ข่าวสุขภาพ
ค้นหา รพ.-คลินิก-ร้านยาทั่วไทย ร้านยาคุณภาพของฉัน บริการสุขภาพ คลินิกเอกชน งาน รพ.
บริการวัคซีนโควิด บริการตรวจโควิด
ตำแหน่งงาน
ข่าวสุขภาพทั่วไป ข่าวธุรกิจสุขภาพไทย ข่าวธุรกิจสุขภาพรอบโลก กิจกรรม-บริการ รพ.ต่างๆ สิทธิสุขภาพชาวไทย สาระความรู้สุขภาพ Health Economy ท่องเที่ยวสุขภาพ กิจกรรม ESG CSR กิจกรรม Event บริจาค
น่าสนใจไทยแลนด์
English
About us เผยแพร่เนื้อหา สถิติเว็บไซต์ สำรวจความเห็นสุขภาพ โฆษณา
healthserv.net@gmail.com

จับตาโอไมครอนสายพันธุ์ GK-HK.3 ปรากฏการณ์วิวัฒนาการใหม่ ยังไม่พบในไทย

จับตาโอไมครอนสายพันธุ์ GK-HK.3 ปรากฏการณ์วิวัฒนาการใหม่ ยังไม่พบในไทย HealthServ.net
จับตาโอไมครอนสายพันธุ์ GK-HK.3 ปรากฏการณ์วิวัฒนาการใหม่ ยังไม่พบในไทย ThumbMobile HealthServ.net

ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ มหิดล เผยข้อมูลว่าปัจจุบัน พบการระบาดของโควิดโอไมครอนสายพันธุ์ใหม่ 2 สายพันธุ์ ชื่อว่า “GK (XBB.1.5.70)” และ “ HK.3 (XBB.1.9.2.5.1.1.3)” ทั้งสองเป็นวิวัฒนาการของสายพันธุ์ XBB ด้วย "เทคนิคเคล็ดลับใหม่ (New trick)" เรียกว่าปรากฏการณ์ "พลิก (Flip)" ทำให้เกิดโควิดโอไมครอนสายพันธุ์ใหม่ GK และ HK.3 ที่กำลังระบาด

 
 
ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ ศิริราช เผยข้อมูลว่าปัจจุบัน พบการระบาดของโควิดโอไมครอนสายพันธุ์ใหม่ 2 สายพันธุ์ ชื่อว่า  “GK (XBB.1.5.70)”  และ “ HK.3 (XBB.1.9.2.5.1.1.3)”  ทั้งสองเป็นวิวัฒนาการของสายพันธุ์ XBB  ด้วย "เทคนิคเคล็ดลับใหม่ (New trick)" ของเชื้อ กล่าวคือ 
 
"มีการกลายพันธุ์ส่วนหนามสองตำแหน่งติดกัน (double mutation)  ช่วยให้จับกับผิวเซลล์ได้ดีขึ้น คาดว่าจะสามารถแพร่ระบาดได้เหนือกว่า XBB ทุกสายพันธุ์ รวมทั้งเอริส (EG.5.1) " 
 
 
จับตาโอไมครอนสายพันธุ์ GK-HK.3 ปรากฏการณ์วิวัฒนาการใหม่ ยังไม่พบในไทย HealthServ

 

โควิดสายพันธุ์เอริส Eris

 
ในปี 2565 โอไมครอนได้มีการผสมระหว่างสายพันธุ์ย่อยด้วยกันเอง เกิดเป็นสายพันธุ์ลูกผสมหรือรีคอมบิแนนท์ เช่นสายพันธุ์ย่อย BA.2.10.1 และ BA.2.75 เกิดเป็นสายพันธุ์ใหม่ “XBB” ตรวจพบครั้งแรกในเดือนสิงหาคม 2565 และต่อมาพบได้ในทุกประเทศ รวมถึงสหรัฐอเมริกา แคนาดา และออสเตรเลีย XBB สามารถแพร่เชื้อได้มากกว่า BA.2.75 ไม่พบการติดเชื้อรุนแรงไปกว่าโอไมครอนสายพันธุ์เดิม
 
