ข่าวสุขภาพ
ค้นหา รพ.-คลินิก-ร้านยาทั่วไทย ร้านยาคุณภาพของฉัน บริการสุขภาพ คลินิกเอกชน งาน รพ.
บริการวัคซีนโควิด บริการตรวจโควิด
ตำแหน่งงาน
ข่าวสุขภาพทั่วไป ข่าวธุรกิจสุขภาพไทย ข่าวธุรกิจสุขภาพรอบโลก กิจกรรม-บริการ รพ.ต่างๆ สิทธิสุขภาพชาวไทย สาระความรู้สุขภาพ Health Economy ท่องเที่ยวสุขภาพ กิจกรรม ESG CSR กิจกรรม Event บริจาค
น่าสนใจไทยแลนด์
English
About us เผยแพร่เนื้อหา สถิติเว็บไซต์ สำรวจความเห็นสุขภาพ โฆษณา
healthserv.net@gmail.com

Covid-19 Red Alert กรุงเทพแตกแล้ว เตรียมรับระบบสาธารณสุขล่ม - Sunt Srianthumrong

Covid-19 Red Alert กรุงเทพแตกแล้ว เตรียมรับระบบสาธารณสุขล่ม - Sunt Srianthumrong HealthServ.net
Covid-19 Red Alert กรุงเทพแตกแล้ว เตรียมรับระบบสาธารณสุขล่ม - Sunt Srianthumrong ThumbMobile HealthServ.net

Sunt Srianthumrong (อ.สันต์ ศรีอรรฆ์ธำรง) ร่ายยาว Covid-19 Red Alert 3 ตอน กับเสียงเตือน เตรียมรับระบบสาธารณสุขล่ม และ Forced Major Lockdown กรุงเทพแตกแล้ว หายนะกำลังใกล้เข้ามา

Covid-19 Red Alert กรุงเทพแตกแล้ว เตรียมรับระบบสาธารณสุขล่ม - Sunt Srianthumrong HealthServ

Sunt Srianthumrong
(อ.สันต์ ศรีอรรฆ์ธำรง) ร่ายยาว Covid-19 Red Alert 3 ตอน กับเสียงเตือน เตรียมรับระบบสาธารณสุขล่ม และ Forced Major Lockdown กรุงเทพแตกแล้ว หายนะกำลังใกล้เข้ามา

//////////////////////

Covid-19: Alert Code Red: The Third Wave Confirm กรุงเทพฯแตกแล้วครับ

หลังจากรักษาพระนครมาได้ยาวนาน แต่ถึงที่สุดแล้วตัวเลขและกราฟ 6 วันที่ผ่านมาตั้งแต่ 1 เม.ย. 2021 ยืนยันการเข้าสู่ Wave#3 อย่างแน่นอน และรุนแรงมาก มากกว่า Wave#2 ที่เริ่มที่สมุทรสาครอย่างมาก 
ผมทำตัวเลขและกราฟมาให้ดูหลายชุดครับ ตอนนี้เราเข้าสู่ Exponential แล้ว Total Case ของ Wave#3 ใกล้แตะระดับ 1,000 แล้ว ก้าวข้ามสถานการณ์ของ Wave#1 เมื่อตอน Lockdown ปีที่แล้วและก้าวข้าม Wave#2 ตอนเปิดตัวเลขที่สมุทรสาครไปแล้วครับ ดังนั้นไม่ต้องหวังแล้วว่าจะจบต่ำกว่าหมื่น ขอแค่หยุดไม่ให้ถึงแสนได้ก็เก่งมากแล้วครับรอบนี้ 
 
คำแนะนำ: Lockdown กรุงเทพมหานคร ทันทีตั้งแต่คืนนี้ ไม่มีใครสมควรได้ออกจากบ้านโดยไม่จำเป็นตั้งแต่คืนนี้พรุ่งนี้เป็นต้นไป ถ้าเรายังคิดว่าอยากจะหยุด Wave#3 นี้ไว้แค่หลักหมื่นครับ
และสำหรับ ปุถุชนทั่วไป ไม่ว่าใครจะ Encourage ท่านมากอย่างไรก็ตาม ภาครัฐและธุรกิจจะเอาน้ำเย็นเข้ารูปอย่างไรก็ตาม ผมแนะนำด้วยความปราถนาดีต่อท่านและครอบครัวว่า ตั้งแต่พรุ่งนี้ อยู่บ้านครับ และอยู่ไปยาวๆ 2 เดือนครับ 
 
