายใจเร็วขึ้นต่อเนื่องกันอย่างน้อยวันละ  30  นาที   อย่างน้อยสัปดาห์ละ   3  วัน   เช่น วิ่ง,  เดินเร็ว,  ขึ้นลงบันได,  ว่ายน้ำ,  ขี่จักรยานฝืด (แบบปรับน้ำหนักได้เช่น  ใน FITNESS),  เตะฟุตบอล, เล่นเทนนิส, แบดมินตัน   หรือบาสเกตบอล]  เพราะการออกกำลังกายจะทำให้ความไวของเยื่อบุจมูกและ/หรือ  หลอดลมลดลง ทำให้ความจำเป็นในการใช้ยา ลดน้อยลง และทำให้มีภูมิต้านทานต่อหวัด  ซึ่งเป็นปัจจัยกระตุ้นที่ทำให้อาการภูมิแพ้ แย่ลง โดยจะเป็นหวัดยาก  หรือเป็นแล้วหายง่าย
     
  4. โรคนี้แพทย์ไม่ได้ให้ผู้ป่วยพ่นยา, สูดยา  หรือรับประทานยาไปตลอดชีวิต   เมื่อใดที่ผู้ป่วยสามารถลดเหตุได้ (ดูข้อ 2 และ 3)   ก็สามารถลดยาได้  โดยในระยะแรก แพทย์จะเป็นผู้ปรับยาให้
     
  5. เนื่องจากโรคภูมิแพ้  นั้นทำให้เยื่อบุทางเดินหายใจ, ผิวหนัง, เยื่อบุตา, ทางเดินอาหาร ไวผิดปกติ   เมื่อมีสิ่งกระตุ้น (ดูข้อ 2)  จะทำให้มีอาการมากขึ้นได้ ซึ่งมักจะมีอาการได้ง่าย และหายยาก   ดังนั้น เมื่อมีอาการ   แนะนำให้เพิ่มการใช้ยามากขึ้น  เพื่อให้หายจากอาการดังกล่าวเร็วที่สุด (ตัดไฟแต่ต้นลม)  เช่น
  • เมื่อมีอาการทางตา   อาจรับประทานยาแก้แพ้ และ /หรือ หยอดยาหยอดตาแก้แพ้   
  • เมื่อมีอาการทางจมูก อาจล้างจมูก,  อบไอน้ำเดือด, พ่นยา  และ /หรือ รับประทานยาแก้แพ้   
  • เมื่อมีอาการทางผิวหนัง   อาจรับประทานยาแก้แพ้ และ /หรือ ทายาแก้คัน   
  • เมื่อมีอาการทางหลอดลม  อาจสูดยา หรือพ่นยา  เข้าหลอดลมให้มากขึ้นและ /หรือ รับประทานยาขยายหลอดลม  หรือยาแก้ไอ
  • เมื่อมีอาการทางเดินอาหาร   อาจรับประทานยาแก้แพ้ และ /หรือ ยาแก้คลื่นไส้/ อาเจียน   หรือยาแก้ท้องเสีย
 
            เมื่ออาการดังกล่าวดีขึ้น   ก็ค่อยๆลดยาดังกล่าวลงเอง หรือลดลงเท่ากับที่แพทย์แนะนำ (เมื่อมีอาการมาก  เป็นมาก ก็ให้ใช้ยามาก    เมื่อมีอาการน้อย  เป็นน้อยลง ก็พิจารณาลดยาลง)


สิ่งที่ผู้ป่วยควรทราบ เมื่อได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคภูมิแพ้
รศ. นพ. ปารยะ   อาศนะเสน
สาขาวิชาโรคจมูกและโรคภูมิแพ้
ภาควิชาโสต นาสิก ลาริงซ์วิทยา
Faculty of Medicine Siriraj Hospital
คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล
ข่าว/บทความล่าสุด
เนื้อหาอ่านล่าสุด