ข่าวสุขภาพ
ค้นหา รพ.-คลินิก-ร้านยาทั่วไทย ร้านยาคุณภาพของฉัน บริการสุขภาพ คลินิกเอกชน งาน รพ.
บริการวัคซีนโควิด บริการตรวจโควิด
ตำแหน่งงาน
ข่าวสุขภาพทั่วไป ข่าวธุรกิจสุขภาพไทย ข่าวธุรกิจสุขภาพรอบโลก กิจกรรม-บริการ รพ.ต่างๆ สิทธิสุขภาพชาวไทย สาระความรู้สุขภาพ Health Economy ท่องเที่ยวสุขภาพ กิจกรรม ESG CSR กิจกรรม Event บริจาค
น่าสนใจไทยแลนด์
English
About us เผยแพร่เนื้อหา สถิติเว็บไซต์ สำรวจความเห็นสุขภาพ โฆษณา
healthserv.net@gmail.com

เตือนอีก 2 วันเตรียมรับฝุ่นระลอกใหม่ [Thai PBS]

นายศิวัช พงษ์เพียจันทร์ โฆษกศูนย์แก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ (ศกพ.) คาดการณ์สถานการณ์ฝุ่นละออง PM2.5 ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ว่า วันพรุ่งนี้ (17 พ.ย.) จะมีแนวโน้มลดลงเนื่องจากประเทศไทยได้รับอิทธิพลจากพายุดีเปรสชั่น "หว่ามก๋อ" ที่อ่อนกำลังลงเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำ ส่งผลให้อากาศมีการไหลเวียนและลอยตัวดีขึ้น แต่ต้องเฝ้าระวังช่วงระหว่างวันที่ 18-19 พ.ย.นี้ ฝุ่น PM 2.5 อาจจะเพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะด้านตะวันตกเฉียงใต้ของกรุงเทพมหานคร สมุทรปราการ และนนทบุรี เนื่องจากได้รับอิทธิพลจากลมตะวันออกเฉียงเหนือ และสภาพอุตุนิยมวิทยาช่วยให้ฝุ่นไม่กระจายตัว

ส่วนภาคกลางและตะวันตกค่าฝุ่น PM2.5 ยังอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน แม้จะมีการเผาพื้นที่เกษตรและพบจุดความร้อน (Hotspot) ในพื้นที่ชัยนาท สิงห์บุรี ลพบุรี และอ่างทอง จึงเกิดการสะสมของฝุ่นในบางพื้นที่ ด้านภาคตะวันออกเฉียงเหนือพบจุดความร้อน (Hotspot) ในพื้นที่บึงกาฬ หนองคาย อุดรธานี และขอนแก่นจนเกิดการสะสมตัวของฝุ่น
 
โดยจากการคาดการณ์ของกรมอุตุนิยมวิทยาพรุ่งนี้ (17 พ.ย.) จะมีฝนตกลงมาช่วยให้ค่าฝุ่นลดลง อย่างไรก็ตาม ปัจจัยจากสภาพอากาศยังคงเป็นสิ่งที่ควบคุมไม่ได้ จึงจำเป็นต้องใช้มาตรการที่ควบคุมได้ที่เกิดจากกิจกรรมของมนุษย์แทน เช่น การเผาในที่โล่ง การกำหนดการเข้าออกในเขตเมืองของรถบรรทุกเป็นวันคู่วันคี่ ทำงานที่บ้านเพื่อลดการใช้รถยนต์ส่วนบุคคล


ศูนย์แก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ คพ.คาดการณ์ช่วงวันที่ 18-19 พ.ย.นี้ ค่าฝุ่นPM 2.5 จะเพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะด้านตะวันตกเฉียงใต้ของ กทม. จ.สมุทรปราการ นนทบุรี เตรียมชงเสนอครม.พรุ่งนี้ (17 พ.ย.) 12 แผนรับมือฝุ่นปีนี้ตั้งเป้าลด 20% พร้อมทีมสื่อสารฝุ่น
 
วันนี้ (16 พ.ย.2563) นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.)เผยถึงสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 ที่เริ่มเกินมาตรฐานในเขตกทม.และปริมณฑล พบค่าความเข้มข้นในระดับประมาณ 72 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร เพราะมีมวลอากาศเย็นจากจีนลงมาทำให้สภาพอากาศปิด แต่หากเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2562 ยังถือว่าค่าความเข้มข้นน้อยกว่า ซึ่งการแจ้งเตือนในขั้นตอนนี้ยังดำเนินการผ่านทางแอปพลิเคชัน air4thai แต่หลังจากนี้ถ้าฝุ่นเกินมาตรฐานจุดจะยกระดับการแจ้งเตือนประชาชน นอกจากนี้จะต้องพยากรณ์ล่วงหน้า 3 วัน เพื่อให้ทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และประชาชนเตรียมตัวในการป้องกัน คาดว่าจะเริ่มใช้วันที่ 1 ธ.ค.นี้ 
 
