ข่าวสุขภาพ
ค้นหา รพ.-คลินิก-ร้านยาทั่วไทย ร้านยาคุณภาพของฉัน บริการสุขภาพ คลินิกเอกชน งาน รพ.
บริการวัคซีนโควิด บริการตรวจโควิด
ตำแหน่งงาน
ข่าวสุขภาพทั่วไป ข่าวธุรกิจสุขภาพไทย ข่าวธุรกิจสุขภาพรอบโลก กิจกรรม-บริการ รพ.ต่างๆ สิทธิสุขภาพชาวไทย สาระความรู้สุขภาพ Health Economy ท่องเที่ยวสุขภาพ กิจกรรม ESG CSR กิจกรรม Event บริจาค
น่าสนใจไทยแลนด์
English
About us เผยแพร่เนื้อหา สถิติเว็บไซต์ สำรวจความเห็นสุขภาพ โฆษณา
healthserv.net@gmail.com

อาหาร 5 กลุ่มที่ต้องเลี่ยง หากไม่อยากเสี่ยงโรคไต

อาหาร 5 กลุ่มที่ต้องเลี่ยง หากไม่อยากเสี่ยงโรคไต HealthServ.net
อาหาร 5 กลุ่มที่ต้องเลี่ยง หากไม่อยากเสี่ยงโรคไต ThumbMobile HealthServ.net

ข้อมูลควรรู้จากแพทย์โรคไต เรื่อง "ห้ามทานอาหาร 5 อย่างนี้ ถ้าไม่อยากฟอกไต ตลอดชีวิต" โดยเฉพาะสำหรับผู้ป่วยไตเรื้อรังในระยะท้าย จะมีภาวะที่สุ่มเสี่ยงสูง สิ่งที่ต้องระวังเป็นที่สุดและต้องใส่ใจคือ การรับประทานอาหารต่างๆ เพราะอาหารหลายๆ ประเภท จะก่อให้เกิดความเสี่ยงและเป็นอันตรายมากขึ้น

 
 
อาหารทั้ง 5 ประเภทนั้นได้แก่ 
 

1. ทานอาหารโปรตีนมากเกินไป


โปรตีนไม่ได้จำกัดเฉพาะเนื้อสัตว์เท่านั้น แต่ผลิตภัณฑ์จากสัตว์อย่างอื่นด้วย เช่น ไข่ นม

สำหรับผู้ป่วยไตเรื้อรังในระยะท้าย จำเป็นต้องจำกัดอาหารโปรตีนให้เหมาะสมกับระยะไต ตามที่แพทย์ที่ให้การรักษาจะแนะนำ  แต่กระนั้นก็พบว่า มีผู้ป่วยที่รับประทานอาหารไม่เหมาะสม อาจจะเพราะได้รับการแนะนำสูตรต่างๆ มา อย่างไม่เหมาะสม อาทิเช่น  การทานน้ำข้าวกับไข่ขาว  หรือการทานไข่ขาวในปริมาณมาก ที่จริงแล้ว ไข่ขาวเป็นโปรตีนดี ทานได้ แต่จำนวนการทานต้องตามกำหนด  หรือการทานนมก็สามารถทานได้ แต่ต้องตามที่กำหนด เช่นกัน 
 
ปัจจุบันพบกรณีใหม่ที่ เช่น การทานโปรตีนเสริมเพื่อสลายไขมัน ที่เป็นความสุ่มเสี่ยงจะทำให้ไตเสื่อมได้ เช่นกัน
 
 
 

2. ทานโซเดียมมากเกิน 


ความจริงไม่ห้ามการทานโซเดียม หากทานในปริมาณโซเดียมที่เหมาะสม คือ ไม่เกิน 2000 มิลลิกรัมใน 24 ชั่วโมง 

แต่ปัจจุบันโดยทั่วไป คนไทยจะทานอาหารที่มีโซเดียมเกินเหมาะสม โดยไม่รู้ตัว 
 
อาหารมีโซเดียม คืออาหารมีรสเค็มต่างๆ อาทิ น้ำปลา ซีอิ้ว ซอสพริก จิ๊กโฉ่ อาหารตากแห้ง อาหารแปรรูปต่างๆ รวมถึง ไข่เค็ม ปลาเค็ม 
 