Wave#3 นี้แตกต่างจาก Wave#2 มาก ครั้งนี้เราถูกโจมตีกลางเมืองหลวง ซึ่งที่ผ่านมาเมียนมาสูญเสียย่างกุ้ง มาเลเซียสุญเสีย KL ฟิลิปปินส์สูญเสียมะนิลา และถึงที่สุดตัวเลขวิ่งไม่หยุดไปไกลมากก็ต้อง Lockdown อยู่ดีครับ และยังไม่มีใครกอบกู้กลับมาได้เลย 
 
เรามาดูสถานการณ์และกราฟต่างๆว่า คณิตศาสตร์บอกอะไรเราบ้างครับ
จาก Wave#2 สู่ Wave#3 กราฟ %Increase:
 
กราฟสีม่วงทึบและสีเขียวที่ทำต่อเนื่องจาก Wave#2 พลิกกลับขึ้นอย่างรุนแรงตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. โดยเฉพาะสีม่วงทึบที่ขึ้นไปแตะระดับมากกว่า 3% ในวันนี้ส่งสัญญาณชัดเจนครับว่า นี่ไม่ใช่แค่ Cluster แต่คือ Wave ใหม่ครับ และ %Increase ในกราฟนี้ยังเป็นขาขึ้นอยู่ ซึ่งเวลา 6 วันนี้ยาวนานเท่ากับ 2 Doubling Day มาตรฐาน ซึ่งมากพอที่จะ Confirm ครับ 
 
กราฟของ Bangkok Cluster: 
ผมทำกราฟตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. มาให้ดูครับ กราฟ %Increase เปิดมาที่สูงกว่า 180% และทุกวันนี้ยังอยู่ที่ มากกว่า 60% แสดงว่า การติดเชื้อในวงกว้างเริ่มมาก่อน 1 เม.ย. พอสมควร เราน่าจะเจอช้าไปประมาณ 1-2 สัปดาห์ครับ และมี Doubling Day ที่สั้นมากจนน่าใจหายครับ 
 
กราฟของ Total Case ในเขตกรุงเทพฯ ยืนยันหายนะที่ชัดเจนครับ กำลังเป็น Exponential ที่เพิ่มเป็นสองเท่าภายในทุกๆ 1-2 วันเท่านั้น ถึงแม้ส่วนหนึ่งเกิดจากการตรวจเชิงรุก แต่ตัวเลขการตรวจเจอจากโรงพยาบาลก็สูงมากครับ และโดยทั่วไป Doubling Day แค่ 3 วันก็หนักแล้วครับ ผ่านไปแค่ 6 วันเฉพาะ Wave#3 แค่กรุงเทพก็ราวๆ 505 คนแล้ว และทุกคนอยู่กระจายไปทั่ว เดินทางไปทั่วเมืองและทั่วประเทศ ที่นี่เป็นเมืองศุนย์กลางการเดินทางที่มีฐานประชากรมากกว่า 10 ล้านคน ไม่ใช่แค่ 1 ล้านแบบสมุทรสาคร และไม่ใช่แรงงานต่างด้าวที่จะกักจะขังได้ตามใจชอบ  นี่คือสัญญาณว่า เราได้สูญเสียกรุงเทพฯไปแล้วครับ และมันร้ายแรงมาก

กราฟของ Wave#3 ทั่วประเทศ: 
กราฟมีความคล้ายกับของกรุงเทพฯครับทั้ง %Increase และ Total Case  และยืนยันลักษณะกราฟเป็น Exponential ที่รุนแรงเช่นกันครับ Doubling Day ยังสั้นกว่า 2 วัน ยังไม่นิ่ง แต่น่าจะใกล้ Stabilized ซึ่งจะทำให้เราเห็น Trend ระยะกลางได้ และจะสามารถประเมินจำนวนผู้ติดเชื้อในช่วงเวลาต่างๆของ Wave ที่จะเกิดขึ้นได้ครับ ต้องจับตาดูอีก 1 สัปดาห์ครับ
 
