ข่าวสุขภาพ
ค้นหา รพ.-คลินิก-ร้านยาทั่วไทย ร้านยาคุณภาพของฉัน บริการสุขภาพ คลินิกเอกชน งาน รพ.
บริการวัคซีนโควิด บริการตรวจโควิด
ตำแหน่งงาน
ข่าวสุขภาพทั่วไป ข่าวธุรกิจสุขภาพไทย ข่าวธุรกิจสุขภาพรอบโลก กิจกรรม-บริการ รพ.ต่างๆ สิทธิสุขภาพชาวไทย สาระความรู้สุขภาพ Health Economy ท่องเที่ยวสุขภาพ กิจกรรม ESG CSR กิจกรรม Event บริจาค
น่าสนใจไทยแลนด์
English
About us เผยแพร่เนื้อหา สถิติเว็บไซต์ สำรวจความเห็นสุขภาพ โฆษณา
healthserv.net@gmail.com

ศบค.ประกาศ 8 ข้อกำหนด รองรับนโยบายเปิดประเทศ ฟื้นฟูเศรษฐกิจการท่องเที่ยว

ศบค.ประกาศ 8 ข้อกำหนด รองรับนโยบายเปิดประเทศ ฟื้นฟูเศรษฐกิจการท่องเที่ยว HealthServ.net

โดยในเบื้องต้น ทั้ง 8 ข้อกำหนด มีสาระสำคัญ ดังนี้

ศบค.ประกาศ 8 ข้อกำหนด รองรับนโยบายเปิดประเทศ ฟื้นฟูเศรษฐกิจการท่องเที่ยว ThumbMobile HealthServ.net
ศบค.ประกาศ 8 ข้อกำหนด รองรับนโยบายเปิดประเทศ ฟื้นฟูเศรษฐกิจการท่องเที่ยว HealthServ
21 ตุลาคม 2564 ราชกิจจาฯ เผยแพร่ประกาศ ข้อกำหนดและข้อปฏิบัติ แก่ส่วนราชการต่างๆ  คำแนะนำของศบค. ใน 8 ข้อกำหนดหลัก ที่จะเกี่ยวข้องกับการดำเนินการขับเคลื่อน นโยบายการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวของนายกรัฐมนตรี ที่จะเริ่มในวันที่ 1 พ.ย. 2564 นี้ โดยในเบื้องต้น ทั้ง 8 ข้อกำหนด มีสาระสำคัญ ดังนี้

ข้อ 1 กำหนดพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยว (Sandbox) 
พิจารณาถึงความเหมาะสม ความพร้อม และบริบทของแต่ละพื้นที่ อาจมีการปรับเปลี่ยนได้ตามสถานการณ์ การแพร่ระบาด
 
ราชกิจจาฯ ได้ประกาศ พื้นที่นำร่อง 17 จังหวัดแล้ว 
 
ข้อ 2 อนุญาตให้เปิดดำเนินการได้
สำหรับสถานที่ กิจการ หรือการดำเนินกิจกรรม ในเขตพื้นที่นำร่องฯ (ข้อ 1) 
ภายใต้เงื่อนไข เงื่อนเวลา การจัดระบบ ระเบียบ และมาตรการป้องกันโรคที่ทางราชการกำหนด
 
ข้อ 3 การยกเลิกการห้ามออกนอกเคหสถาน (เคอร์ฟิว)
ในพื้นที่นำร่องฯ (ข้อ 1) ให้มีผลตั้งแต่เวลา 23.00 นาฬิกา ของวันที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2564
 
ข้อ 4 ห้ามจัดกิจกรรมที่มีความเสี่ยง
ต่อการแพร่โรคในพื้นที่นำร่องฯ (ข้อ 1)  กล่าวคือ ห้ามจัดกิจกรรมเกิน 500 คน  โดยยังคงวิธีปฏิบัติและข้อพิจารณาในส่วนของข้อห้ามการจัด, ขั้นตอนการขออนุญาต, การพิจารณาอนุญาต, กิจกรรมที่ได้รับการยกเว้น มาใช้พิจารณาเช่นเดิม
 
