นายแพทย์ธงชัย กีรติหัตถยากร รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข เผยว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข มีความห่วงใยต่อสถานการณ์การสู้รบระหว่างทหารเมียนมากับกองกำลังชนกลุ่มน้อยเชื้อสายกะเหรี่ยงตามแนวชายแดนจังหวัดตาก ซึ่งทำให้มีผู้อพยพหนีภัยจำนวนมากข้ามมาอาศัยอยู่ในพื้นที่ปลอดภัยชั่วคราว 2 แห่งในจังหวัดตาก ได้มอบหมายให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดตากและโรงพยาบาลแม่สอด ร่วมกันดูแลทั้งด้านการเจ็บป่วยด้วยโรคต่างๆ การดูแลอนามัยสิ่งแวดล้อม เพื่อควบคุมป้องกันโรคระบาดที่อาจเกิดขึ้นจากการอยู่รวมกันจำนวนมากโดยเฉพาะการควบคุมป้องกันโรคโควิด 19 โดยให้เป็นไปตามหลักมนุษยธรรม
นายแพทย์ธงชัยกล่าวต่อว่า ได้รับรายงานสถานการณ์ล่าสุดการสู้รบไม่ส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนคนไทยบริเวณแนวชายแดนไทย พื้นที่ปลอดภัยชั่วคราว คอกวัวเมยโค้ง บ้านมหาวัน ตำบลมหาวัน อำเภอแม่สอด มีผู้หนีภัยชาวเมียนมาพักอยู่ 3,988 คน ส่วนพื้นที่ปลอดภัยชั่วคราว วัดบ้านหมื่นฤชัย บ้านหมื่นฤชัย ตำบลพบพระ อำเภอพบพระ มีผู้หนีภัยชาวเมียนมาพักอยู่ 52 คน ได้มอบหมายให้นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดส่งทีมแพทย์และพยาบาลเข้าไปดูแล ทั้งนี้ ยังไม่พบปัญหาโรคระบาด มีเพียงการเจ็บป่วยเล็กน้อย ส่วนกลางโดยกองสาธารณสุขฉุกเฉิน ได้เร่งจัดส่งวัสดุอุปกรณ์ในการป้องกันควบคุมโรค เช่น หน้ากากอนามัย/N95, ถุงมือ, ชุด Cover all, หมวกคลุมผม Face shield เป็นต้น เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานป้องกันควบคุมโรคในพื้นที่อย่างเต็มที่แล้ว และเตรียมพร้อมให้การสนับสนุนเพิ่มเติมหากได้รับการร้องขอ
หมอแม่สอดเล่าสถานการณ์
ด้านเพจหมอแม่สอด ที่เป็นทีมบุคลากรแพทย์และเจ้าหน้าที่ใน อ.แม่สอด ได้เล่าผ่านเพจ เมื่อวันที่ 24 ธันวาคม หลังจากเกิดสถานการณ์ขึ้นไม่นาน ดังนี้
"สวัสดีทุกท่านค่ะ หมอกลับมาแล้วพร้อมข่าวที่แย่มากๆ ว่าบริเวณประเทศเพื่อนบ้านเกิดภัยสงครามขนาดใหญ่
ขณะนี้มีผู้อพยพหลายพันข้ามน้ำมาสู่อำเภอแม่สอดแล้ว และกำลังจะข้ามมาอีกมากค่ะ
ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา รพ.แม่สอดร่วมกับ สสอ. แม่สอด ทำงานด่านหน้าเข้าตรวจและลำเลียงคนเจ็บเข้าสู่รพ. พร้อมทั้งจัดทีมแพทย์พยาบาลลงสนามดูทั้งผู้บาดเจ็บจากการสงคราม และผู้ป่วยโรคติดเชื้อโรคเรื้อรังทั้งหลาย
ทั้งภัยสงครามโดยตรง ทั้งการเจ็บป่วยที่เกิดจากติดเชื้อ โรคประจำตัว และภาวะกดดันประเดประดังเข้ามามากมาย
สัปดาห์ที่ผ่านมา หากผู้ป่วยและญาติท่านใดมารับบริการที่โรงพยาบาล และรู้สึกว่าเราดูอ่อนล้าและช้ากว่าปกติ พวกเราน้อมรับคำกล่าวโทษและขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ"
เป็นคำขอโทษจากใจผู้มีหน้าที่ดูแลสวัสดิภาพสาธารณสุข ที่ห่วงใยประชาชนเป็นที่สุด แม้จะเกิดจากเหตุที่ไม่ได้ก่อก็ตาม
"2 ปีกับการระบาดของโควิดในแม่สอด ร่วมกับเหตุการณ์ครั้งนี้ เราบอบช้ำมากจริงๆ"
ถ้อยคำที่บ่งบอกถึงสภาวะการณ์ที่เหล่าทีมแพทย์่ด่านหน้าเหล่านี้กำลังประสบ และส่งท้าย
เมื่อวานเราได้ประเมินสถานการณ์ และพบว่าบริเวณที่เจ้าหน้าที่ของเราเข้ารักษาผู้บาดเจ็บ ใกล้กับสมรภูมิมากเกินไป อยู่ในรัศมีที่อาจมีการทิ้งระเบิด แม้จะเสียใจที่ไม่อาจดูแลผู้ป่วยได้ทันทีเช่นเดิม แต่ก็ไม่อาจเสี่ยงให้เจ้าหน้าที่เสียชีวิตในหน้าที่ ณ จุดนั้นได้ จึงตัดสินใจถอยร่นมายังบริเวณที่คาดว่าน่าจะปลอดภัย (แต่ก็ยังไม่รู้ว่าปลอดภัยจริงไหม)"
คำขอโทษที่มาพร้อมความหวังต่อสถานการณ์
"เราขอกราบขอโทษผู้ป่วยทุกท่านล่วงหน้า ทั้งที่หนีภัยสงครามมา และประชาชนไทยทั่วไปที่อาจได้รับความล่าช้าในการดูแลรักษา เนื่องจากสถานการณ์ตอนนี้เกินกำลังเราจริงๆ
และหวังว่าสงครามจะสงบในเร็ววัน
ป.ล.อยากให้ทุกคนช่วยกันให้กำลังใจเจ้าหน้าที่รพ.สต. และ EMS กู้ชีพกู้ภัย เพราะเป็นด่านหน้าสุดๆจริงๆ"