กราฟต่อเนื่องจาก Wave#2 ไป Wave#3 ที่ตัดแรงงานต่างด้าวออกไป:
กราฟนี้เพื่อการสังเกตุช่วง Transition จาก Wave#2 ไป Wave#3 เริ่มตั้งแต่ 17 ก.พ. ผมตัด Cluster สมุทรสาครและปทุมธานีออกไป เพื่อดูการติดเชื้อเฉพาะในหมู่คนไทยและคนต่างๆชาติอื่นๆ เราจะเห็นได้ชัดเจนจากทั้งกราฟ Total Case และ Daily New Case ที่กราฟพุ่งทะยานทันทีในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา นี่คือการติดเชื้อหลักรอบนี้ไม่ใช่แรงงานพม่าแล้วนะครับ แต่เป็นชาวกรุงทั้งไทยและเทศครับ ซึ่ง Character ของ Wave#3 จึงจะต่างจาก Wave#2 โดยสิ้นเชิงครับ 
 
 ความน่ากลัวในการจู่โจมของ Wave#3:
  1. เกิดขึ้นกลางกรุงเทพฯ ที่เป็น Hub ประชากร> 10 ล้านคน ยากแก่การปิดเมือง และทำ Contact Tracing มากๆ
  2. คณะรัฐมนตรีโดนไวรัสไปแล้วเรียบร้อย
  3. เรายังไม่หายเหนื่อยจาก Wave#2 พักมาไม่ถึง 2 เดือนแบบตาปิดไม่สนิทด้วย
  4. ผู้คนมากมายในกรุงเทพฯเริ่มออกเดินทางไปต่างจังหวัด และพร้อมจะเดินทางในอีกไม่กี่วันข้างหน้า
  5. ธุรกิจท่องเที่ยวกำลังรอลูกค้าสงกรานต์ 10 วัน พวกเขาจะต้องร้องไห้กันอีกเท่าไหร่ พวกเขาไม่เหลือสายป่านแล้ว และเที่ยวนี้ก็จะไม่เหลืออะไรให้พวกเขากล้าที่จะคาดหวังอีกต่อไปแล้ว มันน่าเศร้ามาก
  6. ผู้มีอำนาจตัดสินใจทางนโยบายในประเทศนี้ได้รับวัคซีนกันหมดแล้ว ทั้งภาครัฐและเอกชน ดังนั้น พวกเขาจะกล้าเดินนโยบาย GDP ที่แลกมาด้วยเลือดเนื้อและน้ำตา ณ จุดนี้ต้นทุนความเสี่ยงตายของคนในชาติไม่เท่ากันแล้วนะครับ และผู้มีอำนาจไม่จำเป็นต้องกลัวตายเหมือนครั้งก่อนมีวัคซีนครับ
 
สิ่งที่ควรทำที่สุด:
  1. Lockdown กรุงเทพฯ ทันที และยึดเมืองหลวงคืนมาให้ได้ แต่ผมเชื่อว่าไม่มีใครจะกล้าประกาศ Lockdown เร็วๆนี้แน่ แต่เราต้องทำอะไรบางอย่างครับ เวลามีค่ามาก ถ้าเราไม่ทำอะไรเอาแค่สั่งปิดเล็กๆน้อยๆเป็นน้ำจิ้ม ไม่รอดครับ ถ้าจะทำหลังสงกรานต์ก็หนักแล้ว
  2. ธุรกิจท่องเที่ยวที่หยุดไม่ได้แล้ว ต้องตั้งการ์ดสูงสุดในการรอรับลูกค้า
  3. คนที่เดินทางออกไปต่างจังหวัดแล้ว จองโรงแรมจ่ายตังค์ไปแล้ว ต้องมีสำนึกในการป้องกันตัวเอง ไม่ทำสิ่งที่คนอื่นจะเสี่ยงเพราะตัวเรา
  4. จังหวัดต่างๆ ต้องพิจารณาประกาศควบคุม 14 วันด้วยตนเอง เมืองหลวงแตกแล้ว หัวเมืองต้องเข้มแข็งครับ แล้วช่วยกันกลับมายึดกรุงเทพฯคืนมา
  5. ฉลองสงกรานต์อยู่บ้าน พยายามงดเว้นสถานที่ติดแอร์ทั้งหมด และหลังสงกรานต์ Work from Home ทันที
  6. วัคซีนต้องเร่งให้เร็วขึ้นอีกอย่างมากครับ ไม่มีวัคซีนเราไม่ชนะหรอกครับ
  7. ติดตาม Timeline และฟังศบค.และข้อมูลจากบุคลากรสาธรณสุขอย่างใกล้ชิดทุกๆวันครับ สำคัญมากๆ
 
