ข่าวสุขภาพ
ข่าวสุขภาพทั่วไป ข่าวธุรกิจสุขภาพไทย ข่าว/กิจกรรม/สาระ รพ.ต่างๆ ข้อมูลบริการ รพ.ต่างๆ สาระความรู้สุขภาพ กิจกรรม ESG CSR Health Economy บริจาครพ.ต่างๆ
น่าสนใจไทยแลนด์
About us เผยแพร่เนื้อหา สถิติเว็บไซต์ สำรวจความเห็นสุขภาพ โฆษณา
healthserv.net@gmail.com

ครม.อนุมัติหลักการ ร่างกำหนดปริมานครองยาบ้าเพื่อเสพ ไม่เกิน 500 กรัม

ครม.อนุมัติหลักการ ร่างกำหนดปริมานครองยาบ้าเพื่อเสพ ไม่เกิน 500 กรัม Thumb HealthServ.net
ครม.อนุมัติหลักการ ร่างกำหนดปริมานครองยาบ้าเพื่อเสพ ไม่เกิน 500 กรัม ThumbMobile HealthServ.net

ครม.อนุมัติหลักการร่างฯ กฏกระทรวงควบคุมปริมาณครองยาบ้า ไม่เกิน 500 กรัม ถือว่าเป็นผู้เสพ ยึดหลักการ “เปลี่ยนผู้เสพเป็นผู้ป่วย” สนับสนุนให้ผู้เสพเข้ารับการรักษาบำบัด และไม่ต้องรับโทษหากบำบัดแล้ว และเพื่อให้ตำรวจและปปส.ใช้เป็นแนวทางในการปฏิบัติงานต่อไป

 
 
12 ธันวาคม 2566 ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดปริมาณยาเสพติดให้โทษและวัตถุออกฤทธิ์ที่ให้สันนิษฐานว่ามีไว้ในครอบครองเพื่อเสพ พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาต่อไป
 
 
          สืบเนื่องจาก นโยบายของคณะรัฐมนตรีที่ได้แถลงต่อรัฐสภาเมื่อวันที่ 11 กันยายน 2566 ในด้านความปลอดภัยที่รัฐบาลจะทำงานร่วมกับประชาชนทุกภาคส่วน เพื่อดำเนินการปราบปรามผู้มีอิทธิพลและยาเสพติดให้หมดไปจากสังคมไทย โดยยึดหลักการ “เปลี่ยนผู้เสพเป็นผู้ป่วย” สนับสนุนให้ผู้เสพเข้ารับการรักษาบำบัดอย่างมีประสิทธิภาพและทั่วถึง  รวมทั้งเป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2566 ที่ให้กระทรวงสาธารณสุขเร่งรัดการดำเนินการจัดทำกฎหมายว่าด้วยการกำหนดปริมาณยาเสพติดให้โทษ (ยาบ้า) และที่เกี่ยวข้องให้แล้วเสร็จและเสนอคณะรัฐมนตรีโดยด่วน
 
 
 
         กระทรวงสาธารณสุข ได้จัดทำร่างกฎกระทรวง ซึ่งออกตามความในมาตรา 107 วรรคสอง แห่งประมวลกฎหมายยาเสพติด เสนอต่อคณะรัฐมนต  มีสาระสำคัญ คือ
 
        การกำหนดปริมาณยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 ประเภท 2 หรือประเภท 5 และวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 1 หรือประเภท 2 ที่ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่ามีไว้ในครอบครองเพื่อเสพ โดยเฉพาะยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 อาทิ แอมเฟตามีน (ยาบ้า) ที่กำหนดปริมาณไม่เกิน 5 หน่วยการใช้หรือมีน้ำหนักสุทธิไม่เกิน 500 มิลลิกรัม 
 
 
          ข้อสันนิษฐานดังกล่าว จะใช้เป็นแนวทางในการปฏิบัติงานของเจ้าพนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติดและเจ้าพนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจ เพื่อพิจารณาว่าผู้ที่ครอบครองยาเสพติดผู้ใดเป็นเพียงผู้เสพ 
 
          จะส่งผลให้ "ผู้ครอบครองยาเสพติดในปริมาณเล็กน้อย" สามารถสมัครใจเข้าสู่กระบวนการบำบัดรักษาการติดยาเสพติดได้
 
         และหากบุคคลดังกล่าวได้รับการบำบัดรักษาจนหายจากการติดยาเสพติดแล้ว ผู้นั้นก็จะ "ไม่ต้องรับโทษ" ในความผิดฐานมียาเสพติดไว้ในครอบครองตามประมวลกฎหมายยาเสพติด 
 
 
         ร่างกฎกระทรวงในเรื่องนี้เป็นการออกกฎหมายลำดับรองซึ่งออกโดยอาศัยอำนาจตามประมวลกฎหมายยาเสพติดที่มีผลใช้บังคับ (เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2564) ภายหลังพระราชบัญญัติหลักเกณฑ์การจัดทำร่างกฎหมายและการประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย พ.ศ. 2562 มีผลใช้บังคับ ซึ่งจะต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 8 ธันวาคม 2566 ตามมาตรา 22 แห่งพระราชบัญญัติหลักเกณฑ์การจัดทำร่างกฎหมายและการประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย พ.ศ. 2562 อย่างไรก็ตาม กระทรวงสาธารณสุขได้เสนอขอขยายระยะเวลาการดำเนินการออกกฎกระทรวงในเรื่องนี้ออกไปอีก 1 ปี ตั้งแต่วันที่ 9 ธันวาคม 2566 ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2566 เห็นชอบให้ขยายระยะเวลาการดำเนินการจัดทำกฎหมายลำดับรองซึ่งออกตามความในประมวลกฎหมายยาเสพติดตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ


*ภาพจากเพจสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด

ข่าว/บทความล่าสุด
เนื้อหาอ่านล่าสุด