กัญชาทางการแพทย์ ตามนิยามโดยกรมการแพทย์ หมายถึง สิ่งที่ได้จากสารสกัดพืชกัญชา เพื่อนำสารสกัดที่ได้มาใช้ทางการแพทย์และการวิจัย ไม่ได้หมายรวมถึงกัญชาที่ยังคงมีสภาพเป็นพืช หรือส่วนประกอบใดๆ ของพืชกัญชา อาทิ ยอดดอก ใบ ลำต้น ราก เป็นต้น
ผลิตภัณฑ์กัญชา หมายถึง รูปแบบ หรือลักษณะของสารสกัดจากกัญชาที่ผ่านการเตรียมเพื่อนำมาใช้ทางการแพทย์กับผู้ป่วย อาทิ เม็ด สเปรย์พ่นในช่องปาก น้ำมันหยดใต้ลิ้น แท่งเหน็บทวารหนัก และทางอื่นๆ
Unapproved products หมายถึง ผลิตภัณฑ์กัญชาทางการแพทย์ที่ยังไม่ผ่านการขึ้นทะเบียนจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา
กัญชาทางการแพทย์
กัญชาทางการแพทย์ มีการอธิบาย ให้ความหมาย รายละเอียด ขอบเขต ไว้โดยผู้เชี่ยวชาญหลายท่าน จึงขออนุญาตนำข้อเขียนเหล่านั้น มาบันทึกไว้ ณ ที่นี้ เพื่อประโยชน์ในการศึกษา
ความเป็นมาของกัญชาทางการแพทย์ - นพ.ชลทิศ อุไรฤกษ์กุล LINK
คู่มือในข้อ 4 กำหนด โรคหรือภาวะที่มีช้อมูลเชิงประจักษ์ 4 โรคว่าการใช้กัญชาเพื่อการรักษามีประสิทธิผล และควรนำกัญชามาใช้ในกรณีที่รักษาด้วยวิธีการเดิมแล้วไม่ได้ผล (second choice) ไม่ใช่เลือกกัญชาเป็นลำดับแรก (First Choice) และต้องได้รับความยินยอมจากผู้ป่วย ได้แก่
- ภาวะคลื่นไส้อาเจียนจากเคมีบำบัด (Chemotherapy induced nausea vomitting)
- โรคลมชักที่รักษายาก หรือโรคลมชักที่ดื้อต่อการรักษา (Intractable Epilepsy)
- ภาวะกล้ามเนื้อหดเกร็ง (spasticity) ในผู้ป่วยโรคปลอกประสาทเสื่อมแข็ง (Multiple Sclerosis)
- ภาวะปวดประสาท (Neurotic pain)
คู่มือในข้อ 4 กำหนดว่า ผลิตภัณฑ์กัญชาน่าจะได้ประโยชน์ (มีข้อมูลการศึกษาจำกัด ซึ่งต้องได้รับการศึกษาวิจัยถึงประสิทธิผลอย่างมีหลักฐานเชิงประจักษ์เพื่อสนับสนุนต่อไป) ในการควบคุมอาการ แต่ไม่ได้รักษาให้โรคหายขาด อีก 6 โรค/ภาวะ ได้แก่
- ผู้ป่วยที่ได้รับการดูแลแบบประคับประคอง (Paliative Care)
- ผู้ป่วยมะเร็งระยะสุดท้าย (End stage cancer)
- โรคพาร์กินสัน
- โรคอัลไซเมอร์
- โรควิตกกังวลทั่วไป (Generalized Anxiety Disorder)
- โรคปลอกประสาทอักเสบ (Demyelinated Diseases) อื่นๆ อาทิ Neuromyelitis optica และ Auto immune encephalitis
แถลงการณ์ของราชวิทยาลัย ต่างๆ
แถลงการณ์ของราชวิทยาลัย ต่างๆ
