ข่าวสุขภาพ
ค้นหา รพ.-คลินิก-ร้านยาทั่วไทย ร้านยาคุณภาพของฉัน บริการสุขภาพ คลินิกเอกชน งาน รพ.
บริการวัคซีนโควิด บริการตรวจโควิด
ตำแหน่งงาน
ข่าวสุขภาพทั่วไป ข่าวธุรกิจสุขภาพไทย ข่าวธุรกิจสุขภาพรอบโลก กิจกรรม-บริการ รพ.ต่างๆ สิทธิสุขภาพชาวไทย สาระความรู้สุขภาพ Health Economy ท่องเที่ยวสุขภาพ กิจกรรม ESG CSR กิจกรรม Event บริจาค
น่าสนใจไทยแลนด์
English
About us เผยแพร่เนื้อหา สถิติเว็บไซต์ สำรวจความเห็นสุขภาพ โฆษณา
healthserv.net@gmail.com

การฉายรังสีรักษาผู้ป่วยมะเร็งส่วนต่างๆ (ศรีษะและคอ ช่องอก ช่องท้อง)

การฉายรังสีรักษาผู้ป่วยมะเร็งส่วนต่างๆ (ศรีษะและคอ ช่องอก ช่องท้อง) HealthServ.net

โรงพยาบาลมหาวชิราลงกรณธัญบุรี ได้จัดทำคู่มือการปฏิบัติตัวสำหรับผู้ป่วยมะเร็งที่ได้รับ การรักษาด้วยรังสี เพื่อให้ผู้ป่วยหรือญาติได้ศึกษาเตรียมตัว สำหรับเข้ารับการรักษาได้อย่างถูกต้อง เข้าใจกระบวนการ ให้การดำเนินการเป็นไปอย่างราบรื่น ลดความเสี่ยง และเลี่ยงผลกระทบ ที่อาจมี

การฉายรังสีรักษาผู้ป่วยมะเร็งส่วนต่างๆ (ศรีษะและคอ ช่องอก ช่องท้อง) ThumbMobile HealthServ.net
 
 
 
 
 
การฉายรังสีรักษา เป็นวิธีการรักษาโรคมะเร็งโดยใช้รังสีพลังงานสูงฉายไปที่ตำแหน่งของเซลล์มะเร็ง ทำให้เกิดการทำลายดีเอ็นเอ (DNA) ของเซลล์มะเร็งนั้น ขณะรับการรักษาผู้ป่วยสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ ไม่มีรังสีติดตัวหลังการฉายรังสี คู่มือระบุว่า ผู้ป่วยต้องได้รับการตรวจทางห้องปฏิบัติการและพบแพทย์สัปดาห์ละครั้งเพื่อประเมินภาวะสุขภาพขณะรับการฉายรังสี 
 
 
 

การฉายรังสีบริเวณศีรษะและคอ

มะเร็งบริเวณศีรษะและคอ ได้แก่ มะเร็งสมอง มะเร็งโพรงจมูกและไซนัส มะเร็งในช่องปากมะเร็งในลำคอ มะเร็งกล่องเสียง มะเร็งต่อมน้ำลายและไทรอยด์
 
 
ผู้ป่วยจะถูกจัดตำแหน่งของศีรษะและลำคอ อาจมีหน้ากากพลาสติกยึดตรึง จากนั้นนักรังสีรักษาจะทำการฉายรังสีตามแผนการรักษา โดยในการฉายแต่ละครั้งจะใช้เวลาประมาณ 5 – 30 นาที ขึ้นอยู่กับเทคนิคการฉาย ขณะฉายให้ผู้ป่วยนอนนิ่งๆ ทำการฉายสัปดาห์ละ 5 วัน ประมาณ 2 – 8 สัปดาห์ ตามชนิดและระยะของโรคตามแผนการรักษาของแพทย์
 
อาการแสดง
ข้อควรปฏิบัติ
ผิวหนังแดงคล้ำหรือแห้งคัน
 
- ปล่อยให้ผิวหนังส่วนนั้นถูกอากาศ ห้ามถูกแดด
- บริเวณที่ฉายให้น้ำสะอาดไหลผ่านได้ และให้ซับให้แห้งด้วยผ้านุ่มๆ
- ไม่ใช้สบู่ เครื่องสำอางทาบริเวณที่ฉายรังสี ยกเว้นเป็นยาที่แพทย์สั่ง
- หากมีอาการมากควรปรึกษาแพทย์
ผมร่วง
 