 
 
นายอรรถพล กล่าวว่า สำหรับการเปิดศูนย์แก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ (ศกพ.) ภายใต้บอร์ดสิ่งแวดล้อม เป็นหนึ่งในช่องทางบูรณการประสานงานกับทุกหน่วยงานในระดับต่าง และการสื่อสารข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้องกับประชาชนในรูปแบบของ One Voice One Team ซึ่งจะเสนอเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี วันพรุ่งนี้ (17 พ.ย.) นอกจากนี้นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.)จะเตรียมลงพื้นที่วันที่ 19-21 พ.ย.นี้ พื้นที่จ.เชียงราย เชียงใหม่ ลำพูน ซึ่งจะเริ่ม Kick Off ในระดับพื้นที่ 
 
“ปีนี้ตั้งเป้าที่จะลดปัญหาอย่างน้อยให้ได้ 20% ถือเป็นความท้าทายในการทำงานแก้ปัญหาฝุ่น และหมอกควันภาคเหนือ โดยจะอุดจุดอ่อนของปีก่อนเพราะถึงจะมีแผน มีวอร์รูมระดับจังหวัด แต่แผนกลับทำงานไม่ถึงท้องถิ่น ทำให้เกิดปัญหามาก”
 
 
เตือน 2 วันเตรียมรับมือฝุ่นระลอกใหม่
นายศิวัช พงษ์เพียจันทร์ โฆษกศูนย์แก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ (ศกพ.) คาดการณ์สถานการณ์ฝุ่นละออง PM2.5 ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ว่า วันพรุ่งนี้ (17 พ.ย.) จะมีแนวโน้มลดลงเนื่องจากประเทศไทยได้รับอิทธิพลจากพายุดีเปรสชั่น "หว่ามก๋อ" ที่อ่อนกำลังลงเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำ ส่งผลให้อากาศมีการไหลเวียนและลอยตัวดีขึ้น แต่ต้องเฝ้าระวังช่วงระหว่างวันที่ 18-19 พ.ย.นี้ ฝุ่น PM 2.5 อาจจะเพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะด้านตะวันตกเฉียงใต้ของกรุงเทพมหานคร สมุทรปราการ และนนทบุรี เนื่องจากได้รับอิทธิพลจากลมตะวันออกเฉียงเหนือ และสภาพอุตุนิยมวิทยาช่วยให้ฝุ่นไม่กระจายตัว 
 
 
ส่วนภาคกลางและตะวันตกค่าฝุ่น PM2.5 ยังอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน แม้จะมีการเผาพื้นที่เกษตรและพบจุดความร้อน (Hotspot) ในพื้นที่ชัยนาท สิงห์บุรี ลพบุรี และอ่างทอง จึงเกิดการสะสมของฝุ่นในบางพื้นที่ ด้านภาคตะวันออกเฉียงเหนือพบจุดความร้อน (Hotspot) ในพื้นที่บึงกาฬ หนองคาย อุดรธานี และขอนแก่นจนเกิดการสะสมตัวของฝุ่น
 
โดยจากการคาดการณ์ของกรมอุตุนิยมวิทยาพรุ่งนี้ (17 พ.ย.) จะมีฝนตกลงมาช่วยให้ค่าฝุ่นลดลง อย่างไรก็ตาม ปัจจัยจากสภาพอากาศยังคงเป็นสิ่งที่ควบคุมไม่ได้ จึงจำเป็นต้องใช้มาตรการที่ควบคุมได้ที่เกิดจากกิจกรรมของมนุษย์แทน เช่น การเผาในที่โล่ง การกำหนดการเข้าออกในเขตเมืองของรถบรรทุกเป็นวันคู่วันคี่ ทำงานที่บ้านเพื่อลดการใช้รถยนต์ส่วนบุคคล
 
“ภายใน 2 วันข้างหน้านี้คาดการณ์ว่าในหลายพื้นที่ค่าความเขมข้นฝุ่น PM2.5 จะกลับมามีผลกระทบต่อสุขภาพ โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยงและกลุ่มที่ทำกิจกรรมกลางแจ้ง”
ข่าว/บทความล่าสุด
เนื้อหาอ่านล่าสุด