- ราชวิทยาลัยกุมารแพทย์ ฯ ได้ออกแถลงการณ์ สรุปได้ว่า ราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย จึงมีมติว่ายังไมส่มควรนํากัญชาและสารสกัดจากกัญชาใดๆ มารักษาโรคในผ้ปู่วยเด็กและวยัรุ่น จนกว่าจะมีข้อมลูการศึกษาวิจัยที่มากพอ ยืนยันถึงประสิทธิภาพและความ ปลอดภัยของการใช้สารสกัดกัญชารักษาในเด็กรวมทั้งมีประกาศในแนวทางการรักษาผ้ปู่วย แถลงการณ์ จุดยืนของราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย เรื่องการใช้กัญชาทางการแพทย์ในเด็กและวัยรุ่น
- ราชวิทยาลัยจักษุแพทย์แห่งประเทศไทย สรุปว่า การศึกษาผลของกัญชาในโรคต้อหิน ได้แสดงให้เห็นผลประโยชน์ต่อความดันลูกตา เพียงในระยะสั้น (ชั่วโมง) ชี้ให้เห็นศักยภาพที่จำกัด สำหรับ cannabinoids ในการรักษาโรคต้อหิน” นอกจากนี้ กรรมการราชวิทยาลัย เห็นว่า รูปแบบ ขนาดและความเข้มข้นที่พอเหมาะ ของสารสกัดจากกัญชา ยังไม่เคยมีการวิจัยรองรับ ทางชมรมต้อหิน ราชวิทยาลัยจักษุแพทย์แห่งประเทศไทย ยินดีที่จะทำวิจัยเรื่องนี้ ในอนาคตอันใกล ความเห็นทางวิชาการเกี่ยวกับการใช้กัญชาทางการแพทย์ (จักษุ)
- ราชวิทยาลัยจิตแพทย์แห่งประเทศไทยข้อมูลทางการแพทย์ (Evidence Base) ที่เกี่ยวกับกัญชาทางการแพทย์ สรุปได้ว่า การใช้สารสกัดจากกัญชาในผู้ป่วยที่มีปัญหาสุขภาพจิตยังมีข้อจำกัดในด้านประโยชน์สำหรับผู้ป่วยโรคจิต โรคอารมณ์ผิดปกติทั้งโรคซึมเศร้า (Depressive Disorder) และอารมณ์แมเนีย (Mania) กลุ่มโรควิตกกังวล (Anxiety Disorder) และปัญหานอนไม่หลับ (insomnia) กลุ่มเหล่านี้มีความเสี่ยงสูง และมักแสวงหาความสุขช่วงสั้น (getting High) จากการใช้กัญชา และเกิดผลเสียจากการใช้ เช่่นอารมณ์โรคจิต และอาการมาเนียกำเริบ หรือเสี่ยงต่อการฆ่าตัวตาย อีกทั้งเสี่ยงต่อการเสพติดสารเสพติด อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันยังขาดข้อมูลหลักฐานเชิงประจักษ์ที่ดีพอในการนำกัญชามาใช้ในทางการแพทย์ในโรคทางจิตเวช จึงเห็นสมควรให้การสนับสนุนในการทำวิจัยในเรื่องนี้ตามระเบียบวิธีการทางวิทยาศาสตร์ต่อไป และในโรคที่มียารักษาได้ผลดีอยู่แล้ว ไม่สนับสนุนการเปลี่ยนมาใช้กัญชาในการรักษา ข้อมูลทางการแพทย์ (Evidence Base) ที่เกี่ยวกับกัญชาทางการแพทย์
การใช้กัญชาในทางการแพทย์ - ศ.นพ.ธีรวัฒน์ เหมะจุฑา
ศ.นพ.ธีรวัฒน์ เหมะจุฑา เป็นอาจารย์ที่สนับสนุนการนำกัญชามาใช้ในทางการแพทย์ จึงนำผลสรุปที่อาจารย์บรรยายในงานมติชน Health Care 2562 ดังนี้
