ข่าวสุขภาพ
ค้นหา รพ.-คลินิก-ร้านยาทั่วไทย ร้านยาคุณภาพของฉัน บริการสุขภาพ คลินิกเอกชน งาน รพ.
บริการวัคซีนโควิด บริการตรวจโควิด
ตำแหน่งงาน
ข่าวสุขภาพทั่วไป ข่าวธุรกิจสุขภาพไทย ข่าวธุรกิจสุขภาพรอบโลก กิจกรรม-บริการ รพ.ต่างๆ สิทธิสุขภาพชาวไทย สาระความรู้สุขภาพ Health Economy ท่องเที่ยวสุขภาพ กิจกรรม ESG CSR กิจกรรม Event บริจาค
น่าสนใจไทยแลนด์
English
About us เผยแพร่เนื้อหา สถิติเว็บไซต์ สำรวจความเห็นสุขภาพ โฆษณา
healthserv.net@gmail.com

จับทิศทางและไทม์ไลน์ การปลดล็อกกัญชาทางการแพทย์ของไทย - ดร.ภก.อนันต์ชัย อัศวเมฆิน

จับทิศทางและไทม์ไลน์ การปลดล็อกกัญชาทางการแพทย์ของไทย - ดร.ภก.อนันต์ชัย อัศวเมฆิน HealthServ.net
จับทิศทางและไทม์ไลน์ การปลดล็อกกัญชาทางการแพทย์ของไทย - ดร.ภก.อนันต์ชัย อัศวเมฆิน ThumbMobile HealthServ.net

ย่างก้าวสำคัญของการปลดล็อกกัญชาทางการแพทย์ของไทย ที่หลายฝ่ายติดตามกันมาอย่างยาวนาน เกิดขึ้นแล้วเมื่อ 20 มกราคม 2565 ที่ คณะกรรมการควบคุมยาเสพติดแห่งชาติ ได้มีมติปลดล็อคกัญชาจากบัญชียาเสพติดประเภท 5 นับเป็นก้าวแรก และขั้นต่อไปที่สำคัญกว่า คือการส่งเรื่องไปยัง ป.ป.ส.เพื่อประชุม (25 มกราคม 2565) และหลังจากนั้นจะส่งเรื่องกลับมาให้รมว.กระทรวงสาธารณสุขลงนามเพื่อบังคับใช้ต่อไป

 
สำรวจโอกาสความสำเร็จครั้งประวัติศาสตร์ในการปลดล็อกกัญชาจากบัญชียาเสพติดครั้งนี้  รวมถึงมองไปยังย่างก้าวต่อไป และไทม์ไลน์ของการผลักดันกัญชาเสรี จะเป็นไปในทิศทางอย่างไร ทั้งหมดนี้ ไม่มีใครที่จะให้ข้อมูลและฉายภาพได้ชัดเจนที่สุด ได้เท่ากับ ดร.ภก. อนันต์ชัย อัศวเมฆิน ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ผู้เป็นแม่ทัพใหญ่สายวิชาการในการมุ่งมั่นผลักดันการใช้ประโยชน์จากกัญชาทางการแพทย์อย่างต่อเนื่องจนถึงทุกวันนี้

ท่านได้ให้ข้อมูลล่าสุดผ่านรายการของกรุงเทพธุรกิจ 21 มกราคม 2565 ภายหลังจากมีมติของคณะกรรมการยาเสพติดออกมาแล้ว โดยมีประเด็นหลักๆ ที่ชัดเจน ดังนี้
  • ประชาชนปลูกกัญชาที่บ้านได้เลยหรือไม่
  • ถ้าผ่าน ปปส.แล้ว ถือว่าปลดล็อคทุกส่วนเลยหรือไม่
  • หากผ่าน ปปส.แล้ว จะจำกัดไหมว่าแบบไหนเป็นระดับอุตสาหกรรม
  • จะทราบได้อย่างไรว่ากัญชาที่ปลูกจะมีสารเมาไม่เกิน 0.2%
  • ไทม์ไลน์ว่าหลังจาก 25 มกราคม
  • โอกาสได้ปลูกกัญชาในปี 2565 นี้
 