- ไม่ควรสระผมหรือใช้น้ำมันใส่ผมทาบริเวณที่ฉายรังสี
- ผมจะขึ้นใหม่หลังการรักษาสิ้นสุดแล้ว 2 – 3 เดือน
เจ็บคอ ปากแห้ง การรับรู้รสเปลี่ยนไป
 
- จิบน้ำบ่อยๆ อย่างน้อยวันละ 8 – 10 แก้ว
- หมั่นดูแลสุขภาพช่องปากและฟันให้สะอาด
- บ้วนปากด้วยน้ำเกลือทุก 1 – 2 ชั่วโมง
- รับประทานอาหารอ่อนนุ่ม มีรสจืด งดอาหารรสจัด ร้อนจัด เย็นจัด
- งดสารระคายเคืองต่างๆ เช่น เหล้า บุหรี่ และหมากพลู
คลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหาร
 
- งดการรับประทานอาหาร 2 – 3 ชั่วโมงก่อนการฉายรังสี หรือรับประทานอาหารอ่อนที่ย่อยง่าย
- ควรรับประทานอาหารครั้งละน้อยๆ แต่บ่อยครั้ง
- หากมีอาการมากควรปรึกษาแพทย์
อ่อนเพลีย
 
- พักผ่อนให้เพียงพอ
- รับประทานอาหารที่มีประโยชน์
- ลดความวิตกกังวล โดยปกติอาการจะค่อยๆหายไปหลังฉายรังสีเสร็จในแต่ละครั้ง
การดูแลผิวหนังบริเวณที่ได้รับรังสี
- ห้ามลบเส้นและห้ามเติมเส้นด้วยตนเอง
- หลีกเลี่ยงการถูกแสงแดดจัด ห้ามวางกระเป๋าน้ำร้อนหรือประคบน้ำแข็งบริเวณที่ฉาย
- ควรสวมเสื้อผ้าหลวมๆ เพื่อลดการเสียดสีกับผิวหนัง
- งดล้างหรือทำความสะอาดด้วยน้ำสบู่ ถ้าจำเป็นให้ใช้น้ำสะอาดไหลผ่านและใช้ผ้าอ่อนนุ่มซับให้แห้ง
- งดทาแป้ง ครีม เครื่องสำอางใดๆ ยกเว้นเป็นยาที่แพทย์สั่ง
***ผิวหนังบริเวณที่ฉายรังสีควรได้รับการดูแลเป็นพิเศษเพราะมีความบอบบางและเกิดแผลได้ง่าย***
 
การดูแลสุขภาพทั่วไปขณะได้รับการรักษาด้วยรังสี
- รับประทานอาหารที่สะอาด มีประโยชน์ ครบ 5 หมู่ งดอาหารหมักดอง เหล้า บุหรี่ ชา กาแฟ
- ดื่มน้ำมากๆ อย่างน้อยวันละ 2 ลิตร
- พักผ่อนให้เพียงพอ ควรนอนหลับอย่างน้อย 6 – 8 ชั่วโมง
- ออกกำลังกายตามสภาพของร่างกายอย่างสม่ำเสมอ
- ทำจิตใจให้สบาย ลดความวิตกกังวล โดยการหางานอดิเรกทำ
- หากผู้ป่วยรักษาโรคอื่นร่วมอยู่ด้วย ผู้ป่วยสามารถรับประทานยาต่อไปและต้องรับการตรวจรักษาต่อกับแพทย์นั้นๆ ตามนัดสม่ำเสมอ
 
การดูแลผิวหนังภายหลังการฉายรังสี
หากแพทย์อนุญาตให้อาบน้ำได้ ท่าสามารถปฏิบัติได้ทันทีตามที่แพทย์แนะนำ
 
ถ้าแพทย์ไม่ได้แนะนำ ให้ท่านปฏิบัติตังนี้
** ถ้ามีแผลบริเวณที่ฉาย ให้งดอาบน้ำจนกว่าแผลจะแห้ง จึงเริ่มอาบน้ำได้
** ถ้าไม่มีแผลบริเวณที่ฉายรังสี
> สัปดาห์ที่ 1-2 ให้อาบน้ำได้โดยไม่ขัดถูหรือฟอกสบู่บริเวณที่ฉายและซับให้แห้งด้วยผ้านุ่ม
> สัปดาห์ที่ 3 ให้อาบน้ำได้ ฟอกสบู่ แต่ไม่ขัดถูบริเวณที่ฉายรังสี และซับให้แห้งด้วยผ้านุ่ม
> สัปดาห์ที่ 4 ให้อาบน้ำได้ตามปกติ และใช้ครีมที่มีความชุ่มชื้นนวดบริเวณที่ฉายทั้งด้านหน้าและหลังอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง เช้า-เย็น ทุกวันตลอดไป เพื่อป้องกันการแข็งตัวของผิวหนังจากการฉายรังสี
***หลังจากได้รับการรักษาครบแล้วแพทย์จะนัดมาตรวจติดามการรักษาต่อไปอีกระยะ ผู้ป่วยควรมารับการตรวจตามนัดทุกครั้ง***
 
