ข่าวสุขภาพ
ค้นหา รพ.-คลินิก-ร้านยาทั่วไทย ร้านยาคุณภาพของฉัน บริการสุขภาพ คลินิกเอกชน งาน รพ.
บริการวัคซีนโควิด บริการตรวจโควิด
ตำแหน่งงาน
ข่าวสุขภาพทั่วไป ข่าวธุรกิจสุขภาพไทย ข่าวธุรกิจสุขภาพรอบโลก กิจกรรม-บริการ รพ.ต่างๆ สิทธิสุขภาพชาวไทย สาระความรู้สุขภาพ Health Economy ท่องเที่ยวสุขภาพ กิจกรรม ESG CSR กิจกรรม Event บริจาค
น่าสนใจไทยแลนด์
English
About us เผยแพร่เนื้อหา สถิติเว็บไซต์ สำรวจความเห็นสุขภาพ โฆษณา
healthserv.net@gmail.com

โรคกระดูกพรุน (Osteoporosis) ทำไมผู้สูงอายุต้องใส่ใจและให้ความสำคัญ

ไม่เพียงแต่ผู้สูงอายุเท่านั้นที่ต้องพึงระวังและใส่ใจ หากแต่ผู้ดูแลและครอบครัวที่อยู่รอบข้าง ยิ่งต้องรู้และเข้าใจ เพื่อลดปัญหาและความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น

คุณคงไม่ชอบเข้าเฝือก ที่เป็นแฟชั่นของผู้ที่กระดูกหักบ่อยๆ
จึงควรตรวจวัดความหนาแน่นของกระดูก เพื่อทราบภาวะเสี่ยงของโรคกระดูกพรุนในการป้องกันตนเองไม่ให้กระดูกบางลง และเสริมสร้างความแข็งแรงของกระดูกตั้งแต่วันนี้

โรงพยาบาลวิภาวดี บริการตรวจวัดความหนาแน่นของกระดูก ด้วยเครื่องที่วัดความหนาแน่นของกระดูกได้ทุกส่วนของร่างกาย ก่อนอื่น เรามาทำความรู้จักกับโรคกระดูกพรุนกันก่อน

โรคกระดูกพรุน Osteoporosis

โรคกระดูกพรุน Osteoporosis คือโรคที่ความหนาแน่นของเนื้อกระดูกลดน้อยลงเรื่อยๆ รวมทั้งมีการเปลี่ยนแปลงในลักษณะโครงสร้างของกระดูก ซึ่งมีผลทำให้กระดูกไม่สามารถจะรับน้ำหนักหรือแรงกดดันได้ตามปกติ ทำให้เกิดอาการกระดูกหักตามมา (Decreased Bone Mass, Defective Bone Microarchitecture) นอกจากจะเรียกว่าโรคกระดูกพรุน อาจเรียก โรคกระดูกบาง โรคกระดูกผุ ก็ได้

โรคกระดูกพรุน นี้พบมากในผู้สูงอายุโดยประมาณ 60 ปี ขึ้นไป โดยจะพบปัญหาในหญิงมากกว่าชาย เพราะในหญิงจะมีการลดลงของเนื้อกระดูกเป็นอย่างมากในช่วง5ปี หลังวัยหมดประจำเดือน สตรีวัยหมดประจำเดือนในอเมริกา ประมาณ1/3-1/2ของสตรีกลุ่มนี้จะเป็นโรคกระดูกพรุน และเมื่ออายุสูงขึ้นโอกาสกระดูกหักก็จะมีสูงเพิ่มไปด้วย โดยจะเป็นการทรุดหักของกระดูกสันหลัง การหักของกระดูกสะโพก และสุดท้ายคือกระดูกต้นขาหัก จะเห็นว่าปัญหากระดูกพรุนนี้ก่อให้เกิดการสูญเสียต่อชีวิต คุณภาพชีวิตและทรัพย์สินอย่างมาก ดังนั้นการป้องกันจึงเป็นทางออกที่ดีที่สุดในขณะนี้ โรคกระดูกพรุนพบมากในสตรีผิวขาวโดยเฉพาะพวกที่อยู่ใกล้ขั้วโลกรองลงมาเป็นผิวขาวเหลืองในเอเซีย และพบน้อยลงในชาวผิวดำ


สาเหตุของโรคกระดูกพรุน 
สามารถกล่าวรวมๆ ของปัญหาที่มีผลทำให้การสะสมของเนื้อกระดูกได้ไม่ดี และปัจจัยที่ทำให้มีการสูญเสียมากกว่าปกติ

