ข่าวสุขภาพ
ค้นหา รพ.-คลินิก-ร้านยาทั่วไทย ร้านยาคุณภาพของฉัน บริการสุขภาพ คลินิกเอกชน งาน รพ.
บริการวัคซีนโควิด บริการตรวจโควิด
ตำแหน่งงาน
ข่าวสุขภาพทั่วไป ข่าวธุรกิจสุขภาพไทย ข่าวธุรกิจสุขภาพรอบโลก กิจกรรม-บริการ รพ.ต่างๆ สิทธิสุขภาพชาวไทย สาระความรู้สุขภาพ Health Economy ท่องเที่ยวสุขภาพ กิจกรรม ESG CSR กิจกรรม Event บริจาค
น่าสนใจไทยแลนด์
English
About us เผยแพร่เนื้อหา สถิติเว็บไซต์ สำรวจความเห็นสุขภาพ โฆษณา
healthserv.net@gmail.com

ประกาศจุดยืน เรื่อง การให้บริการเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ในประเทศไทย

ประกาศจุดยืน เรื่อง การให้บริการเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ในประเทศไทย HealthServ.net
ประกาศจุดยืน เรื่อง การให้บริการเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ในประเทศไทย ThumbMobile HealthServ.net

ราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์แห่งประเทศไทย 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563

ประกาศจุดยืน เรื่อง การให้บริการเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ในประเทศไทย HealthServ

ประกาศจุดยืน เรื่อง การให้บริการเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ในประเทศไทย

Position Statement for Assisted Reproductive Technology in Thailand
 
ในปัจจุบันนี้การใช้เทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ในการรักษาภาวะมีบุตรยาก มีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้นทั้งในประเทศไทยและนานาชาติ องค์กรอนามัยโลกจัตภาวะมีบุตรยากเป็นโรค และ International Committee for Monitoring Assisted Reproductive Technology (CMART) ให้ความสำคัญและตระหนักถึง ความสำเร็จ ความปลอดภัยของสตรีที่มีบุตรยากและบุตรที่เกิดจากการรักษา รวมทั้งการเข้าถึงบริการของสามีภริยาที่มีบุตรยาก ประเทศไทยมีการประกาศใช้พระราชบัญญัติคุ้มครองเด็กที่เกิดโดยอาศัยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ พ.ศ. 2558 ในการกำกับดูแลการให้บริการด้านเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ในประเทศไทย ดังนั้นเพื่อให้การให้บริการด้านเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ในประเทศไทย เกิตประสิทธิภาพสูงสุด มีความปลอดภัย ลตภาวะแทรกซ้อนที่จะเกิดขึ้น โดยคำนึงถึงผลกระทบทางด้านสังคม จริยธรรม และกฎหมาย รวมทั้งงบประมาณค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์แห่งประเทศไทย ในฐานะองค์กรหลักในการกำกับดูแลด้านวิชาการและมาตรฐานวิชาชีพสาขาสูติศาสตร์และนรีเวชวิทยา ขอประกาศจุดยืนเกี่ยวกับการให้บริการเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ในประเทศไทยดังต่อไปนี้
 
  1. การให้บริการเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ควรทำเฉพาะในกรณีที่มีข้อบ่งชี้ทางการแพทย์เท่านั้น ได้แก่ ภาวะมีบุตรยาก การที่เคยมีการตั้งครรภ์ที่สิ้นสุดลโดยไม่ได้บุตรเลย หรือ การแท้งเป็นอาจิณ เป็นต้น
  2. ประชาชนควรทราบว่าการรับบริกรเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์โดยไม่มีข้อบ่งชี้ทางการแพทย์ เพิ่มความเสี่ยงจากการกระตุ้นรังไข่ การเก็บไข่ และ การย้ายฝากตัวอ่อน โดยมีความรุนแรงหลายระดับทั้งต่อสตรีที่มีบุตรยาก สตรีที่บริจาคไข่ สตรีที่ตั้งครรภ์และทารกที่เกิดจากการรักษา มากกว่าการตั้งครรภ์เองตามธรรมชาติ
  3. การรับบริการเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์โดยคาดหวังให้มีการตั้งครรภ์แฝดเป็นการเพิ่มความเสี่ยงสูงต่อสตรีที่ตั้งครรภ์และทารก
  4. การเลือกเพศบุตร การรับจ้างบริจาคไข่หรืออสุจิหรือตัวอ่อน การรับจ้างตั้งครรภ์แทนมีความผิดตามกฎหมายและมีความเสี่ยงในการเกิดภาวะแทรกซ้อนทางสุขภาพ
  5. การตรวจวินิฉัยทางพันธุกรรมก่อนการฝังตัวในตัวอ่อนควรทำตามที่กฎหมายกำหนด
  6. ก่อนการให้บริการเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ สามีภริยาที่ชอบด้วยกฎหมายที่มีบุตรยากทุกราย ควรได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง ครบถ้วนและเหมาะสม เกี่ยวกับประโยชน์และความเสี่ยงของการรักษาจากบุคลากรทางการแพทย์ จนเข้าใจดีและลงนามยินยอมรับการรักษา
  7. สามีภริยาที่ชอบด้วยกฎหมายที่มีบุตรยากทุกราย ที่จำเป็นต้องได้รับการรักษาด้วยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ตามข้อบ่งชี้ทางการแพทย์ ควรสามารถเข้าถึงสถานพยาบาลที่ได้รับการรับรองโดยกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข
 
