กระทรวงสาธารณสุข แจงข้อเท็จจริงหญิงไทยอายุ 29 ปี ที่จังหวัดเชียงใหม่ติดเชื้อโควิด 19 เป็นการติดเชื้อจากต่างประเทศ ตรวจติดตามผู้สัมผัส 326 ราย แนะหากสงสัยเข้ารับการตรวจหาเชื้อโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย พร้อมใช้บทเรียน 9 กรณีพัฒนาระบบเฝ้าระวังควบคุมสอบสวนโรค
วันนี้ (28 พฤศจิกายน 2563) ที่กรมควบคุมโรค นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ รักษาราชการแทนอธิบดีกรมควบคุมโรค พร้อมด้วยนายแพทย์ปรีชา เปรมปรี รองอธิบดีกรมควบคุมโรค และนายแพทย์โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผู้อำนวยการกองโรคติดต่อทั่วไป แถลงข่าวข้อเท็จจริงการติดเชื้อโควิด 19 ของหญิงไทยอายุ 29 ปี
ที่ จ.เชียงใหม่
นายแพทย์โอภาสกล่าวว่า ในรอบ 2 เดือนที่ผ่านมา มีกรณีการพบผู้ติดเชื้อโควิด 19 หลายเหตุการณ์ในประเทศไทยให้เรียนรู้ 9 กรณี คือ
- ชาวเมียนมาติดเชื้อชายแดนอำเภอแม่สอด 5 รายในครอบครัวเดียวกัน ขณะนี้สถานการณ์ปกติแล้ว มีการขนส่งสินค้าข้ามแดนปลอดภัยแบบ Safety Zone ตรวจหาเชื้อพนักงานขับรถทุกสัปดาห์ เมื่อเจอผู้ป่วยส่งกลับไปรักษา ถือเป็นต้นแบบให้ด่านชายแดนอื่นๆ
- หญิงชาวฝรั่งเศสที่เกาะสมุย เป็นผู้ติดเชื้อในประเทศที่สถานกักกันที่รัฐกำหนด พบปัญหาระบบระบายอากาศมีการปนเปื้อนเชื้อ จึงต้องเข้มในมาตรการทำความสะอาด และตรวจสอบระบบระบายอากาศ โดยสัปดาห์หน้าจะเข้าไปตรวจสอบอีกครั้ง
- ชาวเมียนมาที่ลักลอบเข้าเมือง ที่ จ.พัทลุง เบื้องต้นให้ข้อมูลว่าเข้าทางอำเภอแม่สอด แล้วเดินทางไปสงขลา จากผลสอบสวนโรคได้ข้อเท็จจริงว่า มาจากชายแดนมาเลเซีย เป็นประสบการณ์ว่า ข้อมูลที่ได้ครั้งแรกอย่าปักใจเชื่อทั้งหมด เนื่องจากผู้กระทำผิดกฎหมายมักไม่บอกความจริง การสอบสวนโรคต้องอาศัยหลักฐานหลายๆ อย่าง โดยชายแดนยังเป็นจุดสำคัญที่ต้องระมัดระวัง
- ชายอินเดียที่กระบี่มาตรวจโควิด 19 เพื่อสมัครงาน มีการเดินทางไปหลายจังหวัด ทำให้ต้องระดมทีมสอบสวนโรค เมื่อติดตามผู้สัมผัสทุกรายผลเป็นลบ คาดว่าเป็นการติดในประเทศ จากการถอดรหัสพันธุกรรมไวรัสทั้งตัวเป็นเชื้อโควิด 19 จริง แม้มีเชื้อปริมาณน้อยจึงอาจเป็นการติดเชื้อนานแล้ว บ่งบอกว่าคนเคยติดเชื้อยังตรวจเจอได้ แต่ไม่ไปติดผู้อื่น อนาคตอาจเจอกรณีนี้พอสมควร
- ทหารเกาหลี ในการประชุมมีการใส่หน้ากาก เว้นระยะห่างอย่างดี ทำให้ติดตามผู้สัมผัสมากักกันและได้ตรวจทุกราย ผลไม่พบเชื้อ รวมถึงได้รับความร่วมมือจากประเทศเกาหลีในการประสานข้อมูล พบว่า รายนี้พบเชื้อค่อนข้างน้อย เมื่อตรวจซ้ำผลเป็นลบ อาจเป็นการติดเชื้อก่อนหน้านี้นานแล้ว
