ข่าวสุขภาพ
ค้นหา รพ.-คลินิก-ร้านยาทั่วไทย ร้านยาคุณภาพของฉัน บริการสุขภาพ คลินิกเอกชน งาน รพ.
บริการวัคซีนโควิด บริการตรวจโควิด
ตำแหน่งงาน
ข่าวสุขภาพทั่วไป ข่าวธุรกิจสุขภาพไทย ข่าวธุรกิจสุขภาพรอบโลก กิจกรรม-บริการ รพ.ต่างๆ สิทธิสุขภาพชาวไทย สาระความรู้สุขภาพ Health Economy ท่องเที่ยวสุขภาพ กิจกรรม ESG CSR กิจกรรม Event บริจาค
น่าสนใจไทยแลนด์
English
About us เผยแพร่เนื้อหา สถิติเว็บไซต์ สำรวจความเห็นสุขภาพ โฆษณา
healthserv.net@gmail.com

ต่อมลูกหมากโต รักษาอย่างไร

ต่อมลูกหมากโต รักษาอย่างไร

 ต่อมลูกหมากโต : รักษาอย่างไร
ปกติแล้ว ข้อบ่งชี้ในการรักษาต่อมลูกหมากโตคือ
 
มีภาวะแทรกซ้อนจากต่อมลูกหมากโตเกิดขึ้นแล้ว
  • ปัสสาวะเองไม่ได้เนื่องจากต่อมลูกหมากโต
  • ติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ
  • นิ่วในกระเพาะปัสสาวะ
  • ไตวาย
ทั้งสี่กรณีนี้เป็นข้อบ่งชี้ที่จำเป็นต้องให้การรักษาอย่างแน่นอน และมักจะต้องรักษาโดยการผ่าตัดเป็นหลัก
 
เพื่อลดอาการ และเพิ่มคุณภาพชีวิต
  • ไม่ต้องเบ่งปัสสาวะมาก
  • ไม่ต้องลุกมาเข้าห้องน้ำกลางคืนบ่อยๆ
  • ลดอาการปัสสาวะราดหรือต้องรีบไปห้องน้ำ
ป้องกันการเกิดภาวะแทรกซ้อนจากต่อมลูกหมากโตในอนาคต​
รักษาอย่างไร ?
โดยทั่วไปจะเลือกแนวทางการรักษาตามความรุนแรงของอาการ ดังนี้
  • อาการน้อย => ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม การใช้ชีวิต
  • อาการปานกลาง => การรักษาด้วยยา
  • อาการมาก หรือมีภาวะแทรกซ้อนจากต่อมลูกหมากโต => การผ่าตัด
แนวทางการรักษาต่อมลูกหมากโตตามความรุนแรงของอาการ
แต่ทั้งนี้ ต้องคำนึงถึงปัจจัยหลายๆอย่างประกอบกันด้วย โดยเฉพาะความคาดหวังต่อผลการรักษาและสภาพร่างกายของผู้ป่วย บางกรณีอาการไม่มากแต่มีผลรบกวนคุณภาพชีวิตมากก็อาจเลือกรักษาโดยการผ่าตัดได้
 
 
การรักษาโดยปรับเปลี่ยนพฤติกรรม คืออะไร?
เป็นการปรับเปลี่ยนกิจกรรมบางอย่าง เพื่อให้อาการทางระบบปัสสาวะลดน้อยลง
  1. ลดการดื่มชากาแฟ และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พบว่าเครื่องดื่มจำพวกชากาแฟจะทำให้เกิดการระคายเคืองต่อกระเพาะปัสสาวะจึงทำให้ปัสสาวะบ่อย ส่วนเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์จะทำให้ร่างกายสร้างนำ้ปัสสาวะมากขึ้นจึงมีผลให้ปัสสาวะบ่อยเช่นกัน
  2. ปัสสาวะก่อนเข้านอนทุกคืน เพื่อลดปริมาณน้ำปัสสาวะที่ค้างอยู่ในร่างกาย ทำให้ไม่ต้องตื่นมาปัสสาวะกลางดึก
  3. กำหนดเวลาปัสสาวะในช่วงกลางวันทุก 2-3 ชั่วโมง เพื่อให้กระเพาะปัสสาวะทำงานได้ตามปกติ
  4. ระวังท้องผูก เนื่องจากการที่ท้องผูกเป็นเวลาหลายวันมีผลให้ปัสสาวะลำบากมากขึ้นได้