ไปไล่เรียงดูรายละเอียดกันแต่ละประเด็น 
จับทิศทางและไทม์ไลน์ การปลดล็อกกัญชาทางการแพทย์ของไทย - ดร.ภก.อนันต์ชัย อัศวเมฆิน HealthServ

 

ถาม : ที่แถลงข่าวกันเมื่อวานนี้ความชัดเจนคือยังไงครับพี่น้องประชาชนสามารถปลูกกัญชาที่บ้านได้เลยหรือเปล่าคะ


ตอนนี้ยังไม่ได้นะครับ
 ยังเป็นการรอเวลาอย่างที่ท่านพิธีกรบอกนั่นแหละว่า ต้องรอวันที่ 25 ที่จะมีการประชุมกันนะครับว่า ประกาศกฏกระทรวงที่จะระบุรายชื่อประเภทยาเสพติด ที่เราเอากัญชาออกจะประกาศกระทรวงนะครับจะมีผลหรือไม่ เราก็คงต้องวิงวอนและเอาใจช่วย แนะนำว่าคณะกรรมการ ปปส. จะอนุญาตหรืออนุมัติหรือเปล่านะครับ 

เมื่ออนุญาตอนุมัติแล้ว ก็จะกลับมาให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขซึ่งมีอำนาจ ลงนามอีกหนึ่งครั้ง 
 


 

ถาม : สมมุติว่าถ้าเรามองไปสัปดาห์หน้า ถ้าผ่านปปส.ไปได้ การปลดล็อครอบนี้จะปลดล็อคทุกส่วนกัญชาเลยหรือไม่ครับ 

 
ปลดล็อคทุกส่วนครับ เพียงแต่ว่าเรากำลังคุมแค่สารเมา ก็คือสาร THC ที่เกิน 0.2%  จริงๆ แล้วการที่ทุกคนพยายามจะบอกว่าเสรีเนี่ย มันคือการที่ไม่ต้องขออนุญาตเลย หรือไม่ต้องขอการจดแจ้งใดๆ ซึ่งในความเป็นจริง

"ไม่มีประเทศใดบนโลกที่มีความเสรี ที่ไม่ต้องขออนุญาต"
 
ที่เรากำลังดำเนินการอยู่ คือเราต้องการที่จะให้ออกจากกฎหมายยาเสพติด ที่แบ่งเป็นประเภทๆ เราไม่เอา เราบอกว่า เราจะมาควบคุมกำกับ ในเรื่องของกัญชากันชงแยกออกมาต่างหาก 
 
การที่แยกออกมาต่างหากมันมีข้อดีนะครับ เพราะว่าที่เราทำเรื่องของการแพทย์ เรื่องการเข้าถึง ทุกคนจะเจอปัญหาเดียวกันหมดเลย ก็คือว่าขอปลูกที่บ้าน ใช้รักษาคนไข้แล้วก็ถูกจับ
 
อยากจะปลูกเล่น พื้นที่ว่างว่างก่อนบอกจีหลังคอนโดหรือหลังอื่นที่ว่างว่างนี้อยากจะปลูกอย่างเนี่ยค่ะถามจริงแล้วได้ไหม 
 
คำตอบคือถ้าในสมัยก่อนปี 2522 ปลูกได้ก็จริง แต่ว่าในสมัยนั้นในนั้นตอนนั้นยังไม่มีระบบการขออนุญาต ปัจจุบันเองก็คิดว่าคงจะเป็นเรื่องการจดแจ้งเสียมากกว่า
 
ผมต้องให้ข้อมูลอย่างนี้ครับว่า

"ไม่มีประเทศไหนเลยนะครับ ที่ขนาดเสรีว่าเป็นแบบนันทนาการ ที่สูบเพื่อสนุกหรือสูบเพื่อการแพทย์ที่ไม่ต้องขออนุญาต"
 
