จุดเด่นของ เทคโนโลยีใหม่ FTRD (Full-Thickness Resection Device)
- ใช้ในการรักษามะเร็งลำไส้ใหญ่ในระยะเริ่มต้น คือช่วงระยะแรกๆ ที่มะเร็งยังอยู่ในลำไส้ใหญ่หรือมีขนาดไม่ถึง 3 เซนติเมตร
- เป็นการทำหัตถการผ่านทางทวารหนักคล้ายกับการส่องกล้องลำไส้ใหญ่ทั่วไป
- มีระบบส่องกล้องที่ยืดหยุ่น โค้งงอได้ ปลายกล้องติดอุปกรณ์ มีรูปร่างคล้ายหอยมือเสือที่ใช้คอนเซ็ปต์การทำงาน "ปิดก่อนตัด" โดยแพทย์จะสามารถตัดก้อนเนื้อและปิดรอยตัดในลำไส้ใหญ่ได้ในเวลาเดียวกัน ทำให้สามารถตัดชิ้นเนื้อมะเร็งได้อย่างครบถ้วน
- ใช้เวลารักษาน้อยกว่าการผ่าตัดมาก
ในด้านของผู้ป่วยจะได้ประโยชน์และความปลอดภัยในหลายประการ
- เพราะเป็นการรักษาโดยไม่ต้องผ่าตัด และไม่ต้องเปิดหน้าท้อง ผู้ป่วยจะไม่มีแผลที่หน้าท้อง
- ผู้ป่วยจะปลอดภัยมากยิ่งขึ้น ลดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ และอาการแทรกซ้อน
- ผู้ป่วยจะลดการเสียเลือดจากแผลที่ผ่าตัด
- ผู้ป่วยนอนพักที่โรงพยาบาล 1 คืน ก็สามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ
ปัจจุบัน บำรุงราษฎร์จะมีการประชุม Multidisciplinary Tumor Board ทุกสัปดาห์ เพื่อปรึกษาและกำหนดแนวทางการรักษาร่วมกัน ประกอบด้วยอายุรแพทย์ด้านโรคมะเร็ง ศัลยแพทย์ด้านโรคมะเร็ง แพทย์สาขาที่เกี่ยวข้อง พยาธิแพทย์ รังสีแพทย์ซึ่งรวมถึงรังสีวินิจฉัยและรังสีรักษา แพทย์เวชพันธุศาสตร์ นักวิทยาศาสตร์ด้านมะเร็งระดับโมเลกุล พยาบาลวิชาชีพ และเภสัชกร รวมกว่า 30-50 ท่าน เพื่อมุ่งให้การดูแลรักษาให้เกิดประสิทธิผลสูงสุด โดยคำนึงถึงความปลอดภัยของผู้ป่วยเป็นสำคัญ
มะเร็งยังคงเป็นภัยระดับโลก
ข้อมูลจากองค์การอนามัยโลก (WHO) ยืนยันว่า มะเร็งยังคงเป็น "สาเหตุการเสียชีวิตอันดับต้นๆ ของโลก" จารายงานปี 2563 ระบุว่า "ทั่วโลกมีผู้เสียชีวิตจากมะเร็งเกือบ 10 ล้านราย โดยมะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนักเป็นมะเร็งชนิดที่วินิจฉัยบ่อยที่สุดเป็นอันดับสามของโลก โดยมีผู้ป่วยรายใหม่เกือบ 2 ล้านราย รองจากมะเร็งเต้านม และมะเร็งปอด โดยมีผู้เสียชีวิตจากมะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนักสูงเป็นอันดับสอง จำนวน 935,000 รายทั่วโลก"
ขณะที่ในประเทศไทย ในปีที่ผ่านมาตรวจวินิจฉัยใหม่พบผู้ป่วยมะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนัก 21,103 ราย และเสียชีวิตถึง 6,039 ราย
สังเกตอย่างไรว่าเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่