การรักษาด้วยยา
ประกอบด้วยยา 4 ประเภท คือ
 
1. ยาคลายกล้ามเนื้อเรียบในต่อมลูกหมาก 
  • ออกฤทธิ์ได้เร็ว มักเลือกใช้เป็นยาตัวแรก
  • ผลข้างเคียง : มีฤทธิ์ลดความดันโลหิตด้วย อาจทำให้หน้ามืด เวียนศีรษะ
  • ตัวอย่างยากลุ่มนี้เช่น alfuzosin (Xatral), doxazosin (Cardura, Pencor), Tamsulosin (Harnal)
 2. ยาลดขนาดต่อมลูกหมาก
  • ยับยั้งการเจริญของต่อมลูกหมาก
  • ใช้เวลา 3-6 เดือนจึงเริ่มเห็นผล
  • ผลข้างเคียง : อาจทำให้สมรรถภาพทางเพศลดลง การหลั่งน้ำอสุจิผิดปกติ
  • ตัวอย่างยากลุ่มนี้เช่น dutasteride (Avodart), finasteride (Proscar, Firide)
 3. ยาลดการบีบตัวของกระเพาะปัสสาวะ
  • ต่อมลูกหมากโต --> กระเพาะปัสสาวะต้องทำงานหนักขึ้น และอาจมีการบีบตัวไวกว่าปกติ
  • อาการที่พบคือ ปัสสาวะบ่อย ต้องรีบ เล็ดราด การให้ยาลดการบีบตัวของกระเพาะปัสสาวะจะลดอาการเหล่านี้ได้ 
  • นิยมใช้เป็นยาเสริมจากยาสองกลุ่มข้างต้นมากกว่า
  • ผลข้างเคียงของยา : ปากแห้งคอแห้ง ท้องผูก
  • ตัวอย่างยากลุ่มนี้เช่น trospium (Spasmo-lyt), solifenacin (Vesicare), Oxybutinin (Diutropan)
 4. ยาสมุนไพร
มีจำหน่ายมากมายทั้งในรูปของยาแผนปัจจุบันและยาแผนโบราณ แต่ยังไม่มีงานวิจัยชิ้นใดที่แสดงว่ายากลุ่มนี้ได้ผลดีจริง ในปัจจุบันจึงไม่ใช้เป็นยาหลักในการรักษาโรคต่อมลูกหมากโต
 การรักษาโดยการผ่าตัด
 
1. การผ่าตัดต่อมลูกหมากแบบเปิดหน้าท้อง
  • ใช้กรณีต่อมลูกหมากใหญ่มาก
  • ปัจจุบันไม่นิยมทำแล้ว
  • เป็นการผ่าตัดใหญ่ เสียเลือดมาก ต้องนอนโรงพยาบาลราว 7-10 วัน
2. การส่องกล้องคว้านเนื้อต่อมลูกหมาก (TUR-P : transurethral resection of prostate)
  • ใช้ลวดไฟฟ้าคว้านเนื้อต่อมลูกหมากออกมา
  • เป็นการผ่าตัดแบบมาตรฐานในปัจจุบัน
  • ภาวะแทรกซ้อน 
      ระยะแรก : เสียเลือด การติดเชื้อ เกลือแร่ในเลือดผิดปกติ
      ระยะหลัง : ท่อปัสสาวะตีบ การหลั่งนำ้อสุจิผิดปกติ
 
3. การผ่าตัดต่อมลูกหมากด้วยเลเซอร์
  • ใช้พลังงานเลเซอร์ทำให้ต่อมลูกหมากระเหิดไป
  • ผลการรักษาใกล้เคียงกับการคว้านเนื้อต่อมลูกหมากด้วยลวดไฟฟ้า (TUR-P)
  • เสียเลือดน้อยกว่า เหมาะกับผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัวมาก
  • ราคาแพงมาก
4. การใส่ขดลวดถ่างต่อมลูกหมาก (prostatic stent)
  • เป็นขดลวดชนิดถาวร ทำจากวัสดุที่มีปฏิกริยากับเนื้อเยื่อร่างกายน้อย ใช้ได้ตลอดชีวิต
  • ไม่มีการเสียเลือดระหว่างใส่ขดเลือดเลย ทำได้ง่ายและใช้เวลาน้อย เหมาะกับผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัวมาก
  • มีโอกาสที่ขดลวดจะเลื่อนตำแหน่งได้ซึ่งจะทำให้ประสิทธิภาพในการรักษาลดลง
  • ราคาแพงมาก
ข่าว/บทความล่าสุด
เนื้อหาอ่านล่าสุด