ข่าวสุขภาพ
ข่าวสุขภาพทั่วไป ข่าวธุรกิจสุขภาพไทย ข่าว/กิจกรรม/สาระ รพ.ต่างๆ ข้อมูลบริการ รพ.ต่างๆ สาระความรู้สุขภาพ กิจกรรม ESG CSR Health Economy บริจาครพ.ต่างๆ
น่าสนใจไทยแลนด์
About us เผยแพร่เนื้อหา สถิติเว็บไซต์ สำรวจความเห็นสุขภาพ โฆษณา
healthserv.net@gmail.com

สธ.ย้ำไม่กีดกันชาติใดเข้าไทย แจงมาตรการพร้อมรับนักท่องเที่ยวจีน

สธ.ย้ำไม่กีดกันชาติใดเข้าไทย แจงมาตรการพร้อมรับนักท่องเที่ยวจีน Thumb HealthServ.net
สธ.ย้ำไม่กีดกันชาติใดเข้าไทย แจงมาตรการพร้อมรับนักท่องเที่ยวจีน ThumbMobile HealthServ.net

ประเทศไทยจะ "ไม่ใช้มาตรการด้านสาธารณสุขเพื่อกีดกันผู้เดินทางจากประเทศใดประเทศหนึ่ง" ข้อเสนอมาตรการด้านสาธารณสุขรองรับผู้เดินทางจากต่างประเทศ ที่จะเสนอในวันที่ 5 มกราคมนี้ คือ จำแนกเป็น ก่อนเข้าประเทศไทย ระหว่างพำนักอยู่ในประเทศไทย และหลังจากเดินทางออกจากประเทศไทย ดังนี้

4 มกราคม 2566 ที่กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข แถลงถึงการเตรียมความพร้อมรองรับผู้เดินทางจากประเทศจีน ว่า

         จากการที่ประเทศจีนเตรียมเปิดประเทศ ในวันที่ 8 มกราคม 2566 นี้ และไทยเป็นประเทศเป้าหมายปลายทางอันดับต้นๆ ที่ชาวจีนวางแผนจะเดินทางมา  กระทรวงฯ ได้ประมาณการนักท่องเที่ยวจีนในไตรมาสแรก (มกราคม-มีนาคม 2566) มีประมาณ 3 แสนคน คิดเป็น 5% ของนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมดที่เดินทางเข้าประเทศไทย

          จำแนกประมาณการ เป็นรายเดือน คาดว่า มกราคมจะเข้ามา 60,000 คน กุมภาพันธ์ 90,000 คน และมีนาคม 150,000 คน  และแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แบบค่อยเป็นค่อยไป ด้วยเหตุผลหลัก หลายประการ อาทิ 
  • ปัจจุบันยังมีเที่ยวบินที่จะเดินทางจำนวนจำกัด
  • ระยะเวลาในการขอทำหนังสือเดินทางและการขอวีซ่า ยังจำกัด
  • รัฐบาลจีนยังไม่อนุญาตให้บริษัทนำเที่ยวนำกลุ่มทัวร์ออกนอกประเทศ
  • ผู้เดินทางจะเป็นนักท่องเที่ยวที่เดินทางด้วยตัวเองและเป็นกลุ่มนักเดินทางระดับบนที่มีกำลังซื้อ

 

 

มาตรการรองรับ



          สำหรับการเตรียมการรับนักท่องเที่ยวของประเทศไทย ที่ผ่านมา มีการประชุมหารือร่วมกันระหว่างกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงการต่างประเทศ และกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา รวมถึงการประชุมของคณะกรรมการด้านวิชาการ ตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ. 2558 ซึ่งคณะกรรมการฯ มีความเห็นตรงกันว่าควรปฏิบัติตามแนวทางโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวัง และปฏิบัติกับผู้เดินทางจากทุกประเทศอย่างเท่าเทียม

และที่สำคัญ 

 "ไม่ใช้มาตรการด้านสาธารณสุขเพื่อกีดกันผู้เดินทางจากประเทศใดประเทศหนึ่ง"