รศ. คลินิก นพ. ทศพล เกิดศิริชัยรัตน์ แพทย์ชำนาญการด้านอายุรศาสตร์โรคทางเดินอาหารและตับ โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ กล่าวว่า "มะเร็งลำไส้ใหญ่ในระยะเริ่มต้น มักไม่มีอาการ ส่วนใหญ่จะตรวจพบได้ด้วยการมาตรวจสุขภาพประจำปี ส่วนอาการในระยะหลังๆ ที่พอสังเกตได้จะมีน้ำหนักลด ทางเดินลำไส้อุดตัน ผู้ป่วยอาจมาด้วยอาการท้องบวม ท้องอืด คลื่นไส้อาเจียน ซึ่งหากตรวจพบมะเร็งในลำไส้ใหญ่ด้านขวา อุจจาระจะเป็นสีดำ แต่หากพบมะเร็งที่ลำไส้ใหญ่ด้านซ้าย อุจจาระก็จะเป็นสีแดง หรือมีภาวะซีด ซึ่งอาจจะพบจากการตรวจเลือดเพื่อสาเหตุอื่น"
มะเร็งป้องกันและรักษาได้
สิ่งที่ขอเน้นย้ำคือ กว่าร้อยละ 30-50 ของมะเร็งที่คร่าชีวิตผู้ป่วยอยู่ในปัจจุบัน มีทางป้องกันและรักษาได้ ซึ่งรวมถึง "มะเร็งลำไส้ใหญ่" หากตรวจพบตั้งแต่เนิ่นๆ จะมีโอกาสรอดชีวิตสูงมาก โดยมะเร็งลำไส้ใหญ่จะเกิดขึ้นในลำไส้ จากนั้นมะเร็งจะกระจายไปยังต่อมน้ำเหลือง และสุดท้ายจะแพร่กระจายไปยังปอดและ/หรือตับ หากผู้ป่วยได้รับการวินิจฉัยขณะที่มะเร็งแพร่กระจายไปยังปอดและ/หรือตับ จะมีโอกาสรอดชีวิตในเวลา 5 ปี อยู่ที่ร้อยละ 14 แต่หากตรวจพบในต่อมน้ำเหลือง อัตราอยู่รอดจะเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 72 ที่สำคัญหากมาตรวจสุขภาพเป็นประจำ ก็ได้ทราบตั้งแต่เนิ่นๆ โดยแพทย์จะได้ประเมินปัจจัยเสี่ยงจากพันธุกรรม ซึ่งอาจตรวจพบภาวะก่อนเป็นมะเร็ง หรืออาจตรวจพบได้ตั้งแต่ระยะแรกที่มะเร็งยังอยู่ในลำไส้ใหญ่ และยังไม่แพร่กระจายไปสู่อวัยวะอื่นๆ ผู้ป่วยก็จะมีโอกาสรอดชีวิตสูงถึงร้อยละ 90
เทคโนโลยีก้าวหน้าช่วยรักษาชีวิต
รศ. คลินิก นพ. ทศพล เกิดศิริชัยรัตน์ กล่าวปิดท้ายว่า "ด้วยความก้าวหน้าของเทคโนโลยีใหม่ๆ เกี่ยวกับโรคมะเร็ง ตั้งแต่การป้องกัน การรักษา และการฟื้นฟู ทำให้ปัจจุบันมีผู้ป่วยรอดชีวิตจากโรคมะเร็งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จึงขอแนะนำให้มาตรวจสุขภาพเป็นประจำทุกปี โดยเริ่มตั้งแต่อายุ 40 ปีสำหรับการตรวจค้นหามะเร็งกระเพาะอาหารระยะต้น และ 45 ปีสำหรับการตรวจค้นหามะเร็งลำไส้ใหญ่ระยะต้น ทั้งนี้การเลือกวิธีการรักษาที่เหมาะสมนั้นจะขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์ ซึ่งต้องพิจารณาระยะของโรคและปัจจัยอื่นร่วมด้วย โดยแพทย์พร้อมให้คำแนะนำและอธิบายถึงข้อดีและข้อจำกัดในการรักษาด้วยวิธีต่างๆ แก่ผู้ป่วยและญาติผู้ป่วย"
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม เกี่ยวกับ FTRD ได้ที่ศูนย์ทางเดินอาหารและตับ โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ อาคาร B ชั้น 2 หรือโทร Hot Line 063 190 3152 หรือ 1378