ข้อ 5 ยังคงไม่อนุญาตให้เปิด
สถานบริการ สถานบันเทิง ผับ บาร์ คำราโอเกะ ในพื้นที่นำร่องฯ (ข้อ 1)
 
ข้อ 6 แผนรองรับเหตุ
กำหนดให้ผู้ว่าฯ สั่งปิด จำกัด ห้าม งดทำกิจกรรมได้ 
 
ข้อ 7 กำหนดรายชื่อประเทศที่เดินทางเข้าได้ 
กำหนดประเทศต้นทางที่ได้รับอนุญาตให้เดินทางเข้าประเทศไทยได้ ล่าสุดกระทรวงการต่างประเทศ ได้ประกาศรายชื่อ 46 ประเทศได้รับอนุญาตให้เดินทางเข้าไทยได้ ตั้งแต่ 1 พ.ย.64
 
ข้อ 8 กำหนดมาตรการสำหรับผู้เดินทางเข้าประเทศ
ครอบคลุม 3 ระดับของการเดินทาง คือ ก่อนเดินทางเข้า เมื่อเดินทางถึง/ระหว่างอยู่ในประเทศ และ มาตรการก่อนเดินทางออก พร้อมกำหนดหน้าที่ความรับผิดชอบขอหน่วยราชการที่เกี่ยวข้องไว้


รายละเอียด แต่ละข้อที่ปรากฏในราชกิจจาฯ สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ด้านล่างนี้ 
 

ราชกิจจา ข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 (ฉบับที่ 36)

ตามที่ได้มีประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักรตั้งแต่วันที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2563 และต่อมาได้ขยายระยะเวลาการบังคับใช้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินดังกล่าวออกไปอย่างต่อเนื่องเป็นระยะ นั้น
 
โดยที่การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในประเทศไทยมีแนวโน้มของสถานการณ์คลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น ด้วยผู้ติดเชื้อรายใหม่มีจำนวนในระดับคงที่ต่อเนื่องกันเป็นระยะเวลาหนึ่งและผู้ได้รับการรักษาจนหายเป็นปกติมีแนวโน้มเพิ่มจำนวนมากขึ้น ซึ่งรัฐบาลได้ดำเนินการจัดหาวัคซีนและขับเคลื่อนแผนการให้บริการฉีดวัคซีนป้องกันโรคให้แก่ประชาชนในภาคส่วนต่าง ๆ ซึ่งปัจจุบันอัตราการได้รับวัคซีนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องครอบคลุมทุกภูมิภาคในประเทศ รัฐบาลจึงเห็นว่ามีความจำเป็นที่จะต้องมีการฟื้นฟูประเทศเพื่อประโยชน์ด้านการใช้ชีวิตความเป็นอยู่และด้านเศรษฐกิจแก่ประชาชนในเบื้องต้นจึงเห็นควรให้มีการเปิดพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยว เพื่อเป็นปัจจัยเอื้อให้นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางเข้ำมาจากต่างประเทศได้มากขึ้น อันจะเป็นประโยชน์ต่อระบบเศรษฐกิจและการจ้างงานในภาพรวมของประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาคธุรกิจท่องเที่ยวและภาคธุรกิจบริการที่เกี่ยวเนื่อง

ในการนี้รัฐบาลได้เตรียมความพร้อมโดยประสานความร่วมมือกับประเทศต้นทางและบูรณาการการทำงาน
ของพนักงานเจ้าหน้าที่และผู้ปฏิบัติงานทุกภาคส่วนในการกำหนดมาตรการรองรับเพื่อให้การปฏิบัติตามมาตรการต่าง ๆ ภายใต้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินเป็นไปอย่างต่อเนื่องและเป็นระบบควบคู่กับการกำหนดมาตรการทางด้านสาธารณสุขเพื่อป้องกันการแพร่ระบาด ให้ประชาชนมีความปลอดภัยรวมทั้งสร้างความมั่นใจแก่นักท่องเที่ยวต่างชาติและประชาชน อันจะส่งผลให้การขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจและสังคมสามารถดำเนินการควบคู่กับมาตรการด้านสาธารณสุขได้อย่างมีประสิทธิภาพดังที่เริ่มปฏิบัติกันในประเทศต่าง ๆ ที่มีสถานการณ์คล้ายคลึงกัน
 
