ให้บริการตรวจสุขภาพการนอนหลับถึงบ้านท่าน ด้วยเครื่องตรวจมาตรฐานแบบพกพา พร้อมบันทึกคลื่นไฟฟ้าสมอง (EEG) เพื่อวัดประสิทธิภาพการนอน ติดตั้งอุปกรณ์โดย Sleep Technician ที่ผ่านการอบรม และวิเคราะห์ผลการตรวจโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการนอนหลับโดยเฉพาะ
ในปัจจุบันนี้ผู้คนได้ตื่นตัวและตระหนักถึงอันตรายที่เกิดจากการนอนกรนมากขึ้น โดยเฉพาะการนอนกรนแบบมีภาวะหยุดหายใจขณะหลับ ซึ่งมีผลต่อสุขภาพโดยตรงของผู้ที่มีภาวะนี้ เช่น มีอาการง่วงนอนมากตอนกลางวัน หลับใน สมาธิสั้น ความจำถดถอย หรือทำให้สมรรถภาพทางเพศเสื่อมได้ ถ้าปล่อยทิ้งไว้ในระยะยาวโดยไม่รักษาอาจทำให้เกิดโรคหัวใจ โรคความดันโลหิตสูง เส้นเลือดในสมองแตกได้ เป็นต้น
การจะตรวจหาว่าเรามีภาวะหยุดหายใจขณะหลับหรือไม่ หรือมีมากน้อยเพียงใดนั้น ในปัจจุบันวิธีที่ได้รับการยอมรับอย่างเป็นสากล คือการตรวจสุขภาพการนอนหลับ หรือที่เรียกสั้นๆว่า Sleep Test ซึ่งเป็นการตรวจสุขภาพที่สำคัญ เพื่อวิเคราะห์การทำงานของระบบต่างๆของร่างกายที่เกิดขึ้นระหว่างการนอนหลับ
ในปัจจุบัน การตรวจการนอนหลับส่วนมากจะมีให้บริการในโรงพยาบาลรัฐบาลและโรงพยาบาลเอกชนขนาดใหญ่ แต่มีข้อเสียคือ ถ้าเป็นโรงพยาบาลรัฐบาลอาจต้องใช้เวลารอตรวจนานมาก ซึ่งบางแห่งอาจไม่น้อยกว่า 4 เดือน แต่ถ้าเป็นโรงพยาบาลเอกชน คิวอาจไม่ยาวแต่ก็มักมีค่าใช้จ่ายสูงกว่ามากคือราว 10,000 – 15,000 บาทต่อการตรวจหนึ่งคืน
ทาง บริษัท เอ็นเค สลีปแคร์ จำกัด ได้เล็งเห็นถึงข้อจำกัดนี้ จึงได้เริ่มให้บริการตรวจการนอนหลับนอกสถานที่ขึ้น เพื่อให้บริการตรวจการนอนหลับที่บ้าน และสถานพยาบาลต่างๆ รวมทั้งให้บริการทดลองใช้เครื่อง CPAP ฟรี การตรวจของเราเป็นการตรวจที่ได้มาตรฐานใกล้เคียงกับการตรวจภายในโรงพยาบาล แต่ให้บริการในราคาที่ถูกกว่า เนื่องจากเป็นการตรวจที่บ้าน จึงไม่มีค่าห้อง ทางเรามีทีมงานแพทย์อ่านผลและวิเคราะห์ผลให้ท่านเรียบร้อย นอกจากนี้ทางเรายังมีบริการให้ทดลองเครื่อง Auto CPAP ฟรี สำหรับผู้ที่ทำการตรวจการนอนหลับมาแล้ว และแพทย์ได้แนะนำให้รักษาด้วยเครื่อง CPAP ซึ่งการทดลองใช้เครื่องนี้จะมีประโยชน์สองอย่างคือ ผู้ป่วยได้ทดลองใช้เครื่องก่อนตัดสินใจซื้อ และยังสามารถใช้ในการหาค่าแรงดันที่เหมาะสมในกรณีที่ผู้ป่วยต้องการซื้อเครื่อง CPAP แบบ Manual ไปใช้ด้วย
Service
บริการตรวจการนอนหลับที่บ้านแบบละเอียด (HOME PSG)
เป็นการตรวจวัดความผิดปกติขณะนอนหลับสำหรับผู้ที่นอนกรนหรือสงสัยว่ามีภาวะการหยุดหายใจขณะหลับ สามารถบันทึกคลื่นสมองขณะหลับ (EEG) ได้
บริการตรวจการนอนหลับที่บ้านแบบประหยัด