อาหารบางอย่างเรียกว่ามี "โซเดียมแฝง" ที่เราไม่รู้ตัวหรือไม่คิดว่าจะมี เช่น ผงฟูเบเกอรี่ อาหารแช่แข็ง ส่วนผสมที่คงสภาพ รวมถึงเครื่องดื่มก็จะมีเช่นกัน 
 
ความคิดที่ว่าทานเค็ม แล้วดื่มน้ำตามเพื่อเจือจางในภายหลัง นั้น ไม่ถูกต้อง เพราะหากโซเดียมเข้าร่างกายแล้ว น้ำก็ไม่สามารถเจือจางได้อย่างที่คิดเอาเอง 
 
 

3. ทานอาหารที่มีโพแทสเซียมมากเกินไป 


การมีเกลือแร่โพแทสเซียมสูง นำไปสู่การฟอกไตในที่สุด โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ป่วยไตระยะท้าย หรือที่มีระดับโพแทสเซียมสูงอยู่แล้วจะยิ่งน่ากังวลมากขึ้น
 
อาหารที่พบว่าจะมีโพแทสเซียมสูง อยู่ในผักและผลไม้ 
 
ผัก ได้แก่ เห็ด ผักโขม ใบแมงลัก โหระพา พริกชีฟ้า ขึ้นช่าย ชะอม มะเขือพวง
 
ผลไม้ ได้แก่ มะละกอสุก ทับทิม มะขามหวาน ทุเรียน ขนุน กระท้อน น้ำมะพร้าว
 
 

4. ทานอาหารไม่เพียงพอ


เป็นอีกกรณีที่พบบ่อย เกิดจากความกังวลและกลัวในการทานอาหารต่างๆ แล้วจะก่อให้เกิดผลต่อไต เมื่อไม่ทานหรืองดทาน ก็ทำให้ได้พลังงานไม่เพียงพอ เป็นปัญหาเช่นกัน 
 
จะดูอย่างไรว่าทานอาหารพอ/ไม่พอ สังเกตได้ เช่น ทานแล้วไม่อิ่ม ทานแล้วแต่โหย/หิว ไม่สบายตัว รู้สึกไม่อิ่ม  ทานแล้วน้ำหนักลด ทั้งนี้ เป็นข้อสังเกต สำหรับกรณีผู้ที่มีน้ำหนักปกติอยู่แล้วแต่น้ำหนักลดลง  ซึ่งจะแตกต่างกับกรณีคนที่ตัวใหญ่-อ้วน แล้วลดการทานเพื่อจะลดน้ำหนักลง 

 
 

5. น้ำดื่มมากเกินไป ในไตระยะสุดท้ายที่เป็นโรคหัวใจ 


เกิดจากการได้รับคำแนะนำในลักษณะว่า การดื่มน้ำมากๆ จะช่วยให้ดีขึ้น ช่วยการทำงานของไตได้ดีขึ้น แต่ในความเป็นจริง โดยเฉพาะสำหรับผู้ป่วยอาการไตในระยะท้าย  กลับเป็นตรงกันข้าม กล่าวคือ "จำเป็นในการต้องจำกัดน้ำดื่ม"  ทั้งนี้ปริมาณเท่าใดที่เหมาะสมนั้น ผู้ป่วยต้องปรึกษาแพทย์ที่ดูแลรักษา

สาเหตุเพราะบางทีการมีสารน้ำมากเกินไป จะทำให้หัวใจไม่สามารถขับน้ำออกได้ หรือทนได้ จึงเป็นภาวะที่อันตราย 
 
 
ชมคลิปจากคุณหมอพญ.กัลย์ยมล ธรรมนิรมล ได้ที่ช่อง "หมอไตให้คำตอบ
 
ข่าว/บทความล่าสุด
เนื้อหาอ่านล่าสุด