ข่าวสุขภาพ
ค้นหา รพ.-คลินิก-ร้านยาทั่วไทย ร้านยาคุณภาพของฉัน บริการสุขภาพ คลินิกเอกชน งาน รพ.
บริการวัคซีนโควิด บริการตรวจโควิด
ตำแหน่งงาน
ข่าวสุขภาพทั่วไป ข่าวธุรกิจสุขภาพไทย ข่าวธุรกิจสุขภาพรอบโลก กิจกรรม-บริการ รพ.ต่างๆ สิทธิสุขภาพชาวไทย สาระความรู้สุขภาพ Health Economy ท่องเที่ยวสุขภาพ กิจกรรม ESG CSR กิจกรรม Event บริจาค
น่าสนใจไทยแลนด์
English
About us เผยแพร่เนื้อหา สถิติเว็บไซต์ สำรวจความเห็นสุขภาพ โฆษณา
healthserv.net@gmail.com

ปี 65 มีนักวิ่งหมดสติในงานวิ่ง 24 ราย เสียชีวิต 1 ราย

ปี 65 มีนักวิ่งหมดสติในงานวิ่ง 24 ราย เสียชีวิต 1 ราย HealthServ.net
ปี 65 มีนักวิ่งหมดสติในงานวิ่ง 24 ราย เสียชีวิต 1 ราย ThumbMobile HealthServ.net

กรมควบคุมโรคเผยข้อมูลน่าตกใจ ปี 2565 พบมีนักวิ่งหมดสติในงานวิ่งจำนวน 24 ราย เสียชีวิต 1 ราย พบหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลันถึง 11 ราย ส่วนใหญ่เป็นเพศชาย มีอายุระหว่าง 50-59 ปี โดย 23 รายที่หมดสติรวมถึงผู้เสียชีวิตเป็นนักวิ่ง นักกีฬา หรือผู้ที่ออกกำลังกายเป็นประจำ

7 มิถุนายน 2566 นายแพทย์ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า วันพุธแรกในเดือนมิถุนายนของทุกปีเป็นวันวิ่งโลก (Global Running Day) ซึ่งปีนี้ตรงกับวันพุธที่ 7 มิถุนายน 2566 
 

ปัจจุบันการออกกำลังกายด้วยการวิ่งเป็นที่นิยมเพิ่มมากขึ้นในประเทศไทย จากการดำเนินงานเฝ้าระวังของกองโรคไม่ติดต่อ กรมควบคุมโรค กรณีภาวะวิกฤตหัวใจและหลอดเลือด ฮีทสโตรก หรือการเสียชีวิตขณะวิ่งในงานวิ่ง  มีข้อมูลในปี 2565 ดังนี้
  • ปี 2565 จากการจัดงานวิ่ง 832 งาน
  • พบเหตุการณ์หมดสติในงานวิ่งจำนวน 24 ราย เสียชีวิต 1 ราย พบหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลันถึง 11 ราย
  • ส่วนใหญ่เป็นเพศชาย มีอายุระหว่าง 50-59 ปี
  • 23 รายที่หมดสติรวมถึงผู้เสียชีวิตเป็นนักวิ่ง นักกีฬา หรือผู้ที่ออกกำลังกายเป็นประจำ
  • ระยะทางขณะวิ่งที่เกิดเหตุการณ์มากที่สุดคือ ระยะทางสุดท้ายก่อนเข้าเส้นชัย (Quarter 4)
  • ส่วนใหญ่ไม่ทราบว่าตนเองมีโรคประจำตัว หรือมีโรคประจำตัวอยู่แล้วแต่ขาดการรักษาทานยาไม่ต่อเนื่อง 



สาเหตุที่ทำให้นักวิ่งหมดสติหรือเสียชีวิต

ได้แก่
  1. การเร่งทำลายสถิติตนเอง
  2. ดื่มน้ำไม่เพียงพอ 
  3. รับประทานยาที่มีฤทธิ์กดการเต้นของหัวใจ 
  4. การฝึกฝนที่ไม่เพียงพอต่อระยะทางที่ลงแข่งขัน 
  5. ความถี่ของการลงแข่งขันที่บ่อยและหักโหมเกินไป