        ทั้งนี้ ประเทศไทยมีมาตรการป้องกันควบคุมโรคตามหลักวิชาการและเป็นไปตามมาตรฐานโลกอยู่แล้ว ยืนยันว่าระบบสาธารณสุขของไทยยังมีความพร้อมรองรับสถานการณ์ฉุกเฉิน โดยขณะนี้มีการใช้เตียงระดับ 2-3 เพียง 5.2% และมีแผนเตรียมความพร้อมหากพบการระบาดของโรคที่รุนแรงเพิ่มขึ้น รวมถึงจะมีการติดตามและประเมินสถานการณ์ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2566 เพื่อปรับมาตรการตามสถานการณ์ของเชื้อกลายพันธุ์ด้วย

 

ข้อเสนอมาตรการด้านสาธารณสุขรองรับผู้เดินทาง
 

          นายอนุทินกล่าวอีกว่า ส่วนข้อเสนอมาตรการด้านสาธารณสุขรองรับผู้เดินทางจากต่างประเทศ ที่จะเสนอในวันที่ 5 มกราคมนี้ คือ จำแนกเป็น ก่อนเข้าประเทศไทย ระหว่างพำนักอยู่ในประเทศไทย และหลังจากเดินทางออกจากประเทศไทย  ดังนี้




ก่อนเข้าประเทศไทย
  • ให้ฉีดวัคซีนโควิด 19 อย่างน้อย 2 เข็ม
  • หากมีอาการป่วยทางเดินหายใจ ควรเลื่อนการเดินทางและรักษาให้หายก่อนเพื่อลดการแพร่โรค
  • ให้ซื้อประกันสุขภาพเดินทางที่ครอบคลุมการรักษาโรคโควิด 19 ก่อนเข้าประเทศ เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพที่อาจเกิดขึ้น



ขณะพำนักในประเทศไทย

ส่วนมาตรการขณะพำนักในประเทศไทย
  • จะมีการให้คำแนะนำผู้เดินทางป้องกันตนเองตลอดระยะเวลาที่อยู่ในประเทศ เช่น สวมหน้ากากเมื่ออยู่ในพื้นที่สาธารณะ/ขนส่งสาธารณะ ล้างมือบ่อยๆ
  • หากมีอาการทางเดินหายใจ ให้ตรวจคัดกรองด้วย ATK
  • หากมีอาการป่วยรุนแรงขึ้นให้ไปตรวจรักษาที่สถานพยาบาล



หลังจากเดินทางออกจากประเทศไทย

กรณีเดินทางออกจากประเทศไทยและประเทศปลายทางมีนโยบายตรวจคัดกรองก่อนเข้าประเทศ
  • แนะนำให้พักในโรงแรม SHA+ ซึ่งจะมีบริการตรวจหาเชื้อโควิด 19 โดยสถานพยาบาลที่ได้รับการรับรองมาตรฐานทางห้องปฏิบัติการจากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ก่อนออกจากประเทศไทย



 

แนวทางการเฝ้าระวังโรค

          นอกจากนี้ ยังมีแนวทางการเฝ้าระวังโรคกลุ่มผู้เดินทางจากต่างประเทศที่มีอาการทางเดินหายใจ โดยให้ได้รับการตรวจด้วย ATK/PCR และมีการจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการติดตามสถานการณ์โรคและตอบโต้ภาวะฉุกเฉินกรณีผู้เดินทางจากต่างประเทศ พร้อมทั้งเพิ่มกลไกการรายงานสถานการณ์ผ่านเว็บไซต์กรมควบคุมโรค เน้นจำนวนนักท่องเที่ยวและผลการตรวจคัดกรองผู้ที่มีอาการป่วยทางเดินหายใจที่สนามบิน กำหนดเกณฑ์สำหรับการปรับมาตรการเมื่อพบผู้ติดเชื้อในอัตราสูงหรือพบเชื้อกลายพันธุ์ รวมถึงเฝ้าระวังและตรวจเชื้อโควิด 19 ในน้ำเสียจากเครื่องบิน ทั้งนี้ จะมีการสื่อสารถึงนักเดินทางเพื่อเพิ่มการตระหนักรู้และให้ความร่วมมือในการลดความเสี่ยง 

ข่าว/บทความล่าสุด
เนื้อหาอ่านล่าสุด