เน้นเรื่องการตรวจจับนอนกรนและภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (OSA) เป็นหลัก ไม่มีการตรวจคลื่นไฟฟ้าสมอง (EEG) และคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (EKG)
หากท่านมีปัญหานอนกรน
อย่านิ่งนอนใจ ท่านอาจมีภาวะหยุดหายใจขณะหลับ ซึ่งมีอันตรายต่อสุขภาพเป็นอย่างมาก นัดตรวจการนอนหลับที่บ้านกับเราวันนี้ เรามีแพทย์ให้คำปรึกษาและอ่านผลให้ท่านโดยไม่ต้องคิวนาน
การตรวจการนอนหลับที่บ้าน (Home Sleep Test)
หากท่านสงสัยว่าตัวเองอาจมีอาการนอนกรนชนิดอันตราย หรือมีภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (Sleep Apnea) ร่วมด้วย และต้องการตรวจการนอนหลับเพื่อยืนยัน วินิจฉัยหาสาเหตุ และวัดระดับความรุนแรงของอาการ แต่พบว่าตัวเองไม่อยากไปนอนตรวจที่โรงพยาบาล ซึ่งอาจเกิดจากหลายสาเหตุ เช่น ราคาแพง ไม่สามารถนอนหลับในที่ที่ไม่คุ้นเคยได้ ฯลฯ ผมขอแนะนำ การตรวจการนอนหลับที่บ้านแบบละเอียด เป็นทางเลือกของท่านครับ
สารบัญ ซ่อน
1 การตรวจการนอนหลับที่บ้านแบบละเอียด เหมือนหรือแตกต่างจากการตรวจในโรงพยาบาลอย่างไร
2 ข้อดีของการตรวจการนอนหลับที่บ้านแบบละเอียด (Type 2 Home Sleep Test)
3 การตรวจการนอนหลับที่บ้านแบบประหยัด (Type 3 Home Sleep Test)
4 สรุป
การตรวจการนอนหลับที่บ้านแบบละเอียด เหมือนหรือแตกต่างจากการตรวจในโรงพยาบาลอย่างไร
การตรวจการนอนหลับที่บ้านแบบละเอียด (Home Polysomnography / Type 2 Home Sleep Test) มีข้อเหมือนและแตกต่างกับการตรวจในโรงพยาบาล ซึ่งหลักๆ แล้วมีดังนี้ครับ
เป็นการตรวจในระดับความละเอียดที่เทียบเท่ากัน
การตรวจที่บ้านและที่โรงพยาบาล จะมีการวัดสัญญาณต่างๆ ที่จำเป็นและเป็นไปตามข้อบังคับจากสมาคมแพทย์โรคจากการหลับของสหรัฐอเมริกา (AASM) เหมือนกัน เช่น การวัดสัญญาณคลื่นไฟฟ้าสมอง (EEG) การเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อลูกตา (EOG) การเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อคาง (EMG) คลื่นไฟฟ้าหัวใจ (EKG) ลมหายใจ การเคลื่อนไหวของทรวงอก เป็นต้น
ได้รับการวิเคราะห์โดยเจ้าหน้าที่เทคนิค (Sleep Technician) ที่ผ่านการอบรม และอ่านสรุปผลโดยแพทย์ด้านการนอนหลับโดยเฉพาะเหมือนกัน
การตรวจที่บ้านจะใข้เครื่องมือแบบพกพา
ซึ่งเป็นเครื่องตรวจที่สามารถวัดสัญญาณได้เหมือนเครื่องขนาดใหญ่ในโรงพยาบาล เพียงแต่อาจมีเฉพาะช่องสัญญาณที่จำเป็น และเป็นไปตามข้อบังคับของ AASM เท่านั้น โดยจะมีขนาดเครื่องที่เล็กลงมาก สามารถรัดติดกับตัวผู้ที่รับการตรวจได้ ทำให้สามารถเดิน หรือทำกิจกรรมต่างๆ เช่น ดูโทรทัศน์ หรืออ่านหนังสือได้สะดวก
การตรวจที่บ้านจะไม่มีคนเฝ้า
