นายแพทย์ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กล่าวว่า จากสถานการณ์ในช่วงเดือนสิงหาคม-กันยายน 2565 ที่อาจมีฝนตกอย่างหนักทำให้เกิดน้ำท่วม น้ำป่าไหลหลากได้ กรมสนับสนุนบริการสุขภาพจึงได้เตรียมจัดทีมเอ็มเสิร์ท (Medical Supportive Emergency Response Team : MSERT) หรือทีมวิศวกรฉุกเฉินจากกองแบบแผน กองวิศวกรรมการแพทย์ และศูนย์สนับสนุนบริการสุขภาพที่ 1- 12 ทั่วประเทศ พร้อมให้ความช่วยเหลือสถานพยาบาลภาครัฐที่ถูกน้ำท่วม ที่อาจส่งผลกระทบกับระบบต่างๆ ที่ขาดไม่ได้ในสถานพยาบาลภาครัฐ เช่น ระบบไฟฟ้า ระบบประปา ระบบสื่อสาร เครื่องมือแพทย์ และอาคารสถานที่ ที่ต้องให้บริการประชาชน
นอกจากนี้ยังมีสื่อประชาสัมพันธ์ความรู้ด้านสุขศึกษาในช่วงการเตรียมการก่อนน้ำท่วม ขณะน้ำท่วม และหลังน้ำลด ที่ให้กองสุขศึกษา กองสนับสนุนสุขภาพภาคประชาชน ศูนย์สนับสนุนบริการสุขภาพที่ 1 – 12 ให้ความรู้กับประชาชนในพื้นที่ช่วงสถานการณ์น้ำท่วม
ด้านนายแพทย์สามารถ ถิระศักดิ์ รองอธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กล่าวว่า สำหรับการลงพื้นที่ช่วยเหลือกู้วิกฤติสถานพยาบาลภาครัฐนั้น ต้องอาศัยอุปกรณ์ต่างๆ เช่น เครื่องรับส่งวิทยุ เครื่องหาพิกัดดาวเทียม ระบบกล้อง และอุปกรณ์ต่างๆ ที่สำคัญเพื่อใช้ในสถานการณ์น้ำท่วมที่มีประสิทธิภาพ เช่น ชุดซ่อมบำรุง เครื่องมืออุปกรณ์สำหรับการบำรุงอุปกรณ์ทางการแพทย์ เครื่องกำเนิดไฟฟ้า ระบบไฟฟ้าส่องสว่าง ปั๊มน้ำ เครื่องฉีดน้ำ เครื่องเป่าลม และอุปกรณ์อื่นๆ นอกจากนี้ยังต้องใช้ระบบไฟฟ้า คือ
1) เครื่องกำเนิดไฟฟ้าหลัก
2) เครื่องกำเนิดไฟฟ้าสำรอง ซึ่งต้องจ่ายกระแสไฟฟ้าสำรองทดแทนเมื่อเครื่องกำเนิดไฟฟ้าหลักเกิดการขัดข้องได้ทันที
3) ระบบโซลาร์เซลล์ และเครื่องกำเนิดไฟฟ้าขนาดเล็กพร้อมอุปกรณ์ควบคุมและจัดเก็บพลังงานเพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยและจ่ายกระแสไฟฟ้าให้กับอุปกรณ์สื่อสารในการขอรับความช่วยเหลือ รวมถึงการดำรงชีพในกรณีที่ไฟฟ้า ถูกตัดขาดเมื่อน้ำท่วมสูง ไม่สามารถติดต่อสื่อสารกับบุคคลภายนอกได้ และ
4) ต้องมีเครื่องกำเนิดไฟฟ้าชนิดลากจูง สำหรับภาคสนาม ทั้งนี้ทาง กรม สบส. พร้อมสนับสนุนทีมเอ็มเสิร์ทเพื่อให้การช่วยเหลือในสถานการณ์ภาวะวิกฤติต่างๆ ไม่ใช่เฉพาะอุทกภัย ทั้งนี้ยังรวมถึงเหตุการณ์ไฟไหม้ แผ่นดินไหว วาตภัยที่มีผลกระทบต่อสถานพยาบาลภาครัฐ เพื่อให้สามารถบริการประชาชนต่อไปได้
โดยสถานพยาบาลภาครัฐที่ต้องการขอรับการสนับสนุนทีมเอ็มเสิร์ทสามารถติดต่อได้ที่ศูนย์สนับสนุนบริการสุขภาพในพื้นที่ในการให้การช่วยเหลือต่อไป