ดังนั้นนักวิ่งต้องให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของตนเองเป็นอันดับแรก และสำหรับผู้ที่มีโรคประจำตัวควรได้รับคำแนะนำจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อกำหนดรูปแบบการวิ่งให้เหมาะสมกับตนเอง


 
 
          นายแพทย์ดิเรก ขำแป้น รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า การวิ่งเป็นการออกกำลังกายที่ดีช่วยให้ร่างกายแข็งแรง แต่การวิ่งมาราธอนที่ขาดการเตรียมตัวหรือหักโหมเกินไปในสภาพแวดล้อมที่มีความเสี่ยง จะทำให้เกิดการบาดเจ็บหรือเกิดภาวะวิกฤตได้

ข้อแนะนำก่อนการลงแข่งขันสำหรับนักวิ่ง ดังนี้
  1. 1.เตรียมพร้อม ฝึกฝนร่างกายให้เพียงพอกับระยะทางการลงแข่งขัน 
  2. ไม่ลงแข่งขันวิ่งระยะทางไกลในช่วงเวลาที่ติดต่อกันมากเกินไป 
  3. สวมใส่เสื้อผ้าที่เหมาะสม 
  4. ไม่ควรรับประทานยาที่มีฤทธิ์กดการเต้นของหัวใจทั้งก่อนวิ่งและขณะวิ่ง 
  5. นักวิ่งที่มีโรคประจำตัวควรปรึกษาแพทย์ก่อนลงแข่งขันทุกครั้ง 
  6. นอนพักผ่อนให้เพียงพอก่อนวันวิ่ง 
  7. ตรวจสุขภาพเป็นประจำทุกปี 
  8. ให้ข้อมูลสุขภาพที่เป็นจริง เพื่อประโยชน์กับทีมแพทย์ในการเตรียมความพร้อมให้การดูแลและเฝ้าระวังเหตุการณ์ฉุกเฉินทางการแพทย์ 
  9. ตรวจสอบอุณหภูมิ ความชื้นสัมพัทธ์ และค่าฝุ่น PM2.5 ล่วงหน้าก่อนถึงวันแข่งขันจริง เพื่อเตรียมพร้อมร่างกาย วางแผนการดื่มน้ำระหว่างวิ่งให้เหมาะสม 
  10. หากมีอาการแน่นหน้าอกหรือหน้ามืด ควรหยุดพักและแจ้งหน่วยแพทย์ในงานวิ่งทันที



 
          นายแพทย์กฤษฎา หาญบรรเจิด ผู้อำนวยการกองโรคไม่ติดต่อ กล่าวเพิ่มเติมว่า การวิ่งครั้งละ 30 นาที 5 ครั้งต่อสัปดาห์ จะช่วยให้หัวใจแข็งแรงขึ้น ช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคไม่ติดต่อ เช่น โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคไขมันในเลือดสูง โรคอ้วนลงพุง โรคหัวใจและหลอดเลือด และโรคมะเร็ง เป็นต้น นอกจากนี้ยังช่วยกระตุ้นการทำงานของสมอง ลดเสี่ยงอัลไซเมอร์ ช่วยให้อารมณ์ดี และที่สำคัญนอนหลับได้ดีขึ้น 

          จึงขอเชิญชวนให้ประชาชนหันมาออกกำลังกายอย่างน้อย 150 นาที/สัปดาห์เพื่อสุขภาพที่ดี การวิ่งที่ดี คือไม่วิ่ง ระยะทางไกลมากเกินไป ไม่วิ่งเร็วเกินไป ไม่วิ่งติดต่อกันจนเกินไป ควรเว้นวันพักผ่อนให้เหมาะสมกับระยะทาง และต้องวิ่งอย่างปลอดภัยโดยการเตรียมความพร้อมก่อนลงแข่งขัน สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร.1422
ข่าว/บทความล่าสุด
เนื้อหาอ่านล่าสุด