 
 
 
 
 
 

การฉายรังสีบริเวณช่องอก

มะเร็งบริเวณช่องอก ได้แก่ มะเร็งปอด มะเร็งหลอดอาหาร มะเร็งระบบน้ำเหลือง มะเร็งเต้านม
 
 
ผู้ป่วยจะถูกจัดตำแหน่งตามขอบเขตที่กำหนดไว้ จากนั้นนักรังสีรักษาจะทำการฉายรังสีตามแผนการรักษา ขณะฉายรังสีให้ผู้ป่วยนอนนิ่งๆ หายใจตามปกติ ในการฉายแต่ละครั้งใช้เวลา 5 – 30 นาที ขึ้นกับเทคนิคที่ใช้ ทำหารฉายรังสีสัปดาห์ละ 5 วัน ประมาณ 4 – 6 สัปดาห์ ตามชนิดและระยะของโรค และตามแผนการรักษาของแพทย์
 
อาการแสดง
ข้อควรปฏิบัติ
ผิวหนังแดงคล้ำหรือแห้งคัน (สัปดาห์ที่ 4 - 5)
 
- ปล่อยให้ผิวหนังส่วนนั้นถูกอากาศ ห้ามถูกแดด
- บริเวณที่ฉายให้น้ำสะอาดไหลผ่านได้ และให้ซับให้แห้งด้วยผ้านุ่มๆ
- ไม่ใช้สบู่ เครื่องสำอางทาบริเวณที่ฉายรังสี ยกเว้นเป็นยาที่แพทย์สั่ง
- สวมเสื้อผ้าหลวมๆ อ่อนนุ่ม หลีกเลี่ยงการใส่เสื้อชั้นในที่รัดหรือคับ
- หากมีอาการมากควรปรึกษาแพทย์
ผิวหนังสีคล้ำ เห็นรูขุมขนเป็นจุดๆ ผิวหนังบางแห่งถลอกเป็นแผลแฉะ
 
- ปล่อยให้ผิวหนังส่วนนั้นถูกอากาศ ห้ามถูกแดด
- หากมีแผลแฉะควรระวังไม่ให้แผลถูกน้ำ
- ห้ามใช้ครีม ยา เครื่องสำอางทุกชนิด ยกเว้นแพทย์สั่ง * หากดูแลผิวหนังดี แผลจะแห้งและหายได้ใน 1 สัปดาห์
กลืนลำบาก กลืนเจ็บ
 
- รับประทานอาหารอ่อน ลื่น กลืนง่าย
- หลีกเลี่ยงอาหารรสจัด ร้อนจัด เย็นจัด
- หากไม่สามารถรับประทานอาหารได้ให้แจ้งแพทย์ทันที
คลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหาร
 
- งดการรับประทานอาหาร 2 – 3 ชั่วโมงก่อนการฉายรังสี หรือรับประทานอาหารอ่อนที่ย่อยง่าย
- ควรรับประทานอาหารครั้งละน้อยๆ แต่บ่อยครั้ง
- หากมีอาการมากควรปรึกษาแพทย์
ไอแห้ง
 
- ดื่มน้ำบ่อยๆ วันละ 8 – 10 แก้ว
- งดสารระคายเคือง เช่น เหล้า บุหรี่ ของทอด เป็นต้น
- ควรบริหารปอดวันละ 2 ครั้ง เช้า – เย็น โดยวางมือสองข้างที่ชายโครง หายใจออกให้สุดแล้วหายใจเข้าช้า ๆ ทางจมูก ให้ท้องป่องที่สุด กลั้นหายใจไว้ครู่หนึ่งแล้วจึงหายใจออกทางปากช้าๆ จนสุดลมหายใจ และให้ทำซ้ำ 4 ครั้ง
อ่อนเพลีย
 
