ข่าวสุขภาพ
ค้นหา รพ.-คลินิก-ร้านยาทั่วไทย ร้านยาคุณภาพของฉัน บริการสุขภาพ คลินิกเอกชน งาน รพ.
บริการวัคซีนโควิด บริการตรวจโควิด
ตำแหน่งงาน
ข่าวสุขภาพทั่วไป ข่าวธุรกิจสุขภาพไทย ข่าวธุรกิจสุขภาพรอบโลก กิจกรรม-บริการ รพ.ต่างๆ สิทธิสุขภาพชาวไทย สาระความรู้สุขภาพ Health Economy ท่องเที่ยวสุขภาพ กิจกรรม ESG CSR กิจกรรม Event บริจาค
น่าสนใจไทยแลนด์
English
About us เผยแพร่เนื้อหา สถิติเว็บไซต์ สำรวจความเห็นสุขภาพ โฆษณา
healthserv.net@gmail.com

กรม สบส.ส่งทีมตรวจ รพ.เอกชน หลังถูกร้องเรียกเก็บเงินจนรักษาล่าช้าทำผู้ป่วยดับ

กรม สบส.ส่งทีมตรวจ รพ.เอกชน หลังถูกร้องเรียกเก็บเงินจนรักษาล่าช้าทำผู้ป่วยดับ HealthServ.net

กรม สบส.ส่งทีมตรวจ รพ.เอกชน หลังถูกร้องเรียกเก็บเงินจนรักษาล่าช้าทำผู้ป่วยดับ

กรม สบส.ส่งทีมตรวจ รพ.เอกชน หลังถูกร้องเรียกเก็บเงินจนรักษาล่าช้าทำผู้ป่วยดับ ThumbMobile HealthServ.net
 กรม สบส.ส่งทีมตรวจ รพ.เอกชน หลังถูกร้องเรียกเก็บเงินจนรักษาล่าช้าทำผู้ป่วยดับ
 
          กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ ส่งพนักงานเจ้าหน้าที่ลงตรวจโรงพยาบาลเอกชน หลังถูกร้องเรียกมีการประเมินค่าใช้จ่ายและเรียกเก็บค่ารักษาจากผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤติจนเป็นเหตุให้เกิดการรักษาล่าช้าจนผู้ป่วยเสียชีวิต ย้ำสถานพยาบาลเอกชนทุกแห่งปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด ยึดชีวิตผู้ป่วยเป็นสิ่งสำคัญอันดับแรก ไม่เรียกเก็บค่าใช้จ่ายจากผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤติ หากฝ่าฝืนมีโทษทั้งจำและปรับ
 
          วันนี้ (2 มีนาคม 2564) ณ อาคารกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (กรม สบส.) กระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรม สบส.นำทีมพนักงานเจ้าหน้าที่ รับเรื่องร้องเรียนจากนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ซึ่งระบุว่าโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง ในเขตจตุจักร มีการประเมินค่าใช้จ่ายและเรียกเก็บค่ารักษาพยาบาลจากพริตตี้สาวซึ่งเป็นผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤติ ทำให้เกิดการรักษาล่าช้าและอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิต เมื่อช่วงเช้าวันที่ 23 กุมภาพันธุ์ ที่ผ่านมานั้น
 