- กัญชาสามารถรักษาได้ โดยไทยมีตำรับยาที่มีส่วนผสมกัญชามาตั้งแต่โบราณ ขณะที่ทางวิทยาศาสตร์พิสูจน์ได้ว่าร่างกายมนุษย์ยังมีสารสำคัญ ที่มีอยู่ในกัญชา
- กัญชามีสาร 2 ตัว คือ สารที่ทำให้เมาคือ THC และสารที่ไม่เมาคือ CBD
- มีความพยายามที่จะสกัดสารจากัญชาเพื่อรักษาโรค ซึ่งบางคนใช้แล้วหาย บางคนใช้แล้วไม่หาย บางคนหายภายหลังใช้ 10 วัน จากประสบการณ์การรักษา พบว่าผู้ป่วยหลายรายมีอาการดีขึ้นภายหลังใช้กัญชาเพื่อการรักษา
- ระหว่างที่สารสกัดกัญชาถูกกฎหมายยังไม่มี ปัจจุบันกรมการแพทย์แผนไทยและแพทย์ทางเลือกอยู่ระหว่างปรุงยาตำรับไทยที่มีส่วนผสมกัญชา ซึ่งอีก 3-4 เดือนข้างหน้า (ปลายปี 2562) แพทย์ที่ผ่านการอบรมจะสามารถนำกัญชามาใช้ทางการแพทย์ได้ (กรมการแพทย์ได้ออกแนวทางในการใช้กัญชาทางการแพทย์ )
- วิธีการใช้ ตอนเริ่มต้นให้ใช้แต่น้อยก่อน แล้วค่อยปรับการใช้ ซึ่งธรรมชาติของกัญชา หากใช้แบบดูดจะออกฤทธิ์เร็ว ทำให้ปริมาณดูดซึมไม่คงที่ หอกใช้หยอดซอกฟันจะออกฤทธิ์ภายใน 4-8 ชั่วโมง ถ้าหยอดใต้ลิ้น จะออกฤทธิ์ภายใน 1-4 ชั่วโมง แต่ทุกวันนี้ส่วนใหญ่ใช้กิน ซึ่งไม่ออกฤทธิ์ทันที ทำให้ผู้ป่วยหยดอีก ทำให้ขนาดเกิน จึงเกิดอาการเมากัญชา ได้แก่ เวียนหัว คลื่นไส้ อาเจียน ความดันโลหิตตก
- การใช้กัญชาเพื่อการรักษานั้น ต้องใช้ควบคู่กับการรักษาแผนปัจจุบัน ห้ามใช้กัญชาเดี่ยวๆ กัญชาสามารถรักษาหรือชลออาการได้ 7 ชนิดได้แก่ 1.ภาวะแข็งเกร็ง 2.เบื่ออาหาร 2.ทานอาหารไม่ได้ 4.ภาวะโรคเคมีบำบัด 5. พาร์กินสัน 6.สมองเสื่อม 7.ภาวะคล้ายสมองเสื่อม และบางอาการเช่น ผมร่วง โรคสะเก็ดเงิน อัลไซเมอร์
- การใช้กัญชา ต้องมีความรู้ ว่าใช้อย่างไร ต้องใช้ให้ถูกวิธี และต้องมีวิธีการควบคุมไม่ให้ใช้ผิดประเภท โดยต้องไม่ท้ิงยาแผนปัจจุบัน และไม่ใช้ทุกคนจะได้ผลดีจากกัญชาเหมือนกันหมด
- การใช้กัญชาทำให้เกิดโรคจิตหรือเป็นบ้าหรือไม่ การศึกษาในปี 2018 พบว่า พบในกลุ่มที่เป็นบ้าก่อนที่จะรักษา คือ เสพกัญชาเพื่อให้เมา จากนั้นเพิ่มปริมาณการสูบ ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในเนื้อสมอง จึงเกิดอาการทางจิต โดยเฉพาะคนที่ติดจะมีรหัสพันธุกรรมจำเพาะ จึงไม่สนับสนุนในการสูบเพื่อเมา เพราะจะทำให้เกิดการติดและตามมาด้วยโรคทางจิตเวช การจะใช้กัญชาเพื่อรักษาจึงต้องรู้ข้อจำกัด ถึงจะเกิดประโยชน์เต็มที่จากกัญชา
กัญชาทางการแพทย์ - พญ.เชิดชู อริยศรีวัฒนา LINK