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 และมาตรา 11 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 นายกรัฐมนตรีจึงออกข้อกำหนดและข้อปฏิบัติแก่ส่วนราชการทั้งหลายตามคำแนะนำของศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) (ศบค.) ดังต่อไปนี้

ข้อ 1 การกำหนดพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยว ให้มีการกำหนดเขตพื้นที่นำร่อง (Sandbox) ด้านการท่องเที่ยวขึ้น เพื่อการดำเนินการขับเคลื่อนด้านเศรษฐกิจของประเทศควบคู่กับการกำหนดมาตรการควบคุมและป้องกันโรคในพื้นที่แบบบูรณาการ โดยพิจารณาถึงความเหมาะสม ความพร้อม และบริบทของแต่ละพื้นที่ ทั้งนี้ เพื่อการบังคับใช้ให้เหมาะสมและเป็นการเฉพาะจากเขตพื้นที่จังหวัดตามพื้นที่สถานการณ์การกำหนดเขตพื้นที่ใดให้เป็นเขตพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยวตามวรรคหนึ่ง หรือการปรับปรุงเขตพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยวดังกล่าว ให้เป็นไปตามคำสั่งศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด
- 19) ซึ่งอาจมีการปรับเปลี่ยนได้ตามสถานการณ์
 
ข้อ 2 การกำหนดมาตรการควบคุมแบบบูรณาการในพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยวให้สถานที่ กิจการ หรือการดำเนินกิจกรรมในเขตพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยว สามารถเปิดดำเนินการได้ภายใต้เงื่อนไข เงื่อนเวลา การจัดระบบ ระเบียบ และมาตรการป้องกันโรคที่ทางราชการกำหนด เช่น มาตรการป้องกันการติดเชื้อแบบครอบจักรวาล (Universal Prevention) มาตรการปลอดภัยสาหรับองค์กร (Covid Free Setting) รวมทั้งมาตรการตามกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อที่ผู้รับผิดชอบในแต่ละพื้นที่กำหนดขึ้นเป็นการเฉพาะ
 
ข้อ 3 การยกเลิกการห้ามออกนอกเคหสถาน ให้ยกเลิกการห้ามออกนอกเคหสถานในพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยวซึ่งเดิมเคยกำหนดให้เป็นเขตพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดจากการจำแนกจังหวัดตามพื้นที่สถานการณ์ แต่ได้มีคำสั่งกำหนดให้พื้นที่ดังกล่าวเป็นเขตพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยวตามข้อกำหนดนี้ ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่เวลา 23.00 นาฬิกา ของวันที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2564
 
ข้อ 4 การห้ามจัดกิจกรรมที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่โรคในพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยว ห้ามจัดกิจกรรมซึ่งมีการรวมกลุ่มกันของบุคคลที่มีจำนวนรวมกันมากกว่าห้าร้อยคนในเขตพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยวให้นำวิธีปฏิบัติในส่วนของข้อห้ามการจัดกิจกรรมที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่โรค ขั้นตอนการขออนุญำตจัดกิจกรรม การพิจารณาอนุญำต รวมทั้งกิจกรรมหรือการรวมกลุ่มที่ได้รับการยกเว้น ให้สามารถจัดได้โดยไม่ต้องขออนุญำตตามข้อ4 และข้อ 5 แห่งข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 (ฉบับที่ 30) ลงวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2564 มาใช้บังคับด้วย
 
ข้อ 5 การเตรียมความพร้อมของสถานบริการหรือสถานที่เสี่ยงต่อการแพร่โรคในพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยว ในระยะเริ่มแรกของการดำเนินการเปิดเขตพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยว ให้สถานบริการ สถานประกอบการที่มีลักษณะคล้ายสถานบริการ สถานบันเทิง ผับ บาร์ คำราโอเกะ ที่ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยวยังคงปิดดำเนินการไว้ก่อนในช่วงเวลานี้ โดยให้หน่วยงานและผู้ประกอบการเตรียมความพร้อมเพื่อการผ่อนคลายมาตรการตามที่ได้ประกาศไว้แล้วในข้อกำหนด ออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 (ฉบับที่ 35) ลงวันที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2564 เพื่อให้สามารถเปิดดำเนินการได้ต่อไปตามแผนและกรอบเวลาที่รัฐบาลจะประกาศกำหนด
 