- รัฐมนตรีฮังการี ตรวจเจอตั้งแต่วันแรก จากการวางระบบทำให้ตรวจจับได้รวดเร็ว และการร่วมมือระหว่างประเทศ โดยไทยส่งข้อมูลให้ทางการกัมพูชา ทำให้ตรวจเจอเชื้อที่กัมพูชาเพิ่ม 3-4 คน ส่วนท่านทูตฮังการีที่ติดเชื้อเนื่องจากสัมผัสใกล้ชิด แต่มีการกักตนเองและใส่หน้ากาก ทำให้ไม่มีการแพร่เชื้อต่อ
- ชาวเมียนมาลักลอบเข้าเมืองในค่ายอุ้มเปี้ยม อำเภอพบพระ ปริมาณเชื้อค่อนข้างน้อย อาจเป็นการติดเชื้อนานแล้ว ผู้สัมผัสในค่ายให้ผลเป็นลบ
- หญิงอายุ 17 ปี ชาวไทยเมียนมา เป็นโรคพุ่มพวง มารักษาที่ไทยเป็นการติดเชื้อจากชายแดนและลักลอบเข้ามา และ
- ล่าสุดหญิงไทยอายุ 29 ปี ที่จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นการลักลอบเข้ามาเช่นกัน โดยคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเชียงใหม่จะประชุมเพื่อติดตามสถานการณ์และตรวจสอบเพิ่มเติม
“สิ่งที่เรียนรู้จากเหตุการณ์ทั้งหมด คือ การใส่หน้ากากสม่ำเสมอในพื้นที่สาธารณะเป็นสิ่งจำเป็นช่วยป้องกันโรคได้ และการสอบสวนโรคได้รวดเร็ว เนื่องจากร้านค้า อาคาร พื้นที่สาธารณะมีกล้องวงจรปิดช่วยติดตาม การสแกนไทยชนะ แต่จุดเสี่ยงคือชายแดนยังคงต้องเข้มงวดเฝ้าระวังการลักลอบ โดยขอให้ประชาชนในพื้นที่ชายแดนช่วยกันเป็นหูเป็นตาเฝ้าระวังด้วย หากพบผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศไม่ถึง 14 วัน ไม่ได้กักตัวให้รีบแจ้งเจ้าพนักงานควบคุมโรค” นายแพทย์โอภาสกล่าว
ไทม์ไลน์หญิงไทยอายุ 29 ปี ที่จังหวัดเชียงใหม่
นายแพทย์โสภณกล่าวว่า กรณีหญิงไทยอายุ 29 ปี ที่จังหวัดเชียงใหม่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคโควิด 19 เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน รายนี้เป็นการติดเชื้อจากต่างประเทศ เนื่องจากช่วงวันที่
- 24 ตุลาคม ถึง 23 พฤศจิกายน
ไปทำงานที่เมียนมา โดยวันที่ 23 พฤศจิกายน เริ่มมีไข้ ปวดศีรษะ ถ่ายเหลว รับประทานยาลดไข้เอง
- ต่อมาวันที่ 24 พฤศจิกายน
เดินทางกลับมาที่ประเทศไทยเมื่อเวลา 05.30 น. ทางอำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย แล้วเดินทางเข้าอำเภอเมือง เชียงราย ด้วยรถตู้ และเข้าจังหวัดเชียงใหม่โดยรถบัสโดยสารประจำทางปรับอากาศ ออกเวลา 11.00 น. ถึงเชียงใหม่เวลา 14.51 น. และใช้บริการ Grab Car คันแรกกลับคอนโด ช่วงกลางคืนมีประวัติไปเที่ยวสถานบันเทิงแห่งหนึ่ง ย่านสันติธรรมร่วมกับเพื่อน 2 คน มีการสูบบุหรี่ร่วมกัน เวลา 02.00 น. เข้าพักค้างคืนที่คอนโดแห่งหนึ่งของเพื่อนที่มาจากสถานบันเทิงด้วยกัน และมีเพื่อนอีก 2 คนจากห้องตรงข้ามเข้ามาร่วมดื่มสุราด้วย
- วันที่ 25 พฤศจิกายน เวลา 12.00 น.