          นายแพทย์ธเรศฯ ให้สัมภาษณ์ภายหลังรับเรื่องร้องเรียนว่า ขณะนี้ กรม สบส.ได้สั่งการให้พนักงานเจ้าหน้าที่กองกฎหมาย และกองสถานพยาบาลและการประกอบโรคศิลปะ ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างเร่งด่วนโดยจะมุ่งตรวจสอบในประเด็นสำคัญในการช่วยเหลือผู้ป่วยฉุกเฉินที่เกี่ยวข้องกับพระราชบัญญัติสถานพยาบาล พ.ศ.2541 ใน 2 ประเด็น คือ 1) การให้บริการรักษาพยาบาลของโรงพยาบาลเอกชนดังกล่าวในการดูแลเยียวยาผู้ป่วยฉุกเฉินว่าเป็นไปตามที่กฎหมายกำหนดหรือไม่ ซึ่งจะมีการตรวจสอบจากเวชระเบียน/เอกสารทางการแพทย์ของโรงพยาบาล และ 2) แนวทางการประเมินเกณฑ์ผู้ป่วยว่าเข้าข่ายฉุกเฉินวิกฤติของโรงพยาบาล เป็นไปตามมาตรฐานหรือไม่ และจะมีการเรียกตัวผู้เกี่ยวข้องทั้งทางฝั่งโรงพยาบาลเอกชน และญาติผู้เสียชีวิตมาให้ถ้อยคำกับคณะอนุกรรมการสอบข้อเท็จจริงเรื่องร้องเรียน ซึ่งประกอบด้วย ผู้ทรงคุณวุฒิจากแพทยสภา สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) สำนักงานอัยการสูงสุด สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ฯลฯ พิจารณาเพื่อให้ความเป็นธรรมแก่ทั้ง 2 ฝ่าย ซึ่งคาดว่าจะดำเนินการภายใน 7 วันทำการ
 
          นายแพทย์ธเรศฯ กล่าวว่า นโยบาย “เจ็บป่วยฉุกเฉินวิกฤต มีสิทธิทุกที่” (Universal Coverage for Emergency Patients ; UCEP) เป็นนโยบายของภาครัฐที่มีคุณประโยชน์ต่อประชาชนอย่างมาก ในการสร้างความความครอบคลุม ลดความเหลื่อมล้ำให้ผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤตได้รับการคุ้มครองสิทธิในการเข้าถึงบริการรักษาพยาบาลอย่างปลอดภัยโดยไม่มีเงื่อนไขในการเรียกเก็บค่ารักษา 72 ชั่วโมงแรก ซึ่งที่ผ่านมาตั้งแต่เดือนเมษายน 2560 – มกราคม 2564 สปสช.มีการพิจารณาเบิกจ่ายเงินชดเชย UCEP ไปแล้วกว่า 85,000 ครั้ง รวมเป็นเงินกว่า 4,900 ล้านบาท จึงขอกำชับให้สถานพยาบาลเอกชนทุกแห่งปฏิบัติตามนโยบาย UCEP และกฎหมายสถานพยาบาลอย่างเคร่งครัด โดยยึดชีวิตผู้ป่วยเป็นสิ่งสำคัญอันดับแรก หากประชาชนพบสถานพยาบาลแห่งใดไม่ปฏิบัติตามกฎหมายกำหนด ก็สามารถแจ้งได้ที่สายด่วนกรม สบส. 1426
 
          ด้านทันตแพทย์อาคม ประดิษฐสุวรรณ รองอธิบดีกรม สบส. กล่าวว่า สำหรับสถานพยาบาลเอกชนที่ปฏิเสธการรักษาผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤติ (สีแดง) หรือเรียกเก็บค่าใช้จ่ายจากผู้ป่วยหรือญาติเป็นเหตุให้การรักษาพยาบาลผู้ป่วยล่าช้าไม่เป็นไปตามมาตรฐานการรักษาที่เหมาะสม จะถือว่ามีความผิดตามพระราชบัญญัติสถานพยาบาล พ.ศ.2541 มาตรา 36 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ทั้งนี้ เพื่อความชัดเจนในการประเมินเกณฑ์ผู้ป่วยว่าเข้าข่ายฉุกเฉินวิกฤติ (สีแดง) หรือไม่ ขอให้สถานพยาบาลใช้ระบบบันทึกและประเมินผู้ป่วย (UCEP) ของสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) และหากพบปัญหาในการวินิจฉัยคัดแยกผู้ป่วยให้ปรึกษาขอคำวินิจฉัยจากศูนย์ประสานงานคุ้มครองสิทธิผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤตของ สพฉ. ผ่านสายด่วน 02 872 1669 โดยให้ยึดคำวินิจฉัยของศูนย์ประสานงานคุ้มครองสิทธิผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤตเป็นที่สุด

2 มีนาคม 2564
ข่าว/บทความล่าสุด
เนื้อหาอ่านล่าสุด