แต่เราจะแบ่งเป็นแบบนี้ครับว่าการขออนุญาตในเชิงของพื้นที่เล็ก หรือพื้นที่ที่เป็นแบบใหญ่เลยตามระดับอุตสาหกรรม เราต้องแบ่งแยกกันโดยชัดเจน เพื่อจะให้การขออนุมัติในการดำเนินการเนี่ยมันง่าย และไม่เป็นไปตามประเภทของยาเสพติดประเภท 5 อื่นๆ ที่ยังถูกล็อกอยู่
 
ขยายความนิดหนึ่งว่า เราอยู่กับนโยบายกัญชาเสรีทางการแพทย์มาสองถึงสามปี เราเห็นได้เลยว่า กฎหมายที่เกิดขึ้นนี้ ไม่ได้เอื้อประโยชน์ให้เราเข้าถึงทางการแพทย์ได้อย่างเสรีจริงๆ 
 
อันที่สองคือการปลูกเพื่อบอกว่า เราอยากจะทำพืชเศรษฐกิจ แต่ว่าต้องขออนุญาตยากเย็นมาก ต้องล้อมรั้ว ต้องมีกล้องวงจรปิด หรือต้องเป็นภาครัฐอย่างเดียว ขณะที่ยังไม่มีการพัฒนาตำรับยาที่สามารถขึ้นทะเบียนได้ แล้วส่งออกได้ เหล่านี้เป็นอุปสรรคสำคัญ
 
เนื่องจากพื้นฐานของตัวของกฎหมาย มีไว้เฉพาะเรื่องการป้องกันและปราบปราม แต่ไม่ได้เอามาใช้เพื่อส่งเสริมในการที่จะเข้าถึงทางการแพทย์ หรือส่งเสริมให้เป็นพืชเศรษฐกิจ
 
อันนี้ต่างหากครับที่กำลังจะบอกว่า เรากำลังใช้กฏหมายนี้ มาบังคับทุกอย่างคงไม่ใช่ เราคิดว่าถ้าออกจากกฏหมายบัญชียาเสพติดแล้ว เราอาจจะต้องมี พรบ.ในการควบคุม กำกับ ดูแล เมื่อนั้น เรื่องของการขออนุญาตการจดแจ้ง หรือการทำให้เกิดเป็นเพื่อเศรษฐกิจ ก็จะง่ายมากขึ้น จะเข้าถึงได้มากขึ้น การปลูกในระดับครัวเรือน หรือใช้รักษาตนเองก็จะเกิดขึ้นได้ง่ายขึ้น 
 
 
 
 

ถาม : สมมติว่าผ่าน 25 มกราคมไปแล้วทุกอย่างเพราะระบอการควบคุมทุกอย่างไฟเขียวบอกเรียบร้อยหมด พี่น้องประชาชนก็คือสามารถปลูกได้เองที่บ้าน แล้วเนื้อในกฎหมายจริงๆ มีการจำกัดไหมว่า แต่ละบ้านจะสามารถปลูกได้มากน้อยขนาดไหนถึงจะเรียกว่าไม่ใช่อุตสาหกรรม


ตอนนี้ จะเหมือนกระท่อมครับ ตอนนี้กระท่อมก็ปลดล็อคออกมาก่อน พอปลดล็อคแล้ว ก็รอ พรบ.  พรบ.กระท่อมตอนนี้ก็ยังอยู่ในสภา ยังดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องของการตีความ และออกบังคับใช้  ระหว่างนั้นก็ต้องมีการรอข้อมูลตรงนั้น เป็นสุญญากาศไประยะหนึ่ง การขออนุญาตที่อยู่ในกฎหมายฉบับเดิม ก็ยังดำเนินการต่อได้ แต่ว่ายังไงก็ต้องรอในช่วงสุญญากาศ ในการกำหนดรายละเอียด เช่นว่า ส่วนเล็กแค่ไหนจะเรียกว่าไม่ใช่อุตสาหกรรม หรือ เชิงพาณิชย์ อันนี้ผมเสนอในฐานะของนักวิชาการ เพื่อจะได้ดูแลกำกับกันให้ถูกต้อง
 