กัญชาเป็นพืชที่มีผลออกฤทธิ์ต่อจิตประสาท และใช้เป็นยารักษาโรคมาตั้งแต่ยุคโบราณหลายพันปีมาแล้วก่อนการเกิดศาสนา ซึ่งมีหลักฐานทางโบราณคดีที่เชื่อว่ามนุษย์ในสมัยนั้นใช้กัญชาเพื่อเหตุผลทางจิตวิญญาณ จากการขุดค้นพบโครงกระดูกมนุษย์อายุราว 10,000 ปี สันนิษฐานว่ามนุษย์ในยุคนั้นใช้กัญชาเผาไฟที่ด้านในสุดของถ้ำ เพื่อสูดดมควันจากการเผาไหม้ของกัญชา นอกจากนั้นยังมีหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่บ่งชี้ว่ามีการใช้กัญชาเพื่อประโยชน์ในทางการแพทย์ ทั้งจากประเทศอังกฤษที่มีหนังสือกล่าวถึงการใช้กัญชาในการรักษาโรคซึมเศร้า รักษาอาการปวดประจำเดือน
ในปี พ.ศ. 2517 มีรายงานจากรัฐเวอร์จีเนีย สหรัฐอเมริกา ว่าในกัญชาที่มีการแปรรูปแบบความเข้มข้นสูงจะโจมตีเซลล์มะเร็งในร่างกายและยังคงรักษาเซลล์ที่ดีไว้ โดยทีมวิจัยสรุปว่ามันอาจเป็นการรักษาที่ถูกต้องสำหรับมะเร็ง เพราะมันทำงานได้อย่างรวดเร็วและทำงานได้เป็นอย่างดี
การใช้ยาตามตำรับยาการแพทย์แผนไทย
สถาบันการแพทย์แผนไทย กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ได้เผยแพร่ข้อมูลตำรับยาในทางการแพทย์แผนไทย 16 ตำรับ ตัวอย่างเช่น
- ตำรับยาศุขไสยาสน์ มีที่มาจากคัมภีร์ธาตุพระนารายณ์ ทั้งนี้พระนารายณ์มหาราชเป็นกษัตริย์ลำดับที่ 27 ในสมัยกรุงศรีอยุธยา
ข้อบ่งใช้ ช่วยให้นอนหลับ เจริญอาหาร ฟื้นฟูกำลังผู้ป่วยเรื้อรัง
ข้อห้ามใช้ ห้ามใช้ในสตรีมีครรภ์ ผู้ที่ไข้สูง
- ยาน้ำมันสนั่นไตรภพ มีที่มาจากตำรายาจารึกในวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม
ข้อบ่งใช้ แก้กษัยเหล็ก ลดอาการแทรกซ้อนในผู้ป่วยมะเร็งรังไข่ มะเร็งมดลูก มะเร็งตับในระยะเริ่มต้น
ข้อห้ามใช้ ห้ามใช้ในผู้ป่วยโรคตับระยะสุดท้ายที่มีภาวะเส้นเลือดแตกเป็นใยแมงมุม ห้ามใช้ในผู้ป่วยที่มีตับวาย ห้ามใช้ในผู้ป่วยที่ใช้ยาละลายลิ่มเลือด
และยังมียาตามตำรับการแพทย์แผนไทยอีก 14 ตำรับที่กรมแพทย์แผนไทยได้รับรองตามตำรับเดิมของคัมภีร์แพทย์แผนไทยโบราณของขุนโสภิตบรรณลักษณ์ ตำรายาจารึกในวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ตำราแพทย์ศาสตร์สงเคราะห์พระยาพิศณุประสาทเวช ร.ศ. 128 ตำรับยาอายุรเวทศึกษา (ขุนนิทเทสสุขกิจ ตำรับยาเวชศาสตร์วัณ์ณณา ตำรับยาคัมภีร์ธาตุพระนารายณ์)
เภสัชวิทยาคลินิกของกัญชาทางการแพทย์ (Clinical pharmacology of medical cannabis)
กัญชาประกอบด้วยสารอย่างต่ำ 60 ชนิด ส่วนสำคัญที่รู้จักกันดีก็คือ cannabinoids ซึ่งเป็น active component ของกัญชา ได้แก่ delta-9 tetrahydrocannabinol (THC) ซึ่งออกฤทธิ์ต่อจิตประสาท ทำให้เกิดการเสพติด