เดินทางออกจากคอนโดของเพื่อนกลับไปที่พักโดยใช้บริการ Grab Car คันที่สอง ถึงเวลา 13.00 น. ต่อมาใช้บริการ Grab Car คันที่สามไปห้างสรรพสินค้า โดยอยู่ในห้างตั้งแต่เวลา 15.30 - 20.30 น. และชมภาพยนตร์ รับประทานอาหารและเดินซื้อของ จากการติดตามดูกล้องวงจรปิด สวมหน้ากากอนามัยเป็นส่วนใหญ่ แล้วใช้บริการ Grab Car คันที่สี่กลับคอนโดของตนเอง
- ส่วนวันที่ 26 พฤศจิกายน เวลา 15.30 น.
ใช้บริการ Grab Car คันที่ห้า เพื่อไปตรวจที่โรงพยาบาลเอกชนเนื่องจากยังมีอาการป่วย โรงพยาบาลซักประวัติเพิ่มเติม พบอาการไม่ได้กลิ่น มีอุณหภูมิ 36.9 องศาเซลเซียส เข้าได้กับโรคโควิด 19 จึงส่งตรวจเชื้อ ผลออกเวลา 22.00 น.พบเป็นบวก จึงส่งรักษาต่อโรงพยาบาลนครพิงค์ ผลตรวจยืนยันเป็นบวกเช่นกัน
นายแพทย์โสภณกล่าวต่อว่า สำหรับสถานที่ต่างๆ ที่หญิงรายนี้เดินทางไปใช้บริการ ทางจังหวัดเชียงใหม่ได้เข้าตรวจสอบและให้ทำความสะอาดแล้ว
- ทีมสอบสวนโรคกำลังติดตามผู้สัมผัส 326 ราย
- เป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 105 ราย
- แบ่งเป็นผู้สัมผัสในชุมชน 65 ราย (คอนโดผู้ป่วย 2 ราย คอนโดเพื่อน 2 ราย สถานบันเทิง 55 ราย ห้าง 6 ราย)
- ผู้สัมผัสกลุ่มยานพาหนะ 40 ราย (จังหวัดเชียงราย 35 ราย เป็นผู้เดินทางข้ามแดนด้วยกัน 1 ราย รถตู้ รถโดยสาร 34 ราย จังหวัดเชียงใหม่ 5 ราย คือ คนขับ Grab car)
- ผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำ 149 ราย แบ่งเป็นในชุมชน 140 ราย (สถานบันเทิง 2 ราย ห้าง 138 ราย)
- และกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ 9 ราย
โดยประชาชนที่อยู่ในสถานที่เดียวกับหญิงรายดังกล่าวในช่วงเวลาเดียวกัน หรือสงสัยว่าอาจสัมผัสหญิงรายดังกล่าว สามารถเข้ารับบริการตรวจหาเชื้อโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายและแนะนำให้ปฏิบัติตัวป้องกันการแพร่เชื้อโดยสวมหน้ากากตลอดเวลา เว้นระยะห่าง ล้างมือบ่อยๆ และสังเกตอาการทางเดินหายใจ ทุกวันจนครบ 14วัน หากมีข้อสงสัยโทรศัพท์สอบถามที่ 1422
สารนิเทศ กระทรวงสาธารณสุข
28 พฤศจิกายน 2563
ประชาสัมพันธ์ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่
