ข่าวสุขภาพ
ค้นหา รพ.-คลินิก-ร้านยาทั่วไทย ร้านยาคุณภาพของฉัน บริการสุขภาพ คลินิกเอกชน งาน รพ.
บริการวัคซีนโควิด บริการตรวจโควิด
ตำแหน่งงาน
ข่าวสุขภาพทั่วไป ข่าวธุรกิจสุขภาพไทย ข่าวธุรกิจสุขภาพรอบโลก กิจกรรม-บริการ รพ.ต่างๆ สิทธิสุขภาพชาวไทย สาระความรู้สุขภาพ Health Economy ท่องเที่ยวสุขภาพ กิจกรรม ESG CSR กิจกรรม Event บริจาค
น่าสนใจไทยแลนด์
English
About us เผยแพร่เนื้อหา สถิติเว็บไซต์ สำรวจความเห็นสุขภาพ โฆษณา
healthserv.net@gmail.com

รายงานการศึกษา การส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพหลังวิกฤต COVID-19

รายงานการศึกษา การส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพหลังวิกฤต COVID-19 HealthServ.net
รายงานการศึกษา การส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพหลังวิกฤต COVID-19 ThumbMobile HealthServ.net

ครม. 14 ธันวาคม 64 - ผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง การส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพหลังวิกฤต COVID-19 ของคณะกรรมาธิการการท่องเที่ยว วุฒิสภา

รายงานการศึกษา การส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพหลังวิกฤต COVID-19 HealthServ


                   คณะรัฐมนตรีรับทราบผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง การส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพหลังวิกฤต COVID-19 ของคณะกรรมาธิการการท่องเที่ยว วุฒิสภา ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา (กก.) เสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาทราบต่อไป

 
                   เรื่องเดิม
                   1. สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา (สว.) ได้เสนอรายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง การส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพหลังวิกฤต COVID-19 ของคณะกรรมาธิการการท่องเที่ยว วุฒิสภา มาเพื่อดำเนินการ โดยคณะกรรมาธิการการท่องเที่ยวเห็นว่า การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพพบปัญหาการบูรณาการร่วมกันระหว่างหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนยังไม่มีหน่วยงานรับผิดชอบหลักและปัญหาข้อจำกัดของกฎหมายบางฉบับไม่เอื้อต่อการปฏิบัติงานด้านการส่งเสริมการพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ และได้มีข้อเสนอแนะ 2 ประเด็น ดังนี้

(1) ประเด็นเชิงนโยบาย

1) ควรกำหนดการพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพเป็นวาระแห่งชาติ มีการจัดตั้งหน่วยงานของภาครัฐที่เป็นเจ้าภาพหลัก หรือหน่วยงานที่จัดตั้งเป็นพิเศษเฉพาะในการบูรณาการเชิงนโยบายและเชิงกลยุทธ์เพื่อขับเคลื่อนการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ Thailand Medical Hub ในภาพรวมของประเทศ เป็นต้น

2) ควรกำหนดมาตรการการดำเนินงานเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติ และปรับปรุงกฎหมายให้มีการสนับสนุน ส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ อาทิ ให้โรงแรมขนาดเล็กสามารถรองรับการท่องเที่ยวแบบพำนักระยะยาว กฎหมายเกี่ยวกับการควบคุมกำกับการโฆษณาประชาสัมพันธ์ การประกอบกิจการสถานพยาบาล รวมทั้งควรทบทวนการจัดเก็บภาษีการประกอบธุรกิจที่สูงถึงร้อยละ 22 และมีการจัดเก็บซ้ำซ้อน 3) การใช้แพลตฟอร์มส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ

(2) ประเด็นการพัฒนา

1) ควรส่งเสริมและสนับสนุนให้ภาคเอกชนเข้ามามีส่วนร่วมในการเร่งพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ มีการจัดทำฐานข้อมูลด้านการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพที่สอดคล้องกับพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวต่างชาติ มีการประชาสัมพันธ์แผนการท่องเที่ยว และการบริหารจัดการของประเทศ

2) ให้สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเป็นเจ้าภาพหลักเชื่อมโยงงานวิจัยเกี่ยวกับการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพและการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ 3) ควรส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (Wellness) ผนวกกับด้านอื่น ๆ เช่น การท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ การท่องเที่ยวเชิงศิลปวัฒนธรรม และการท่องเที่ยวเชิงอาหาร เป็นต้น