ส่วนสารอีกประเภทหนึ่งคือ cannabidiol (CBD) นั้นไม่ทำให้เสพติด และมีรายงานการศึกษาว่ามีฤทธิ์ต้านการอักเสบ มีฤทธิ์ปกป้องการเสื่อมของเซลล์ประสาท และต้านการชัก
การศึกษาในห้องปฏิบัติการและการทดสอบฤทธิ์ทางชีวภาพกับสัตว์ทดลองพบว่า THC และ CBD แสดงฤทธิ์ยับยั้งเซลล์มะเร็งหลายชนิด เช่น มะเร็งเม็ดเลือดขาว มะเร็งช่องปาก มะเร็งเต้านม มะเร็งปากมดลูก (Sledzinski, 2018) นอกจากนี้ยังมีฤทธิ์ต้านการอักเสบ (anti-inflammatory Hasenoehr, 2017) และฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรีย (Appendino, 2008)
การใช้ประโยชน์ทางยาของกัญชา
Nabizmols หรือชื่อทางการค้าว่า Sativex คือสารสกัดของ THC และ CBD ในอัตราส่วน 1:1 ใช้รักษาอาการปวดของเส้นประสาท (neuropathic pain), ภาวะกล้ามเนื้อหดเกร็ง (spasticity), ภาวะกระเพาะปัสสาวะบีบตัวไวเกิน (overactive bladder; OAB), รักษาอาการอาเจียน (antiemetic effect) และโรคปลอกประสาทเสื่อมแข็ง (multiple sclerosis; MS) (Deiana, 2018)
มีการใช้กัญชาเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ในหลายประเทศ และหลายรูปแบบ ได้แก่ การสูบ การใช้สารสกัดกัญชาหยอดใต้ลิ้น การรักษาโรคทางผิวหนังก็ใช้การทา ในการรักษาริดสีดวงหรือมะเร็งปากมดลูกก็ใช้การเหน็บทางทวารหรือช่องคลอด
ในปัจจุบันกระทรวงสาธารณสุขได้รับรองการรักษาผู้ป่วยโดยการแพทย์แผนปัจจุบัน โดยประกาศกระทรวงสาธารณสุขที่พิสูจน์แล้วว่าอาการหรือโรคที่รักษาแล้วได้ผลดีคือ
- Nausea and vomiting from chemotherapy อาการคลื่นไส้อาเจียนจากเคมีบำบัด
- Epilepsy ลมชักรักษายาก
- Multiple sclerosis อาการเกร็งจากปลอกหุ้มประสาทอักเสบ
- Neuropathic painปวดระบบประสาท
ส่วนการรักษาที่น่าจะได้ประโยชน์ คือ
- พาร์กินสัน (Parkinson)
- อัลไซเมอร์ (Alzheimer)
- ปลอกประสาทอักเสบ (Multiple sclerosis)
- โรควิตกกังวล (Anxiety disorder)
- มะเร็งระยะสุดท้าย (Cancer, end stage)
- โรคอื่น ๆ ระยะสุดท้าย (Severe diseases, end stage)
ส่วนการรักษาที่ต้องการการวิจัยเพิ่มคือ โรคมะเร็ง
ในปัจจุบันกระทรวงสาธารณสุขโดยกรมการแพทย์แผนไทยได้ส่งเสริมและสนับสนุนให้โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.)150 แห่งปลูกกัญชาทางการแพทย์ ร่วมกับวิสาหกิจชุมชน ปลูกกัญชาตำบลละ 50 ต้น เพื่อนำมาใช้ประโยชน์ในทางการแพทย์ในแต่ละชุมชน