วันนี้ (28 พ.ย. 2563) คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเชียงใหม่ ชี้แจงกรณีพบผู้ป่วย COVID-19 คนที่ 42 ของจังหวัดเชียงใหม่ เป็นหญิง อายุ 29 ปี พักคอนโดแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่ จากการลงพื้นที่ของทีมสอบสวนโรคเจ้าหน้าที่สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ ร่วมกับสำนักควบคุมโรคที่ 1 ผู้ป่วยรายนี้ได้เดินทางมาจากประเทศเพื่อนบ้านผ่านทางจังหวัดเชียงรายเข้ามาในจังหวัดเชียงใหม่ ในวันที่ 24 พ.ย. 2563 และได้ขอเข้ารับการตรวจหาเชื้อโควิค 19 ที่โรงพยาบาลเอกชนในจังหวัดเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 26 พ.ย. 2563 ผลการตรวจยืนยัน 2 แลป ทั้งของโรงพยาบาลเอกชนและห้องแลปของทางโรงพยาบาลนครพิงค์ ระบุตรงกันว่าผลยืนยันพบเชื้อโควิด 19 จึงได้รับผู้ป่วย ซึ่งมีอาการไข้ ไอ ปวดศีรษะ ท้องเสีย จมูกไม่ได้กลิ่น เข้ารักษาที่โรงพยาบาลนครพิงค์ ซึ่งในขณะนี้ผู้ป่วยมีอาการดีขึ้น ไม่มีไข้ ไม่มีหอบเหนื่อย จมูกเริ่มได้กลิ่น
สำหรับไทม์ไลน์ "ผู้ป่วย COVID-19" คนที่ 42
วันที่ 24 พ.ย. 2563 เดินทางจากจังหวัดเชียงรายเข้ามาในจังหวัดเชียงใหม่ โดยรถประจำทางบริษัทกรีนบัส เส้นทางเชียงราย-เชียงใหม่ เวลา 11.00 - 15.00 น. จากนั้นได้เดินทางด้วยรถ (Grab1) เข้าพักคอนโดของตนเองที่ ดีคอนโดพิงค์ และได้เดินทางไปเที่ยวร้านคิงส์เวย์ โฮสต์แอนด์คาราโอเกะ กับเพื่อนอีก 2 คน ในช่วงดึก ก่อนที่จะไปพักค้างคืนที่วีดีคอนโดมิเนียมกับเพื่อน
.
วันที่ 25 พ.ย. 2563 ผู้ป่วยเดินทางกลับถึงที่พักดีคอนโดพิงค์ เวลาประมาณ 12.00 น. โดยเพื่อนมาส่ง หลังจากนั้นเวลา 15.15 น. เดินทางด้วยรถ (Grab3) ไปที่ศูนย์การค้าเซนทรัลเฟสติวัล
- เวลา 15.24 น. เดินทางถึงเซนทรัลเฟสติวัล โดยเข้าประตูด้านร้าน KFC
- เวลา 15.26 – 15.29 น. เข้าไปดูสินค้าที่ร้าน H&M
- เวลา 15.32 น. กด ATM ที่ตู้ธนาคาร SCB ชั้น 3(หน้าธนาคารกรุงเทพ)
- เวลา 15.39 – 16.22 น. รับประทานชาบูที่ร้านชาบูชิ
- เวลา 15.36 ซื้อตั๋วหนัง
- เวลา 16.22– 18.45 น. ชมภาพยนตร์ที่เมเจอร์ซีนีเพล็กซ์ โรงที่ 6
- เวลา 18.47 – 19.16 น. เข้าวัตสันชั้น 4
- เวลา 19.23 – 19.42 น. เดินทางไป Food Hall
- เวลา 19.45 – 20.13 น. เดินทางไปร้าน CDS
- เวลา 20.15 –20.24 น. ขึ้น Grab4 กลับ ดีคอนโดพิงค์