ข้อ 6 การปรับระดับพื้นที่สถานการณ์ย่อยภายในเขตพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยวและการกำหนดมาตรการเพิ่มเติมของแต่ละจังหวัด ให้ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการโรคติดต่อกรุงเทพมหานคร หรือผู้ว่าราชการจังหวัดโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด แล้วแต่กรณี เสนอต่อศูนย์ปฏิบัติการ ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศปก.ศบค.) เพื่อตรวจสอบ กลั่นกรอง และเสนอนายกรัฐมนตรีให้พิจารณาปรับระดับความเข้มข้นหรือการผ่อนคลายของพื้นที่สถานการณ์ย่อยในระดับท้องที่หรือเขตอำเภอที่อยู่ในเขตพื้นที่จังหวัดในความรับผิดชอบของตนได้ตามความจำเป็นแห่งสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19 ในห้วงเวลาต่าง ๆ ให้ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครหรือผู้ว่าราชการจังหวัดพิจารณาดำเนินการตามพระราชบัญญัติ โรคติดต่อ พ.ศ. 2558 โดยสั่งปิด จำกัด หรือห้ามการดำเนินการของสถานที่ หรือสั่งให้งดการทำกิจกรรมอื่นในเขตพื้นที่รับผิดชอบซึ่งมีความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรคเพิ่มเติมจากมาตรการควบคุมแบบบูรณาการในพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยวได้ตามความเหมาะสมกับสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19
 
ข้อ 7 การกำหนดผู้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรเพิ่มเติม เพื่อเอื้อต่อการเดินทางเข้าราชอาณาจักรของบุคคลที่เดินทางมาจากประเทศต้นทางซึ่งได้รับการประเมินตามเกณฑ์ที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด และได้มีการประสานความร่วมมือเพื่อดำเนินการตามแผนการเปิดประเทศของรัฐบาล ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็น (13) ของข้อ 1 การเดินทางเข้ำมาในราชอาณาจักรของข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548(ฉบับที่ 12) ลงวันที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2563 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยข้อ 3 ของข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 (ฉบับที่ 13) ลงวันที่ 31 กรกฎำคม พ.ศ. 2563 และข้อ 1 ของข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 (ฉบับที่ 26)
ลงวันที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2564 "(13) ผู้ซึ่งได้รับอนุญำตให้เดินทางเข้ำมาในราชอาณาจักร เพื่อประโยชน์ด้านเศรษฐกิจควบคู่กับความมั่นคงด้านสาธารณสุขตามแผนการเปิดประเทศของรัฐบาล"
 
ข้อ 8 มาตรการป้องกันโรคสำหรับผู้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร การกำหนดมาตรการป้องกันโรคสาหรับผู้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรในประเภทซึ่งเป็นผู้ได้รับอนุญาตให้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร เพื่อประโยชน์ด้านเศรษฐกิจควบคู่กับความมั่นคงด้านสาธารณสุขตามแผนการเปิดประเทศของรัฐบาล ตามที่ได้เพิ่มเติมโดยข้อกำหนดนี้ เช่น การกำหนดประเทศหรือพื้นที่ซึ่งศูนย์ปฏิบัติการมาตรการเดินทางเข้าออกประเทศและการดูแลคนไทยในต่างประเทศอนุมัติการมีหนังสือรับรองหรือหลักฐานการลงทะเบียนการเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร การได้รับวัคซีนป้องกันโรคครบตามเกณฑ์ การตรวจยืนยันว่าไม่มีเชื้อโรคโควิด
- 19 การมีกรมธรรม์ประกันภัยที่ครอบคลุมค่าใช้จ่ายการรักษาพยาบาลตามเกณฑ์ที่กำหนด และหลักฐานการช ำระค่าที่พัก ให้เป็นไปตามคำสั่งศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด- 19)
 
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564 เป็นต้นไป
ประกาศ ณ วันที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2564
พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา
นายกรัฐมนตร
ข่าว/บทความล่าสุด
เนื้อหาอ่านล่าสุด