  • พันธุ์กรรม จากเชื้อชาติ ผิวขาว>เอเชีย>ผิวดำ/เพศหญิงมากกว่าเพศชาย
  • โภชนาการ บริโภคแคลเซียมต่ำ / ดื่มแอลกอฮอล์มาก / ดื่มกาแฟมาก / บริโภคเกลือมาก/บริโภคโปรตีนจากเนื้อสัตว์มาก
  • ชีวิตความเป็นอยู่ สูบบุหรี่มาก / กิจวัตรการออกกำลังกายน้อย
  • โรคที่มีผลต่อการเสียเนื้อกระดูก
    รังไข่ฝ่อ (ขาดฮอร์โมนเอสโตรเจน) / การตัดมดลูก /
    ต่อมไทรอยด์ทำงานมากเกินไป / ต่อมพาราไทรอยด์ทำงาน
    มาก เกินไป /ไตวายเรื้อรัง / โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์
  • ภาวะ วัยหลังหมดประจำเดือน
  • ยาที่มีผลต่อการสูญเสียเนื้อกระดูก
    ยาทดแทนไทรอยด์ / ยากลุ่มสเตียรอยด์ / ยากันชัก /
    ยาขับ ปัสสาวะชนิด“ Loop“/
    ยาลดกรดที่มีฤทธิ์จับกับฟอสเฟต /ยาเตตร้าซันคลิน /
    ยารักษาวัณโรค ไอโซไนเอซิค


การวินิจฉัย

ในปัจจุบันใช้การวัดความหนาแน่นของกระดูก (Bone Mineral Density Mea Surement)โดยใช้เครื่องDEXA (Dual Energy X-ray Absorptionmetry)โดยวัดความหนาแน่นของกระดูกที่กระดูกสันหลัง กระดูกสะโพก กระดูกต้นขา ปลายกระดูกข้อมือ และนำค่าที่ได้ไปเปรียบเทียบกับค่าปกติในเพศและอายุช่วงเดียวกัน

ถ้าพบว่ากระดูกมี Bone Mineral Density (BMD) < 1.00 gm/cm2จะมีโอกาสกระดูกหักได้ง่าย

การวินิจฉัยภาวะกระดูกพรุนเมื่อBMD< 2.5 SD (Standard Diviation)ของประชากรในวัยสาวการวัดความหนาแน่นกระดูกบุคคล2ครั้งห่างกัน1-2ปี จะช่วยให้สามารถคาดการณ์หรือพยากรณ์โรคกระดูกพรุนได้ เป็นวิธีที่ช่วยให้การประกอบการตัดสินใจในการป้องกันหรือวางแผนการรักษาโรคกระดูกพรุนต่อไป ไม่นิยมในการตรวจจากเลือด เพราะวิธีการตรวจยังไม่ไวและแม่นยำพอ บางตัวถึงแม้ให้ความแม่นยำดี แต่การวิเคราะห์สารเหล่านี้ทำได้ยาก และยังมีค่าใช้จ่ายที่สูง มักจะใช้ในการวินิจฉัยเพื่อการศึกษา ดังนั้นในปัจจุบันการตรวจวัด การวัดความหนาแน่นของกระดูก (Bone Mineral Density Measurement) จึงเป็นวิธีที่เหมาะสมที่สุด

ข้อแนะนำสำหรับสตรี

  1. การได้รับแคลเซียมอย่างเพียงพอตลอดอายุขัย ตั้งแต่วันเด็กไปจนถึงชรา จะช่วยไม่ให้เกิดโรคกระดูกพรุนได้
  2. มีสุขนิสัยที่ดีในการบริโภคอาหาร โปรตีน เพื่อเป็นแกนของกระดูก / แคลเซียมและฟอสเฟต (มาจับที่กระดูกเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งของกระดูก)
  3. ออกกำลังกายอยู่อย่างสม่ำเสมอ อย่าเอาแต่นั่งๆ นอนๆ เพราะจะมีการสลายของกระดูกมากขึ้น
  4. หลีกเลี่ยงการใช้ยาที่ทำให้เกิดโรคกระดูกพรุน
  5. ดูแลตนเองให้มีสุขภาพที่แข็งแรง ซึ่งจะช่วยลดการสูญเสียของกระดูก
  6. ได้มีการประเมินสภาวะของกระดูกว่ามีการเสี่ยงต่อโรคกระดูกพรุนมากน้อยเพียงใด ในช่วงวัยใกล้หมดประจำเดือน
  7. ในหญิงที่มีความหนาแน่นของกระดูกน้อยกว่า1 SDควรได้รับฮอร์โมนทดแทน แต่ควรดูข้อห้ามก่อน
  8. ถ้ามีข้อตรงกับการห้ามใช้ฮอร์โมนช่วย ให้ปรึกษาแพทย์เพื่อหาวิธีอื่นที่เหมาะสมแทน
  9. ให้มีความระมัดระวังในการเคลื่อนไหวและดูแลสภาพแวดล้อมให้มีความปลอดภัย เพื่อลดการลื่นหกล้ม


สอบถามรายละเอียด และนัดหมายได้ที่
แผนกตรวจสุขภาพ โรงพยาบาลวิภาวดี
โทร.0-2941-2800 กด 1

กายดี ใส่ใจดี โรงพยาบาลวิภาวดี

ข่าว/บทความล่าสุด
เนื้อหาอ่านล่าสุด