- พักผ่อนให้เพียงพอ
- รับประทานอาหารที่มีประโยชน์
- ลดความวิตกกังวล โดยปกติอาการจะค่อยๆหายไปหลังฉายรังสีเสร็จในแต่ละครั้ง
การยึดติดของข้อต่อและไหล่
- บริหารแขนอย่างสม่ำเสมอเพื่อป้องกันไหล่ติด
 
** ท่าที่ 1 ยืนตัวตรง ยกแขนแนบหู ค้างไว้ 5 วินาที ทำซ้ำ 10 ครั้ง
 
** ท่าที่ 2 ยืนหันด้านข้างชิดผนัง ยกแขนสุดให้ลำตัวและแขนแนบผนัง ค้างไว้ 5 วินาที ทำซ้ำ 10 ครั้ง
 
** ท่าที่ 3 นอนราบไม่หนุนหมอน หรือยืนหลังชิดผนัง มือ 2 ข้างประสานไว้ที่ท้ายทอย ยืดแขนให้สุด สูดหายใจเข้าลึก ๆ ค้างไว้ 5 วินาที งอข้อศอกเข้าหากันพร้อมหายใจออก ทำซ้ำ 10 ครั้ง
 
** ท่าที่ 4 ยกมือ 2 ข้างแตะหัวไหล่ หมุนข้อศอกเป็นวงกลมโดยหมุนมาข้างหน้า 10 ครั้ง และหมุนกลับด้านหลัง 10 ครั้ง
 
** ท่าที่ 5 หากแขนบวมตึง ให้ยกข้างที่บวมขึ้น ใช้มืออีกข้างบีบไล่จากปลายมือลงมาถึงรักแร้ ทำซ้ำ 10 ครั้ง (ช่วงเย็นแขนจะบวมมาก)
การดูแลผิวหนังบริเวณที่ได้รับรังสี
- ห้ามลบเส้นและห้ามเติมเส้นด้วยตนเอง
- หลีกเลี่ยงการถูกแสงแดดจัด ห้ามวางกระเป๋าน้ำร้อนหรือประคบน้ำแข็งบริเวณที่ฉาย
- ควรสวมเสื้อผ้าหลวมๆ เพื่อลดการเสียดสีกับผิวหนัง
- งดล้างหรือทำความสะอาดด้วยน้ำสบู่ ถ้าจำเป็นให้ใช้น้ำสะอาดไหลผ่านและใช้ผ้าอ่อนนุ่มซับให้แห้ง
- งดทาแป้ง ครีม เครื่องสำอางใดๆ ยกเว้นเป็นยาที่แพทย์สั่ง
***ผิวหนังบริเวณที่ฉายรังสีควรได้รับการดูแลเป็นพิเศษเพราะมีความบอบบางและเกิดแผลได้ง่าย***
 
การดูแลสุขภาพทั่วไปขณะได้รับการรักษาด้วยรังสี
- รับประทานอาหารที่สะอาด มีประโยชน์ ครบ 5 หมู่ งดอาหารหมักดอง เหล้า บุหรี่ ชา กาแฟ
- ดื่มน้ำมากๆ อย่างน้อยวันละ 2 ลิตร
- พักผ่อนให้เพียงพอ ควรนอนหลับอย่างน้อย 6 – 8 ชั่วโมง
- ออกกำลังกายตามสภาพของร่างกายอย่างสม่ำเสมอ
- ทำจิตใจให้สบาย ลดความวิตกกังวล โดยการหางานอดิเรกทำ
- หากผู้ป่วยรักษาโรคอื่นร่วมอยู่ด้วย ผู้ป่วยสามารถรับประทานยาต่อไปและต้องรับการตรวจรักษาต่อกับแพทย์นั้นๆ ตามนัดสม่ำเสมอ
 
การดูแลผิวหนังภายหลังการฉายรังสี
หากแพทย์อนุญาตให้อาบน้ำได้ ท่าสามารถปฏิบัติได้ทันทีตามที่แพทย์แนะนำ
 