 
                   2. รองนายกรัฐมนตรี (นายอนุทิน ชาญวีรกูล) สั่งและปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรีพิจารณาแล้วมีคำสั่งให้ กก. เป็นหน่วยงานหลักรับรายงานพร้อมทั้งข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการดังกล่าว ไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงมหาดไทย กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของรายงานพร้อมทั้งข้อเสนอแนะดังกล่าว และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่ง เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป

 
ข้อเท็จจริง

กก. ได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตามข้อ 2 พิจารณารายงานพร้อมทั้งข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการฯ แล้ว โดยเห็นด้วยกับข้อเสนอแนะดังกล่าว สรุปได้ดังนี้


ข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการฯ
 
1. ประเด็นเชิงนโยบาย

          1.1 กำหนดให้การพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพเป็นวาระแห่งชาติ จัดตั้งหน่วยงานของภาครัฐที่เป็นเจ้าภาพหลัก หรือมีหน่วยงานพิเศษเฉพาะในการบูรณาการเชิงนโยบายและเชิงกลยุทธ์ เพื่อขับเคลื่อนการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ Thailand Medical Hub และควรเพิ่มบุคลากรทางการแพทย์เชิงสุขภาพความงาม และแพทย์แผนไทยและยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ (Medical Hub)
 
 
ผลการพิจารณาศึกษา
 - ปัจจุบันได้มี คกก. อำนวยการพัฒนาและส่งเสริมประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางด้าน Medical and Wellness Tourism เพื่อรองรับยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ (นโยบาย Medical Hub) ซึ่ง คกก. ดังกล่าวได้ร่วมกันสนับสนุนและผลักดันนโยบายให้ประเทศไทยเป็น Medical Hub ของเอเชีย ส่วนการเพิ่มบุคลากรทางการแพทย์จะขอรับประเด็นนี้ไปพิจารณาดำเนินการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป
 
 
 
 
          1.2 ควรกำหนดมาตรการการดำเนินงานเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติ และปรับปรุงกฎหมายให้มีการสนับสนุน ส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ อาทิ ให้โรงแรมขนาดเล็กสามารถรองรับการท่องเที่ยวแบบพำนักระยะยาว กฎหมายเกี่ยวกับการควบคุมกำกับการโฆษณาประชาสัมพันธ์การประกอบกิจการสถานพยาบาล รวมทั้งควรทบทวนการจัดเก็บภาษีการประกอบธุรกิจที่สูงถึงร้อยละ 22 และมีการจัดเก็บซ้ำซ้อน การใช้แพลตฟอร์มส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ
 
ผลการพิจารณาศึกษา
 - กก. ได้กำหนดมาตรฐานการท่องเที่ยวออกเป็น 6 ประเภท ได้แก่ 
1) บริการที่พักเพื่อการท่องเที่ยว 
2) บริการด้านการท่องเที่ยว 
3) กิจกรรมด้านการท่องเที่ยว 
4) ด้านแหล่งท่องเที่ยว
 5) ธุรกิจนำเที่ยว และ 
6) มัคคุเทศก์ 
ส่วนการปรับปรุงกฎหมายให้โรงแรมขนาดเล็กสามารถรองรับการท่องเที่ยวแบบพำนักระยะยาวได้มีมาตรฐานที่พัก และนักท่องเที่ยวที่จะพำนักระยะยาวกรณีผ่านมาตรฐานการควบคุมการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สามารถพำนักได้ 90 วัน และต่อได้อีก 2 ครั้ง ๆ ละ 90 วัน รวม 270 วัน โดยได้ดำเนินการส่งเสริมให้เกิดการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพความงามรวมถึงแพทย์แผนไทย ส่วนประเด็นการควบคุมการโฆษณาประชาสัมพันธ์การประกอบกิจการสถานพยาบาล และการจัดเก็บภาษีการประกอบธุรกิจที่สูงจะขอรับประเด็นนี้ไปพิจารณาดำเนินการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป
 
 
 