พวกเราคนไทยเคยเสียกรุงไป 2 ครั้ง ไม่ใช่เพียงแค่ข้าศึกเข้มแข็ง แต่เป็นเพราะคนไทยติดประมาท ไม่สามัคคี ไม่ตั้งใจเพียงพอในการรักษาพระนคร ครั้งนี้ และครั้งนี้ ถ้าจะนับเป้นครั้งที่ 3 เราเสียเมืองหลวงเพราะ คนไทย เสพติดอบายมุข สุรา กามา บันเทิง ไม่ละเว้นทั้งๆที่เป็นช่วงที่ประเทศอยู่ในวิกฤตเจียนอยู่เจียนไป 
 
นับจากวันนี้ คนกรุงเทพฯ Mind Set ต้องรีบเปลี่ยน กลับมาตั้งหลักกันใหม่ ช่วยกันครับ กอบกู้พระนครกลับมาให้ได้ ต้องเรียนตามตรงครับว่า ภาระกิจนี้กับ Covid แทบไม่มีชนชาติใดที่โดนตัวเลขระดับนี้แล้วกู้กลับมาได้ แต่ผมมั่นใจว่าเราจะเป็นชาติแรกๆครับ ช่วยกันครับ ผมเชื่อว่ายังไม่สายเกินไป
 
Covid-19 Red Alert กรุงเทพแตกแล้ว เตรียมรับระบบสาธารณสุขล่ม - Sunt Srianthumrong HealthServ
//////////////////////

Covid-19: Red Alert ครั้งที่ 2: ยืนยันการโดนโจมตีแบบ Full Scale Attack ระดับ British-Variant Exponential ของ Wave#3 


ณ วินาทีนี้ ไม่ว่าใครก็ตามที่ยังไม่ตื่นตัวกับสถานการณ์ คงต้องตื่นได้แล้วนะครับ กราฟ ณ เท่าที่มีมา 8 วันของ Wave#3 เห็นวิกฤตชัดมากแล้วครับ และที่ชัดมากคือระดับการโจมตีของ British-Variant Exponential ซึ่งรุนแรงที่สุดแบบที่เราไม่เคยพบมาก่อนใน Wave 1 และ 2 ครับ
 
อาจารย์หมอหลายท่านประเมินว่า British-Variant แพร่กระจายได้ดีกว่าเดิม 1.7 เท่า ผมทำกราฟเทียบทั้ง 3 Wave มาให้ดูครับ ซึ่งจะยืนยันว่าเรากำลังเผชิญหน้ากับความรุนแรงระดับนั้นจริงๆครับ 
 
แค่เพียง 8 วันตัวเลขเฉพาะ Wave#3 ไปถึง 1,895 แล้วนะครับ เร็วที่สุดในทุก Wave ณ จุดนี้ถ้าดูความชันของกราฟ Wave#3 อะไรก็ตามที่เราเคยเจอมาหนักๆอย่าง Wave#2 กลายเป็นเด็กๆไปแล้วนะครับ 
 
กราฟ Total Case เปรียบเทียบ 3 Wave:
Wave #1 สีเขียว: สายพันธุ์จีนดั้งเดิม กราฟเริ่มตั้งแต่ Lockdown มี %Increase ก่อน Lockdown 20% เทียบเท่า Doubling Day ประมาณ 4 วันและลดลงหลัง Lockdown จนจบ Wave ที่ไม่ถึง 3,000 

Wave #2 สีส้ม: สายพันธุ์อินเดียที่ส่งผ่านมาทางเมียนมา กราฟเริ่มตั้งแต่ พบเคสระดับ 500 ที่สมุทรสาคร มี %Increase ก่อน Semi Lockdown 30% เทียบเท่า Doubling Day ประมาณ 3 วันและลดลงหลัง Lockdown จนเกือบจบ Wave ที่ราวๆ 23,000 
 