ถ้าแพทย์ไม่ได้แนะนำ ให้ท่านปฏิบัติตังนี้
** ถ้ามีแผลบริเวณที่ฉาย ให้งดอาบน้ำจนกว่าแผลจะแห้ง จึงเริ่มอาบน้ำได้
** ถ้าไม่มีแผลบริเวณที่ฉายรังสี
> สัปดาห์ที่ 1-2 ให้อาบน้ำได้โดยไม่ขัดถูหรือฟอกสบู่บริเวณที่ฉายและซับให้แห้งด้วยผ้านุ่ม
> สัปดาห์ที่ 3 ให้อาบน้ำได้ ฟอกสบู่ แต่ไม่ขัดถูบริเวณที่ฉายรังสี และซับให้แห้งด้วยผ้านุ่ม
> สัปดาห์ที่ 4 ให้อาบน้ำได้ตามปกติ และใช้ครีมที่มีความชุ่มชื้นนวดบริเวณที่ฉายทั้งด้านหน้าและหลังอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง เช้า-เย็น ทุกวันตลอดไป เพื่อป้องกันการแข็งตัวของผิวหนังจากการฉายรังสี
***หลังจากได้รับการรักษาครบแล้วแพทย์จะนัดมาตรวจติดามการรักษาต่อไปอีกระยะ ผู้ป่วยควรมารับการตรวจตามนัดทุกครั้ง***
 
 
 
 
ผู้ป่วยมะเร็ง ช่องท้องและอุ้งเชิงกราน
ได้แก่ มะเร็งกระเพาะอาหาร มะเร็งตับ มะเร็งตับอ่อน มะเร็งไต มะเร็งระบบน้ำเหลืองในช่องท้อง มะเร็งลำไส้ มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ มะเร็งปากมดลูก มะเร็งรังไข่ และมะเร็งต่อมลูกหมาก เป็นต้น
 
 

 การฉายรังสีบริเวณช่องท้องและอุ้งเชิงกราน

ได้แก่ มะเร็งกระเพาะอาหาร มะเร็งตับ มะเร็งตับอ่อน มะเร็งไต มะเร็งระบบน้ำเหลืองในช่องท้อง มะเร็งลำไส้ มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ มะเร็งปากมดลูก มะเร็งรังไข่ และมะเร็งต่อมลูกหมาก เป็นต้น
 
 
ผู้ป่วยจะถูกจัดตำแหน่งตามขอบเขตที่กำหนดไว้ จากนั้นนักรังสีรักษาจะทำการฉายรังสีตามแผนการรักษา ขณะฉายรังสีให้ผู้ป่วยนอนนิ่งๆ หายใจตามปกติ ในการฉายแต่ละครั้งใช้เวลา 5 – 30 นาที ขึ้นกับเทคนิคที่ใช้ ทำหารฉายรังสีสัปดาห์ละ 5 วัน ประมาณ 5 – 8 สัปดาห์ ตามชนิดและระยะของโรค และตามแผนการรักษาของแพทย์ ในผู้ป่วยบางรายจำเป็นต้องดื่มน้ำและกลั้นปัสสาวะก่อนฉายรังสี เพื่อลดผลข้างเคียงที่จะเกิดกับอวัยวะปกติโดยรอบ
 
อาการแสดง
ข้อควรปฏิบัติ
ผิวหนังแดงคล้ำหรือแห้งคัน(สัปดาห์ที่ 4 - 5)
 
- ปล่อยให้ผิวหนังส่วนนั้นถูกอากาศ ห้ามถูกแดด - บริเวณที่ฉายให้น้ำสะอาดไหลผ่านได้ และให้ซับให้แห้งด้วยผ้านุ่มๆ - ไม่ใช้สบู่ เครื่องสำอางทาบริเวณที่ฉายรังสี ยกเว้นเป็นยาที่แพทย์สั่ง - สวมเสื้อผ้าหลวมๆ อ่อนนุ่ม หลีกเลี่ยงการใส่ชั้นในที่รัดหรือคับ - หากมีอาการมากควรปรึกษาแพทย์
คลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหาร
 
- งดการรับประทานอาหาร 2 – 3 ชั่วโมงก่อนการฉายรังสี หรือรับประทานอาหารอ่อนที่ย่อยง่าย - ควรรับประทานอาหารครั้งละน้อยๆ แต่บ่อยครั้ง - หากมีอาการมากควรปรึกษาแพทย์
ท้องเสียหรือมีอาการปวดเบ่ง
 
- รับประทานอาหารอ่อนที่ดูดซึมง่าย เช่น ข้าวต้ม โจ๊ก น้ำซุป และน้ำหวาน เป็นต้น - หลีกเลี่ยงอาหารที่ทำให้ท้องเสียเพิ่ม เช่น ผัก ผลไม้และนม เป็นต้น - ดื่มน้ำมาก ๆ หรือจิบเครื่องดื่มผสมเกลือแร่ ORS บ่อย ๆ - หากมีอาการมากควรปรึกษาแพทย์
ปวดถ่วงบริเวณทวารหนัก
 
