ประโยชน์ของกะเพรา กะเพราช่วยขับลม เป็น Buffer ปรับสมดุลกรดในกระเพาะอาหาร ช่วยเร่งการย่อยอาหาร ได้ผลดีเยี่ยมกับคนที่เป็นโรคในลำไส้เล็ก เช่น จุกเสียดในลำไส้เล็ก (โรคนี้เวลาเป็นเหมือนถูกแทงด้วยหลาว นั่งอยู่ดีๆก็เจ็บเหมือนถูกแทง หรือถูกต่อย) น้ำกะเพราเหมาะสำหรับคนที่เป็นกรดไหลย้อนที่มีอาการท้องอืดร่วมด้วยเป็นประจำ ใบกะเพรา ทำให้ร่างกายอบอุ่น ช่วยย่อยอาหาร ลดอักเสบกระเพาะอาหาร
กะเพรามี 2 ชนิด คือกะเพราเขียว (ทำอาหาร) และ กะเพราแดง (ทำยา เครื่องดื่มสมุนไพร)
เครื่องดื่มชากะเพราแดง
สูตรรองอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร (นางกุลฤดี พัฒนะอิ่ม)
วิธีทำ
1. นำใบมาแกะยอด ล้างสะอาด ผึ่งแห้ง 2-3 แดด หรือจนกว่าใบแห้งสนิท
2. เก็บใบกะเพราแห้งใส่โหลดสะอาดไว้ชงดื่มได้เลย
3. การชง ใช้ใบ 1 ช้อนโต๊ะ หรือ 5 กรัม ชงกับน้ำต้มเดือน ประมาณ 200 มิลลิลิตร ใช้ช้อนกดให้จมในน้ำร้อนสักครู่ ทิ้งไว้สัก 5-10 นาที แล้วเสริฟ์พร้อมดื่มได้เลย สีชาจะเข้มหน่อย หากรู้สึกว่าเข้มไป เติมน้ำเพิ่มได้
ดูคลิปการทำได้ที่
youtube
ชากะเพรา ลดน้ำตาลในเลือด
สูตรอธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก (นายแพทย์เกียรติภูมิ วงศ์รจิต)
ใช้ใบกะเพราะสด 1 กำมือ แช่ในน้ำร้อน 3 ถ้วยตวง ทิ้งไว้ 5 นาที
กรองแต่น้ำ ดื่มเป็นประจำทุกวัน วันละ 2 แก้ว ก่อนอาหารเช้า 1 แก้ว และก่อนอาหารเย็น 1 แก้ว
หากนำใบกะเพราะสดมาปรุงเป็นอาหารกินเป็นประจำยิ่งดี
กรณีผู้ป่วยเบาหวาน ก่อนใช้ช้าสมุนไพรสูตรนี้ ควรปรึกษาแพทย์ประจำตัวก่อน
ชาใบกะเพรา
สูตรจากนิตยสาร Health&Cuisine
ส่วนผสม (สำหรับ 2 ที่) เตรียม 5 นาที ปรุง 15 นาที
ใบกะเพราแดงแห้ง 20 กรัม
น้ำเปล่า 4 ถ้วย
น้ำผึ้ง 2 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ
1. ล้างใบกระเพราแดงให้สะอาด ใช้กระดาษทิชชูซับพอหมาด วางลงในถาด นำเข้าเตาอบที่อุณหภูมิ 55 องศาเซลเซียล อบด้วยพัดลมประมาณ 1 ชั่วโมงหรือจนใบกะเพราแห้งสนิท
2. นำไปต้มกับน้ำจนเดือด ยกลงทิ้งไว้พออุ่น ใส่น้ำผึ้งแล้วคนให้ละลายจนหมดดื่มได้ทันที
Tip : ถ้าไม่มีเตาอบให้นำใบกะเพราไปตากแดดจนแห้งสนิทจึงนำมาใช้ หากเหลือสามารถเก็บใส่ขวดไว้ชงได้ในครั้งต่อไป
สูตรน้ำกะเพรา รักษากรดไหลย้อน
วิธีทำ
1. นำกะเพรา 1 กำ (ทั้งลำต้นและใบ) ประมาณ 1 ขีด มาล้างให้สะอาดด้วยน้ำจุลินทรีย์ EM (แช่ 1 ช.ม.)หรือน้ำยาล้างผักเพื่อล้างยาฆ่าแมลงออก (ปัจจุบันนี้ พ.ศ. 2553 ผมปลูกต้นกะเพราขาวและต้นกะเพราแดงไว้ที่หน้าบ้านด้วยครับ)
2. ใส่น้ำ 2 – 3 ลิตรลงในหม้อ นำกะเพราใส่ลงไปทั้งหมด ทั้งลำต้นและใบ
3. ปิดฝาหม้อ ใช้ไฟปานกลางค่อนข้างอ่อน ต้มประมาณ 15 – 20 นาที พอน้ำเดือดปุ๊บให้ปิดแก๊สทันที ข้อมูลเพิ่มเติมจากประสบการณ์ของผม หากใช้ไฟอ่อนเกินไป ฤทธิ์ยาในกะเพราจะไม่ออกมา ควรกะปริมาณไฟที่ต้ม ให้น้ำเดือดภายใน 15 – 20 นาที
4. ดื่มหลังอาหาร 1 แก้ว 250 ml (อ่านตรง ปล. ต่อ)
5. ถ้าน้ำกะเพราเย็นลง หรือ ดื่มไม่หมด ไม่ต้องอุ่นหรือต้มซ้ำ ให้แช่เย็นไว้ดื่ม เพื่อไว้ดื่มได้หลายๆวัน ข้อมูลเพิ่มเติม สำหรับคนธาตุเย็น อย่างเช่นตัวผมเอง ผมจะไม่ดื่มน้ำกะเพราเย็น แต่จะตั้งน้ำกะเพราทิ้งไว้ให้หายเย็นก่อน แล้วค่อยดื่ม เพราะหลังรับประทานอาหาร ถ้าผมดื่มน้ำเย็นหรือทานของเย็นๆ ผมจะท้องอืดอาหารไม่ย่อยครับ
ปล.
1. ถ้าใช้กะเพราแดงจะได้ผลดีกว่า
2. จำไว้ว่า กะเพราเป็นสมุนไพรธาตุร้อน ถ้าดื่มน้ำกะเพราไปแล้วเกิดอาการร้อนใน ให้ลดปริมาณน้ำกะเพราลง
3. อาการหนักประมาณ 6 – 8 แก้ว และหลังจากวันแรกที่ดื่ม ถ้าอาการทุเลาให้ลดปริมาณน้ำกะเพราลง ดื่มเฉพาะหลังอาหาร มื้อละ 1 – 2 แก้ว แต่ไม่ควรเกิน 4 แก้วต่อวัน
4. ยาสมุนไพรไทย ใช้เวลารักษานานถึงจะหาย ต้องกินเป็นประจำสม่ำเสมอ โดยไม่ต้องทานยาเคมีสังเคราะห์เข้าช่วยเลย