 
          1.3 ควรสนับสนุนและส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ โดยการใช้แพลตฟอร์มระบบออนไลน์เป็นช่องทางเชื่อมต่อกับช่องทางของแพลตฟอร์มต่างประเทศ
 
ผลการพิจารณาศึกษา
 - กก. ได้พัฒนาการใช้แพลตฟอร์มอัจฉริยะกลาง (Smart Platform Application) ซึ่งเป็นการเชื่อมโยงให้เกิดระบบตลาด การลงทุน และดำเนินธุรกิจได้อย่างเป็นระบบ และกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศไทยให้ทัดเทียมกับต่างประเทศมากยิ่งขึ้น อีกทั้งเป็นการสนับสนุนการเข้าถึงข้อมูลการท่องเที่ยวแบบ Real Time ใช้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจในการพัฒนาคุณภาพและมาตรฐานด้านการท่องเที่ยว
 
 
 
2. ประเด็นการพัฒนา
 
          2.1 ควรส่งเสริมและสนับสนุนให้ภาคเอกชนเข้ามามีส่วนร่วมในการเร่งพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ รวมทั้งผนวกการท่องที่ยวในด้านอื่นๆ ควรมีการจัดทำฐานข้อมูลด้านการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพที่สอดคล้องกับพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวต่างชาติ มีการประชาสัมพันธ์แผนการท่องเที่ยว และการบริหารจัดการของประเทศ
 
 
ผลการพิจารณาศึกษา
 - กก. โดยองค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (องค์การมหาชน) มีการสนับสนุนให้ภาคีเครือข่ายและภาคเอกชนมีส่วนร่วมในการพัฒนาการท่องเที่ยวในพื้นที่พิเศษ รวมถึงการท่องเที่ยวโดยชุมชนที่มีกิจกรรมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ซึ่งกรมการท่องเที่ยวมีมาตรฐานการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ เช่น มาตรฐานที่พักเพื่อการท่องเที่ยวแบบพำนักระยะยาว (Long Stay) มาตรฐานสปาอาเซียน (ASEAN Spa Standard) เพื่อพัฒนาสินค้าและบริการท่องเที่ยวให้พร้อมรองรับนักท่องเที่ยวคุณภาพที่เพิ่มขึ้น เป็นต้น และได้ดำเนินการพัฒนาและเพิ่มองค์ความรู้ให้แก่ผู้ประกอบการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพที่เกี่ยวข้องยกระดับต่อยอดและสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ชุมชน โดยนำเอาภูมิปัญญา วัฒนธรรมประเพณี และทรัพยากรของท้องถิ่นมาสร้างเป็นกิจกรรมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ
 
   - สำหรับการจัดทำข้อมูลผู้ประกอบการภาคบริการท่องเที่ยวอยู่ระหว่างดำเนินการ ซึ่งจะสามารถนำฐานข้อมูลดังกล่าวไปใช้ประโยชน์และเชื่อมโยงระบบบริการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพของไทยทั้งหมดได้ในอนาคต
 
   - เห็นด้วยกับการประชาสัมพันธ์แผนการท่องเที่ยว โดยให้เชื่อมโยงเข้ากับแผนการประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวของจังหวัดหรือเมือง อาทิ การท่องเที่ยวผ่านกิจกรรมการเรียนรู้เชิงสร้างสรรค์หรือทักษะใหม่ ๆ สร้างจุดเด่นของทักษะหรือประสบการณ์ในแต่ละจังหวัดหรือเมืองในรูปแบบ New Normal และการหมุนเวียนจัดกิจกรรมการท่องเที่ยวขนาดใหญ่ในแต่ละภาคตลอดทั้งปี ที่สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวสนับสนุนให้มีรายได้จากการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพเพิ่มขึ้น โดยสอดคล้องกับห่วงโซ่คุณค่าประเด็นการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์และวัฒนธรรม
 
 
 
 
2.2 ควรให้สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเป็นเจ้าภาพหลักเชื่อมโยงงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพและการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ของภาครัฐและภาคเอกชน
 
 
ผลการพิจารณาศึกษา
 - กก. จะขอรับประเด็นนี้ไปพิจารณาดำเนินการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป


การประชุมครม.14 ธันวาคม 64
 
ข่าว/บทความล่าสุด
เนื้อหาอ่านล่าสุด