Wave #3 สีแดง: สายพันธุ์อังกฤษ กราฟเริ่มตั้งแต่ 1 เม.ย. 2021 ที่เคสเริ่มพุ่งอย่างมีนัยยะสำคัญ มี %Increase ณ ปัจจุบันที่เริ่มเห็นแนวโน้มเข้าสู่ 40% ตามกราฟ ซึ่งเทียบเท่า Doubling Day ประมาณ 2 วัน นั่นคือ จำนวนผู้ติดเชื้อกำลังเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าทุกๆ 2 วันเท่านั้น  นี่คือความรุนแรงในระดับที่เราไม่เคยพบมาก่อนเลยครับ ถ้าเราตัดสินใจ Lockdown วันนี้ก็คงยังหลักหมื่นแน่ๆ แต่ถ้าไม่ Lockdown หรือละล้าละลังอีกนานตัวเลขคงไปไกลมากครับ 
 
สถานการณ์ตอนนี้ และสิ่งที่บอกว่าวิกฤตแล้ว:
  1. กราฟสีแดงของ Wave#3 กำลังเชิดขึ้นชันมาก และพุ่งสูงกว่าทุก Wave ที่จุดเวลาประมาณเดียวกันแล้ว ณ วันนี้ และแนวโน้มจะไปต่อที่ความชันที่สูงกว่ามากครับ และที่เราพบจากตัวอย่างทั่วโลก ความชันแบบ Exponential นี้จะไม่มีทางลดลงได้เองเลยถ้าไม่ใช้มาตรการระดับฆ้อนทุบ ใครที่กำลังคิดว่าเชิงรุกเยอะเดี๋ยวก็ลดลง ต้องเปลี่ยนความคิดทันทีครับ รอบนี้พบทีรพ.เยอะมาก 
  2. โรงพยาบาลในกรุงเทพฯ เริ่มเต็ม ทั้งๆที่เพิ่งเข้า Wave#3 มาแค่ 8 วัน 
  3. คนออกเดินทางกับต่างจังหวัดกันแล้ว ตัวเลขต่างจังหวัดเริ่มพุ่งแล้ว เวลาในการตีวงกำลังจะหมดลง 
  4. นักธุรกิจยังห่วงตัวเลข GDP อยู่ ยังไม่ตื่นตัวว่าวิกฤตมาถึงแล้ว ถ้าไม่รีบปรับกลยุทธแรงช็อกหลังสงกรานต์จะมหาศาล 
  5. รัฐบาลยังไม่ตื่นตัวเต็มที่ และห่วงหน้าพะวงหลังอย่างมาก เข้าใจครับว่าโจทย์ยากจริงๆ 
ประชาชนและหัวเมืองควรทำอะไร:
  1. ช่วยกัน WFH สั่ง Delivery อย่าออกจากบ้านถ้าไม่จำเป็นไป 1-2 เดือน
  2. ยกเลิกแผนการเดินทางทั้งหมด ใครออกไปจากกทม.แล้วก็ไปกักตัวแล้วอยู่ข้างนอกยาวๆเลยครับ ใครมีสตางค์มากช่วยอุดหนุน Staycation ได้ยิ่งดีครับ ช่วยเหลือธุรกิจท่องเที่ยว
  3. คนที่แข็งแรงเตรียมความช่วยเหลือให้คนที่หมดสายป่านได้เลย ตู้ปันสุขการบริจาค โรงทาน และทุกสิ่งเพื่อคนรายได้น้อยเตรียมเอากลับมาได้เลยครับ 
  4. ตัดผมไม่ทันแล้ว จังหวัดไหนยังทันไปตัดสั้นๆไว้เลย
  5. หัวเมืองถ้าไม่เข้มงวดกักตัวผู้มาเยือน 14 วัน จังหวัดของท่านอาจจะจำเป็นต้องใช้การ Lockdown เพื่อปกป้องผู้คนของท่านในไม่ช้า  เชียงใหม่ไม่แน่ อาจจะไม่ทันแล้ว
  6. กฎเหล็กที่ผมย้ำเสมอ ถ้าไม่ลงถึง Zero New Case อย่าเปิดเศรษฐกิจเต็มรูปแบบ มันได้ไม่คุ้มเสีย เราไม่มีทาง Dance with the Virus ได้ ยิ่งเป็น British Variant ยิ่งไม่มีทาง 
  7. ต้องจำไว้นะครับว่าอังกฤษ ต้นทาง British Variant ตายมาแล้วเป็นแสน และเรามีโอกาสสูงมากที่จะเดินตามรอยของมาเลเซียและฟิลิปปินส์ นั่นคือ ตัดสินใจช้า เจ็บหนักและไม่จบด้วยครับ 
ท้ายนี้หวังที่สุดว่ารัฐบาลจะสลัดทิ้งความลังเลที่มีอยู่ทั้งหมดตอนนี้ และเดินหน้าปกป้องประชาชนด้วยความเด็ดขาด และพวกเราจะร่วมด้วยข่วยกันผ่านวิกฤตนี้ไปได้เป็นครั้งที่ 3 ครับ
 