ประกาศ ณ วันที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563
 
รองศาสตราจารย์ นายแพทย์กำธร พฤกษานานนท์
ประธานคณะอนุกรรมการเวชศาสตร์การเจริญพันธุ์
 
พลอากาศโทนายแพทย์ การุณ เก่งสกุล
ประธานราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์แห่งประเทศไทย
 
 
 

ประกาศจุดยืนของราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์แห่งประเทศไทย เรื่องการตั้งครรภ์แทน

จุดยืน (Position statement) ของราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์แห่ประเทศไทย เรื่อง การตั้งครรภ์แทน (Surrogacy) หรือที่เรียกกันทั่วไปว่า "การอุ้มบุญ"
 
  1. กระบวนการตั้ครรภ์แทน ต้องปฏิบัติตาม พระราชบัญญัติคุ้มครองเด็กที่เกิดจากเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ พ.ศ. 2558 เท่านั้น
  2. การตั้งครรภ์แทน ต้องทำเรื่องขออนุญาตต่อคณะกรรมการคุ้มครองเด็กที่เกิดจากเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ (กคทพ.) ซึ่งมีปลัดกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธาน นายกแพทยสภาเป็นรองประธานและ อธิบดีกรมสนับสนุนการบริการสุขภาพ (สบส.) เป็นเลขานุการ
  3. การฝ่าฝืนพระราชบัญญัตินี้ เช่น การรับจ้างตั้ครรภ์แทน การตั้งครรภ์แทนโดยมิใช่ญาติโดยสายโลหิต การซื้อขายอสุจิ หรือ ไข่ หรือ ตัวอ่อน มีความผิดอาญา ถึงขั้นจำคุก ทั้งแพทย์ผู้ให้บริการ ผู้จ้างวาน ผู้โฆษณา และผู้รับจ้างอุ้มบุญ
  4. ราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์แห่งประเทศไทย ขอย้ำเตือนให้สมาชิกสูตินรีแพทย์ผู้ได้รับอนุญาตให้ทำการักษาพยาบาลด้านการตั้งครรภ์แทน ปฏิบัติตามพระรชบัญญัติคุ้มครองเด็กที่เกิดจากเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ และตามข้อบังคับ แพทยสภาว่าด้วยการประกอบวิชาชีพเวชกรรม โดยเคร่งครัด
  5. แพทย์ผู้ต้องคดีอาญาในคดีให้การบริการเพื่อการตั้งครรภ์แทนอย่างผิดกฎหมาย อาจได้รับผลต่อเนื่องถึงการถูกระงับใช้ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรมอย่างถาวร
  6. ผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม ผู้ประกอบการสถานพยาบาล ผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาลและผดุงครรภ์ และประชาชนผู้ต้องการรับบริการ ผู้ทำการโษณา หรือผู้คิดจะรับจ้างตั้งครรภ์แทนทุกท่าน ควรศึกษารายละเอียดในพระราชบัญญัติคุ้ครองเด็กที่เกิดจากกดโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์นี้โดยละเอียด เพราะท่านอาจทำผิดกฎหมายอาญาได้โตยรู้เท่าไม่ถึงการณ์
  7. ราชวิทยลัยสูตินรีแพทย์แห่งประเทศไทย มีนโยบายในกาควบคุมดูแลสถาบันฝีกอบรม และตัวแพทย์ผู้เข้ารับการฝึกอบรมเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ในมนุษย์ ทั้งด้านวิชาการและด้านจริยธรรมอย่างเคร่งครัด
  8. ราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์แห่ประเทศไทย ยินดีให้ความร่วมมือทุกด้านอย่างเต็มที่กับคณะกรรมการคุ้มครองเด็กที่เกิดจากเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ และ แพทยสภา เพื่อให้เกิดความปลอดภัยต่อประชาชนตามข้อบังคับของกฎหมาย และเพื่อจริยธรรมอันดีงามของการประกอบวิชาชีพเวชกรรม
  9. ประเทศต่าง ๆ มีกฎหมายเรื่องการตั้งครรภ์แทนต่างกัน ประเทศที่ห้ามการตั้งครรภ์แทนมักมีบทลงโทษรุนแรงถึงขั้นจำคุก
 
ประกาศ ณ วันที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563
พลอากาศโทนายแพทย์ การุณ เก่งสกุล
ประธานราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์แห่งประเทศไทย
 
ข่าว/บทความล่าสุด
เนื้อหาอ่านล่าสุด