- ถ่ายอุจจาระให้เป็นเวลา ไม่ควรปล่อยให้ท้องผูก - หากมีอาการมากควรปรึกษาแพทย์
ปัสสาวะบ่อยและขัดเวลาปัสสาวะ หรือปวดท้องน้อย
 
- ดื่มน้ำมากๆ วันละ 6 – 8 แก้ว - ไม่ควรกลั้นปัสสาวะ เพราะกระเพราะปัสสาวะอาจเกิดการอักเสบได้ - หากมีปัสสาวะแสบขัด ปัสสาวะเป็นเลือด ควรรีบแจ้งแพทย์
การดูแลผิวหนังบริเวณที่ได้รับรังสี
- ห้ามลบเส้นและห้ามเติมเส้นด้วยตนเอง
- หลีกเลี่ยงการถูกแสงแดดจัด ห้ามวางกระเป๋าน้ำร้อนหรือประคบน้ำแข็งบริเวณที่ฉาย
- ควรสวมเสื้อผ้าหลวมๆ เพื่อลดการเสียดสีกับผิวหนัง
- งดล้างหรือทำความสะอาดด้วยน้ำสบู่ ถ้าจำเป็นให้ใช้น้ำสะอาดไหลผ่านและใช้ผ้าอ่อนนุ่มซับให้แห้ง
- งดทาแป้ง ครีม เครื่องสำอางใดๆ ยกเว้นเป็นยาที่แพทย์สั่ง
***ผิวหนังบริเวณที่ฉายรังสีควรได้รับการดูแลเป็นพิเศษเพราะมีความบอบบางและเกิดแผลได้ง่าย***
 
การดูแลสุขภาพทั่วไปขณะได้รับการรักษาด้วยรังสี
- รับประทานอาหารที่สะอาด มีประโยชน์ ครบ 5 หมู่ งดอาหารหมักดอง เหล้า บุหรี่ ชา กาแฟ
- ดื่มน้ำมากๆ อย่างน้อยวันละ 2 ลิตร
- พักผ่อนให้เพียงพอ ควรนอนหลับอย่างน้อย 6 – 8 ชั่วโมง
- ออกกำลังกายตามสภาพของร่างกายอย่างสม่ำเสมอ
- ทำจิตใจให้สบาย ลดความวิตกกังวล โดยการหางานอดิเรกทำ
- หากผู้ป่วยรักษาโรคอื่นร่วมอยู่ด้วย ผู้ป่วยสามารถรับประทานยาต่อไปและต้องรับการตรวจรักษาต่อกับแพทย์นั้นๆ ตามนัดสม่ำเสมอ
 
การดูแลผิวหนังภายหลังการฉายรังสี
หากแพทย์อนุญาตให้อาบน้ำได้ ท่าสามารถปฏิบัติได้ทันทีตามที่แพทย์แนะนำ
 
ถ้าแพทย์ไม่ได้แนะนำ ให้ท่านปฏิบัติตังนี้
** ถ้ามีแผลบริเวณที่ฉาย ให้งดอาบน้ำจนกว่าแผลจะแห้ง จึงเริ่มอาบน้ำได้
** ถ้าไม่มีแผลบริเวณที่ฉายรังสี
> สัปดาห์ที่ 1-2 ให้อาบน้ำได้โดยไม่ขัดถูหรือฟอกสบู่บริเวณที่ฉายและซับให้แห้งด้วยผ้านุ่ม
> สัปดาห์ที่ 3 ให้อาบน้ำได้ ฟอกสบู่ แต่ไม่ขัดถูบริเวณที่ฉายรังสี และซับให้แห้งด้วยผ้านุ่ม
> สัปดาห์ที่ 4 ให้อาบน้ำได้ตามปกติ และใช้ครีมที่มีความชุ่มชื้นนวดบริเวณที่ฉายทั้งด้านหน้าและหลังอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง เช้า-เย็น ทุกวันตลอดไป เพื่อป้องกันการแข็งตัวของผิวหนังจากการฉายรังสี
***หลังจากได้รับการรักษาครบแล้วแพทย์จะนัดมาตรวจติดามการรักษาต่อไปอีกระยะ ผู้ป่วยควรมารับการตรวจตามนัดทุกครั้ง***
ข่าว/บทความล่าสุด
เนื้อหาอ่านล่าสุด