//////////////////////

Covid-19: Red Alert ครั้งที่ 3: เตรียมรับระบบสาธารณสุขล่ม และ Forced Major Lockdown 

สถานการณ์ตัวเลขวันนี้ก้าวข้ามระดับที่อันตรายมากๆ หลายประการ ณ วันนี้เราหยุดหายนะไม่ทันแล้วครับ สิ่งที่เราจะทำได้ดีที่สุดตอนนี้ก็เพียงแค่ลดระดับความรุนแรงของการสูญเสียลง และรักษาชีวิตผู้คนไว้ให้ได้มากที่สุดครับ 
 
ถ้าสถานการณ์ยังคงเป็นแบบนี้ต่อไป ภายในสัปดาห์ที่จะถึงนี้ ระบบสาธารณสุขของเราในหลายพื้นที่สำคัญ จะเริ่มล่มแล้วครับ ผมคิดว่าหมดเวลารอหรือลังเล เราต้องทำทุกอย่างเต็มกำลังเพื่อปกป้องตัวเอง ครอบครัว และพี่น้องร่วมชาติครับ 
 
มาดูตัวเลขที่เตือนถึงระดับของสถานการณ์ที่ร้ายแรงกันครับ ถ้าคุณอ่านแล้วคุณรู้สึกกลัว นั่นคือสิ่งที่ถูกต้อง ความกลัวและความเข้าใจที่ถูกต้องเท่านั้นที่เป็นหนทางพาเราไปสู่การอยู่รอดในวิกฤตระดับศตวรรษครับ 
 