อย่างที่บอก มีหลายฝ่ายมากในในประเทศเรา ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายบริหาร ฝ่ายนิติบัญญัติ ฝ่ายวิชาการ ฝ่ายการเมือง อย่างไรก็ตาม เราคงต้องมองภาพว่าเราต้องใช้ประโยชน์จากการปลดล็อคนี้ให้เกิดขึ้นสูงที่สุดให้เกิดขึ้นกับประชาชน
 
 
 

ถาม : สมมติว่าสามารถประชาชนทั่วไปสามารถปลูกกัญชาได้ จะทราบได้อย่างไรว่ากัญชาที่ปลูกจะมีสารเมาไม่เกิน 0.2%

 
ถ้าเกิน 0.2% ก็ต้องมาขออนุญาต ต้องมาเรื่องของการจดแจ้ง อย่างที่บอกไปครับว่า เราไม่ได้กังวลเรื่องที่ว่าเอาไปใช้เพื่อใช้รักษาตนเอง แต่เรากังวลเรื่องการนำไปใช้ในทางที่ผิด เพราะผมก็เชื่อว่ามีความสุ่มเสี่ยงต่อการเกิดแบบนั้นเหมือนกัน ไม่ใช่ว่าเราไม่กังวล เราถึงต้องมีการกำหนดกันว่าปลูกเท่าไหร่ ต้องใช้เมล็ดพันธุ์อะไร อยากจะปลูกแบบถูกกฎหมายเลย หรือปลูกโดยเสรีเลย จะเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหน
 
แต่วันนี้เรามีจุดเริ่มต้นที่ดีในการที่จะนำออกมาจากกฎหมายที่บังคับมากจนเกินไป ทำให้การแพทย์ก็ไม่เดิน  เรื่องเศรษฐกิจก็ไม่เดิน วันนี้ผมสนับสนุนการนำออกมาจากกฎหมายยาเสพติด ก็คือประมวลกฎหมายยาเสพติด แล้วมาคุมให้มันมีความเหมาะสม ให้มันเข้าถึงได้ง่ายขึ้นกว่านี้ แต่ก็ยังควบคุมเรื่องการนำไปใช้ในทางที่ผิดอยู่
 
สนับสนุนส่งเสริมเรื่องของพาณิชย์ เพื่อให้เป็นพืชเศรษฐกิจจริงๆ อันนี้ถือว่าเป็นวิธีการที่ชาญฉลาดนะครับ ที่จะแยกออกมา
 
 
 
 

ถาม : ช่วยทวนไทม์ไลน์ว่าหลังจาก 25 มกราคมแล้ว ขั้นตอนต่อไปจะเกิดอะไรขึ้นบ้างและต้องใช้ระยะเวลาคร่าวๆ มากน้อยขนาดไหน


ผมว่าเรื่องของนโยบายกัญชาเสรีทางการแพทย์ เป็นนโยบายเร่งด่วนอยู่แล้ว หลังจาก 25 สมมุติว่ามีการประชุมกันเรียบร้อยแล้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเซ็น มีการร่าง พรบ. อยู่แล้วในส่วนหนึ่ง ก็คงจะเข้าสภา มีการประชุมกัน แล้วก็ตีความโดยทฤษฎีกาและคณะกรรมาธิการต่างๆ ผมว่าไม่น่าเกิน 3 เดือนก็น่าจะดำเนินการเรียบร้อยนะครับ 
 

 

ถาม : ปีนี้มีลุ้นไหมครับว่าคนไทยน่าจะได้ปลูกกัญชากันแล้ว

 
ผมว่าปีนี้ยังไงก็ต้องมี พรบ. มีกฎหมายลูกเป็นกฎกระทรวงใดใดก็ตามที่ออกมา ผมว่าจะสอดรับ ทำให้มีระดับความเสรีมากขึ้น เพื่อใช้ประโยชน์จากกัญชาได้ดีมากกว่าการที่เริ่มปลดล็อกในตอนช่วงแรก ช่วงสองปีที่ผ่านมา
 
กรุงเทพธุรกิจ
21 มกราคม 65
ข่าว/บทความล่าสุด
เนื้อหาอ่านล่าสุด