ซึ่งแตกต่างกับการตรวจในห้องของโรงพยาบาลที่จะมีคนเฝ้าตลอดทั้งคืน ทั้งนี้เนื่องจากเป็นการตรวจที่บ้านผู้ป่วย ทำให้ไม่สามารถจะมีคนไปเฝ้าในห้องนอนของผู้ป่วยได้ จุดประสงค์ที่ต้องมีคนเฝ้าก็คือเพื่อคอยดูแลไม่ให้อุปกรณ์ต่างๆ หลุดออกมาระหว่างการตรวจ แต่ทั้งนี้การตรวจที่บ้านจะใช้เครื่องขนาดพกพา ซึ่งรัดติดกับตัวผู้ป่วยอย่างแน่นหนา หากเจ้าหน้าที่มีความชำนาญและผ่านการฝึกมาเป็นอย่างดี อุปกรณ์ต่างๆ เหล่านี้ก็จะมีโอกาสหลุดได้ยากมากครับ
ข้อดีของการตรวจการนอนหลับที่บ้านแบบละเอียด (Type 2 Home Sleep Test)
มักมีราคาถูกกว่าการตรวจในโรงพยาบาล
ผู้ป่วยสามารถนอนหลับได้ผ่อนคลายและสนิทมากกว่า เนื่องจากได้นอนในห้องนอนของตัวเอง
มีความเป็นส่วนตัวเพราะไม่ต้องมีคนเฝ้าดูเราตอนนอน บางท่านอาจนอนไม่หลับหากมีคนมานอนเฝ้า
ผลการตรวจที่ได้มีความแม่นยำ และใกล้เคียงกับการนอนในภาวะปกติของเรามากที่สุด
บางท่านนอนไม่หลับ หรือหลับได้ไม่นาน หรือนอนหลับไม่ต่อเนื่อง ทำให้ผลตรวจมีความคลาดเคลื่อน บางกรณีอาจต้องทำการตรวจใหม่อีกครั้ง ทำให้เสียเงินเพิ่มมากขึ้น
ท่านสามารถนำผลตรวจที่ได้รับ ไปปรึกษาแพทย์ในโรงพยาบาลตามที่ท่านต้องการได้ แต่หากท่านตรวจในโรงพยาบาลท่านก็จะต้องพบแพทย์ในโรงพยาบาลนั้นๆเท่านั้น
ไม่ต้องรอคิวตรวจนาน ในโรงพยาบาลของรัฐบางแห่งมีคิวรอตรวจนานหลายเดือน ซึ่งในบางกรณีผู้ป่วยไม่สามารถรอได้ เช่น ผู้ป่วยมีโรคแทรกซ้อนที่ร้ายแรงที่ต้องได้รับการตรวจอย่างเร่งด่วน
ผู้ป่วยบางท่านไม่สามารถเคลื่อนย้ายได้หรือเคลื่อนย้ายไม่สะดวก เช่น เป็นโรคอัมพฤกษ์อัมพาต ไม่แข็งแรง หรืออายุมาก เป็นต้น การตรวจการนอนหลับที่บ้านจึงเป็นทางเลือกที่เหมาะสมในกรณีนี้
การตรวจการนอนหลับที่บ้านแบบประหยัด (Type 3 Home Sleep Test)
การตรวจการนอนหลับที่บ้านที่ผมกล่าวมาข้างต้นจะเป็นการพูดถึงการตรวจการนอนหลับที่บ้านแบบละเอียด (Type 2 Home Sleep Test) ซึ่งเป็นการตรวจที่มีความละเอียดเทียบเท่ากับการตรวจในโรงพยาบาลเพียงแต่ไม่มีคนเฝ้า แต่นอกจากนี้แล้วยังมีการตรวจที่บ้านอีกแบบหนึ่งซึ่งเป็นที่นิยมพอๆกัน นั่นก็คือการตรวจการนอนหลับที่บ้านแบบประหยัด หรือภาษาอังกฤษเรียกว่า Type 3 Sleep Test หรือการตรวจการนอนหลับแบบคัดกรอง (Sleep Screening)
การตรวจแบบประหยัดนี้จะมีจำนวนช่องสัญญาณน้อยกว่าแบบข้างต้น โดยหลักๆคือจะตัดการวัดสัญญาณคลื่นไฟฟ้าสมองออกไป โดยตามหลักเกณฑ์ของ AASM จะประกอบด้วย
ลักษณะลมหายใจ (Airflow) เพื่อหาภาวะหยุดหายใจขณะหลับ
เสียงกรน (Snore)
การเคลื่อนไหวของทรวงอก (Chest Respiratory effort)
การเคลื่อนไหวของช่องท้อง (Abdominal Respiratory effort)
ระดับออกซิเจนในเลือด (Oxygen saturation)
ชีพจร (Pulse)
ท่าทางการนอน (Body position) เข่น นอนหงาย ตะแคงซ้าย ขวา