วันที่ 26 พ.ย. 2563 ได้เดินโดย Grab3 ทางไปขอรับการตรวจที่โรงพยาบาลเอกชนในจังหวัดเชียงใหม่ ผลตรวจยืนยันพบเชื้อโควิด 19
ซึ่งจากการลงพื้นที่สอบสวนโรคและค้นหาผู้สัมผัส พบผู้สัมผัสทั้งหมด จำนวน 306 ราย ในนี้มีผู้สัมผัสใกล้ชิดเสี่ยงสูง จำนวน 85 ราย และได้รับการตรวจหาเชื้อโควิด-19 แล้ว จำนวน 102 ราย ทราบผลการตรวจแล้ว 17 ราย ผลตรวจเป็นลบทั้งหมด โดยผู้สัมผัสใกล้ชิดเสี่ยงสูงที่ไม่มีอาการจะต้องกักตัวทุกคน หากไม่สามารถกักตัวที่บ้านได้ คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเชียงใหม่ได้จัดสถานที่กักกันผู้สัมผัสใกล้เสี่ยงสูงไว้แล้ว และมีผู้เข้ากักกันตนจำนวน 5 ราย ทั้งนี้ผู้สัมผัสทุกรายจะต้องสังเกตอาการผิดปกติอย่างใกล้ชิด หากมีอาการผิดปกติจะถูกตรวจหาเชื้อซ้ำและแยกกักในโรงพยาบาล สำหรับผู้สัมผัสที่กักกันตนที่บ้านจะมีการประสานงานให้ทางโควิดหมู่บ้านเข้าไปดูแลและตรวจประเมินจนครบ 14 วันหลังสัมผัสผู้ป่วย
สำหรับพื้นที่ที่มีความเสี่ยงดังที่ต้องเฝ้าระวัง มีดังต่อไปนี้
สำหรับผู้ที่ไปในสถานที่ดังกล่าว ขอให้ท่านกักกันตนเองจนกระทั่งครบ 14 วันหลังวันสัมผัส สำหรับผู้ที่ไม่มีอาการ ให้โทรนัดหมายเพื่อตรวจในวันที่ 1 ธ.ค. 2563 (ตามระยะฟักตัวเฉลี่ย) โดยหากพบอาการผิดปกติระหว่างการกักกันให้รีบพบแพทย์และแจ้งประวัติความเสี่ยงต่อบุคลากรทางการแพทย์ เพื่อขอรับการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ได้ที่โรงพยาบาลทุกแห่งในจังหวัดเชียงใหม่ ทั้งนี้หากมีข้อสงสัยให้ติดต่อทีมตระหนักรู้สถานการณ์ (SAT) สสจ.เชียงใหม่ โทร 084-8053131, 084-8052121
ทั้งนี้คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเชียงใหม่ ยืนยันว่า ทางทีมงานยังคงดำเนินการสอบสวนค้นหา
ผู้สัมผัสเพิ่มเติม และยืนยันว่าทางสำนักงานสาธารณสุขได้เตรียมความพร้อมทั้งทางด้านการตรวจแลปและเวชภัณฑ์ต่าง ๆ ให้สามารถรองรับกับสถานการณ์ที่คาดว่าจะเกิดขึ้น
สำหรับมาตรการของคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเชียงใหม่ได้รับฟังความคิดเห็นทั้งภาคประชาชนและผู้ประกอบการ เพื่อให้สามารถป้องกันควบคุมโรคได้ โดยมีผลกระทบกับการดำเนินชีวิตและเศรษฐกิจให้น้อยที่สุด และเน้นย้ำขอความร่วมมือประชาชน ให้สวมหน้ากากอนามัย ล้างมือ เว้นระยะห่าง เข้ารับบริการสถานที่ต่าง ๆ ลงทะเบียนด้วย "ไทยชนะ" ทุกครั้ง