สรุป การใช้กัญชาในทางการแพทย์ของไทยยังมีช่องทางที่จะพัฒนาต่อยอดได้อีกมาก เพื่อจะได้มีการวิเคราะห์/วิจัยเพิ่มเติมในสารอื่น ๆ ที่เป็นส่วนประกอบสำคัญของกัญชา และการสกัดสารที่มีสรรพคุณทางยาเพื่อนำไปวิจัยในการนำไปใช้เพื่อผลการรักษาในทางการแพทย์ หรือที่มีผลต่อสรีรวิทยา หรือการรักษาโรคหรือสภาวะต่าง ๆของร่างกาย เพื่อขยายความครอบคลุมและสรรพคุณในการใช้กัญชาทางการแพทย์ได้มากขึ้น เพื่อนำไปใช้ในการรักษาโรคที่ยังไม่มีผลการวิจัยมายืนยันการรักษา เพราะยังสามารถทำการศึกษาวิจัยในการสกัดสารสำคัญต่าง ๆ อีกหลายชนิดของกัญชาว่าจะมีผลต่อการรักษาโรคอะไรได้อย่างมีประสิทธิผลมากขึ้น และอาจนำมาใช้แทนยาทางเคมีในปัจจุบันได้อีกด้วย ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนในการสั่งยาจากต่างประเทศ และอาจลดภาระค่ารักษาพยาบาลของผู้ป่วย ได้ในอนาคต
[
wongkarnpat.com]
ผลิตภัณฑ์กัญชาทางการแพทย์อาจได้ประโยชน์ (ในอนาคต) LINK
ผลิตภัณฑ์กัญชาทางการแพทย์อาจได้ประโยชน์ (ในอนาคต) การใช้กัญชารักษาโรคมะเร็ง มีความจําเป็นต้องศึกษาวิจัยถึงประสิทธิผลของกัญชาในหลอดทดลองความปลอดภัยและประสิทธิผลในสัตว์ทดลอง ก่อนการศึกษาวิจัยในคนเป็นลําดับต่อไป เนื่องจากในปัจจุบันข้อมูลหลักฐานทางวิชาการที่สนับสนุนว่ากัญชามีประโยชน์ในการรักษาโรคมะเร็งชนิดต่างๆ ยังมีไม่เพียงพอ แต่สมควรได้รับการศึกษาวิเคราะห์อย่างละเอียด ดังนั้น ผู้ป่วยโรคมะเร็งจึงควรได้รับการรักษาตามวิธีมาตรฐานทางการแพทย์ในปัจจุบัน หากเลือกใช้เฉพาะผลิตภัณฑ์กัญชาในการรักษาโรคมะเร็งแล้ว อาจทําให้ผู้ป่วยเสียโอกาสในการรักษามะเร็งที่มีประสิทธิผลด้วยวิธีมาตรฐานได้
ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับกัญชาทางการแพทย์ โดย แพทยสภา LINK
คำแนะนำ การใช้กัญชาทางการแพทย์สำหรับแพทย์ ฉบับที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๒
สารสกัดกัญชาในการแพทย์ (สำหรับแพทย์)
ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับกัญชาทางการแพทย์ (สำหรับประชาชน)
ประกาศแพทยสภาที่ ๕๓ /๒๕๖๕ เรื่อง ไม่ใช้กัญชาในทางที่ผิด New
ประกาศแพทยสภาที่ เรื่อง ไม่ใช้กัญชาในทางที่ผิด (Infographic) New
คำแนะนำการใช้กัญชาทางการแพทย์
ที่มา: กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ฉบับปรับปรุงครั้งที่ 2/2562