การตรวจแบบนี้จะเน้นพิเศษที่การหายใจและระบบหัวใจ กล่าวโดยรวมๆ คือจะมีการตรวจวัดสัญญาณต่างๆ คล้ายกับการตรวจการนอนหลับในโรงพยาบาล แต่ไม่มีการตรวจวัดคลื่นไฟฟ้าสมอง (EEG) กล้ามเนื้อลูกตา (EOG) และกล้ามเนื้อคาง (EMG) จึงไม่สามารถบอกได้ว่าผู้รับการตรวจอยู่ในระยะการนอนหลับหรือตื่น (Sleep stage) มากน้อยเพียงใด หรือการนอนหลับมีประสิทธิภาพดีหรือไม่ แต่อย่างไรก็ดี การตรวจแบบนี้สามารถทำได้สะดวกและรวดเร็วกว่าแบบอื่น เนื่องจากมีอุปกรณ์น้อยกว่า ซึ่งมีผลทำให้ผู้ที่รับการตรวจอึดอัดน้อยกว่าและหลับได้ง่ายกว่าด้วย
ปัจจุบันหลายประเทศทั่วโลก เช่น สหรัฐอเมริกาได้อนุมัติให้ผู้ที่รับการตรวจแบบประหยัดนี้สามารถเบิกจ่ายค่าตรวจได้ ทำให้ปัจจุบันการตรวจการนอนหลับที่บ้านด้วยวิธีดังกล่าวได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากประหยัดทั้งในเรื่องต้นทุนและกำลังคน อีกทั้งยังทำให้ผู้ป่วยที่มีปัญหานอนกรนและสงสัยว่ามีหยุดหายใจขณะหลับได้รับความสะดวกสบาย และสามารถเข้าถึงการตรวจได้มากยิ่งขึ้น
นัดตรวจการนอนหลับกับเรา คลิ๊กที่นี่
ผู้ที่เหมาะกับการตรวจแบบ Type 3 นี้ ได้แก่ผู้ที่มีความเสี่ยงสูงต่อการมีภาวะหยุดหายใจขณะหลับจากการอุดกั้น (Obstructive Sleep Apnea; OSA) ในระดับความรุนแรงตั้งแต่ปานกลางขึ้นไป แต่ไม่สามารถรอคิวนานๆได้ นอกจากนี้ยังเหมาะสำหรับใช้ในการตรวจติดตามผลการรักษาหลังการผ่าตัด การใช้เครื่องอัดอากาศ CPAP หรือการลดน้ำหนักได้
แต่อย่างไรก็ดี การตรวจวิธีนี้ก็มีโอกาสที่ผลตรวจจะคลาดเคลื่อนได้บ้าง ดังนั้นผู้ที่สงสัยว่าจะเป็นโรคหยุดหายใจขณะหลับแต่ผลการตรวจด้วยวิธีนี้ไม่พบความผิดปกติ หรือผู้ที่มีโรคอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น โรคหัวใจ โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง (COPD) โรคระบบประสาทกล้ามเนื้อ หรือผู้ที่สงสัยว่าจะมีโรคความผิดปกติจากการนอนหลับอื่นๆ เช่น โรคขากระตุกขณะหลับ โรคลมหลับ ควรได้รับการตรวจด้วยวิธีมาตรฐานในโรงพยาบาลหรือที่บ้าน (Type 2) เท่านั้น
สรุป
การตรวจการนอนหลับที่บ้าน นับเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่มีอาการนอนกรน และสงสัยว่าจะมีภาวะหยุดหายใจขณะหลับ เพราะมีข้อดีต่างๆ มากมาย เช่น ราคาประหยัด ไม่ต้องรอคิวนาน นอนหลับได้สนิทมากกว่าเพราะได้นอนในสถานที่ที่คุ้นเคย ทำให้ผลการตรวจใกล้เคียงกับความเป็นจริงมากกว่า แต่อย่างไรก็ดี การตรวจแต่ละวิธีก็มีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันไป ดังนั้นก่อนตัดสินใจท่านควรไปปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการนอนหลับก่อน เพื่อให้แพทย์ประเมินและเป็นผู้พิจารณาว่าท่านควรจะรับการตรวจแบบไหนต่อไปครับ
DR. WORAWAT SUWANNARUXA
Source :
การตรวจการนอนหลับที่บ้าน (Home Sleep Test)