ตัวเลขและกราฟที่สำคัญ:
  1. Total Cases แตะระดับ 3,640 ที่ %Increase สูงถึง 36% มากกว่า Wave#1 ทั้งเวฟภายในเวลาแค่ 10 วัน ซึ่งตัวเลขนี้ขนาด Wave#2 ยังใช้เวลาถึง 18 วัน เรามาถึงจุดนี้เร็วมาก
  2. กราฟ Wave#3 ยืนยัน Exponential ของ British Variant ซึ่งยังไม่มีทีท่าว่าจะลดลงอย่างมีนัยยะสำคัญ Doubling Day ยังคงอยู่ที่ 2-3 วันเท่านั้น 
  3. ถ้าไม่ Lockdown หรือมีมาตรการระดับ Hammer ภายในช่วงสงกรานต์ วันจันทร์ที่ 19 เม.ย. เปิดมาหลังสงกรานต์ ตัวเลขจะแตะระดับ 40,000 
ความหมายของตัวเลขนี้ ในหายนะที่ผ่านมา:
  1. Wave#1 ที่ EURO5  จะทำ Lockdown ภายใน 2-3 วันหลังจากเห็นตัวเลขประมาณนี้ และตัวเลขยังคงไปจบไกลมากที่ระดับ 200,000 - 400,000 ผู้เสียชีวิตระดับ 9,000 - 30,000 คนในแต่ละประเทศ และตัวเลขนี้เป็นจริงที่ Philippines ด้วย
  2. ระบบสาธารณสุขล่มแน่นอน 
  3. บันได 5 ของหายนะที่เราต้องเตรียมตั้งรับคือ ระบบตรวจเชื้อไม่พอ เตียงไม่พอ เครื่องช่วยหายใจไม่พอ หมอไม่พอ และขั้นสุดท้ายหลุมศพไม่พอ
  4. ถ้าไม่ทำ Voluntary Lockdown ก็จะต้องโดน Forced Lockdown อยู่ดีเพราะระบบสาธารณสุขล่ม แล้วถ้ายังฝืนต่อ ก็จะเจอ Natural Lockdown คือคนไม่กล้าออกจากบ้านเพราะมีศพที่เก็บไม่ทันอยู่บนฟุตบาทริมถนนหน้าบ้าน
สิ่งที่เราควรร่วมมือกันทำทุกคน โดยเร่งด่วนที่สุด เพื่อลดความสูญเสีย:
  1. Lockdown เมืองที่เอาไม่อยู่แล้ว กรุงเทพฯปริมณฑล เชียงใหม่ ชลบุรี
  2. ทุกจังหวัดทำ Provincial Seal ถ้าจังหวัดไหนเอาไม่อยู่แล้วก็ทำ Provincial Lockdown
  3. ประชาชนทุกคนทำ Personal หรือ Family Lockdown อย่างน้อย 1 เดือน
  4. ชุมชน ตำบล หมู่บ้าน ทำ Community Seal อย่างน้อย 1 เดือน
  5. โรงงาน การผลิต ก่อสร้าง ทำ Factory/Site Seal เพื่อปกป้องการผลิตให้เดินหน้าต่อไปให้ได้
  6. Stay Home, Work from Home  ให้ได้มากที่สุด ใครทำได้ทำ เพื่อคนที่ทำไม่ได้ก็จะปลอดภัยมากขึ้น
  7. ใครที่ออกไปจากกรุงเทพฯแล้ว ถ้าไม่จำเป็นอย่ากลับเข้ามา พยายาม Work from Home Town หรือ Staycation กรุงเทพฯจะไม่ใช่เมืองที่คุณอยากอยู่ในช่วง 1 เดือนข้างหน้านี้
  8. อพยพผู้สูงอายุไปยังที่ปลอดภัย หรือทำ Family Seal ให้ได้มากที่สุด เรามีความเสี่ยงที่จะเกิดสถานการณ์แบบ Italy เมื่อครั้ง Wave#1 ถ้าทุกคนยังจำข่าวได้ พวกเขาสูญเสียคนในวัย ปู่ย่าตายาย ไปเป็นจำนวนมาก ผมว่ามันเป็นความตายที่ไม่ยุติธรรมกับพวกเขาเลย 
สัปดาห์ที่จะถึงนี้สำคัญมากครับ ถ้าเราช่วยกันเราจะซื้อเวลาได้เพียงพอเพื่อตั้งหลักและกลับมาเอาชนะได้ในภายหลัง แต่ถ้าเรายังคงปล่อยปละละเลย ระดับความสูญเสียครั้งนี้จะสูงมาก ผมไม่อยากเห็นใครต้องมาสูญเสียชีวิต สูญเสียปู่ย่าตายาย ลุงป้าน้าอา พ่อแม่พี่น้อง ลูกหลาน เพื่อน คนรัก หรือคนที่คุณแอบรัก เพียงเพราะความอยากสนุกของใครบางคน เพียงเพราะความอยากจะดันตัวเลข GDP ของคนบางกลุ่ม พวกเราสามารถปกป้องกันและกันมาได้ปีกว่าๆแล้วนะครับ พวกเราปกป้องคนแก่ เด็ก คนท้อง คนกลุ่มเสี่ยง และผู้ที่อ่อนแอต่อไวรัส โดยส่วนใหญ่มาได้ถึง 2 ครั้งแล้ว ครั้งนี้ขอให้ช่วยกันเต็มที่ ทำอีกครั้งหนึ่ง ผมเชื่อว่าเราจะทำได้แน่ๆถ้าตั้งใจกันทุกคนครับ 
 
ประชาชนนี่แหละครับ ที่จะปกป้องกันเอง และเราจะทำสำเร็จครับ ไม่มีสิ่งใดในประเทศชาติที่จะสำคัญไปกว่าความสามัคคีและความมุ่งมั่นของประชาชน ขอให้ทุกท่านโชคดี และมีสุขภาพที่ดีครับ ดูแลตัวเองและครอบครัวครับ
 
ข่าว/บทความล่าสุด
เนื้อหาอ่านล่าสุด