XBB มีการกลายพันธุ์เป็นสายพันธุ์ย่อยอีกมากมาย ตัวอย่างเช่น XBB.1, XBB.1.5, XBB.1.16, XBB.1.9.1 
 
และ ล่าสุด EG.5.1 หรือ เอริส (Eris)
 
“EG.5.1” มีต้นตระกูลมาจาก XBB.1.9.2 โดยบริเวณหนามแหลมมีการกลายพันธุ์เพิ่มเติมตรงตำแหน่ง F456L
 
เอริสมีการแพร่กระจายได้มากกว่าสายพันธุ์อื่นที่ระบาดมาก่อนหน้า
 
ณ วันที่ 20 กรกฎาคม พบแพร่ระบาดเป็น 14.55% ของผู้ติดเชื้อโควิด-19 ทั้งหมดในสหราชอาณาจักร โดยเพิ่มขึ้นในอัตรา 20.51% ต่อสัปดาห์
 
ในสหรัฐอเมริกา เป็นสายพันธุ์ที่แพร่หลายมากที่สุด โดยเพิ่มขึ้นจาก 11.9% เป็น 17.3% ตั้งแต่ปลายเดือนกรกฎาคมถึงต้นเดือนสิงหาคม แซงหน้า XBB.1.16 ที่แพร่ระบาดมากที่สุดในสหรัฐอเมริกา


เอริส ("Eris") เทพีแห่งความขัดแย้งและความไม่ลงรอยกันของกรีกได้ถูกนำมาใช้เรียกโอมิครอนสายพันธุ์ล่าสุด “EG.5.1” อย่างไม่เป็นทางการ 
 
องค์การอนามัยโลก (WHO) แจ้งให้ทั่วโลกช่วยกันเฝ้าติดตามเอริสตั้งแต่วันที่ 19 กรกฎาคม 2566 
 
เอริสสืบเชื้อสายมาจากโอมิครอน EG.5 โดยมีลักษณะทางพันธุกรรมของสายพันธุ์ XBB.1.9.2 โดยบริเวณหนามแหลมมีการกลายพันธุ์เพิ่มเติมตรงตำแหน่ง S:F456L  เอริสมีการแพร่กระจายได้มากกว่าสายพันธุ์อื่นที่ระบาดมาก่อนหน้า
 
คาดการณ์ว่า EG.5 จะกลายเป็นร่มใหญ่ของโอมิครอนสายพันธุ์ย่อยที่กำลังจะแพร่ระบาดในอนาคต ศาสตราจารย์ที. ไรอัน เกรกอรี่ตั้งฉายา “EG.5.1”  ว่า "เอริส" เทพีแห่งความขัดแย้งและความไม่ลงรอยกันของกรีก
 
เจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาของสหรัฐฯได้กล่าวเมื่อเดือนมิถุนายน 2566 ว่าการฉีดวัคซีนในปลายปี 2566- ต้นปี 2567 ควรใช้วัคซีนสายพันธุ์เดียวหรือ “โมโนวาเลนต์” ที่มุ่งเป้าไปที่โอมิครอน XBB สายพันธุ์ย่อย XBB.1.5, XBB.1.16 หรือ XBB.2.3 สายพันธุ์ใดสายพันธุ์หนึ่งซึ่งเป็นสายพันธุ์หลักที่ระบาดไปทั่วประเทศสหรัฐและทั่วโลกในขณะนั้น
 
 
 

จากเอริส สู่ GK และ HK.3

 
นักวิทยาศาสตร์ได้พบว่าโควิดมีเคล็ดลับใหม่ (New trick) ช่วยให้ไวรัสยึดจับกับผิวเซลล์ได้ดีขึ้น เรียกว่า “Flip หรือ พลิก” กล่าวคือมีการกลายพันธุ์   สองตำแหน่งติดกัน (double mutation) คือ L455F และ F456L ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในระดับกรดอะมิโน “ฟีนิลอะลานีน (F)” และ “ลิวซีน (L)” โดยตำแหน่งที่กลายพันธุ์แรกเปลี่ยนจาก L เป็น F และตำแหน่งถัดมาพลิกเปลี่ยนจาก F เป็น L เมื่อรวมการเปลี่ยนแปลงทั้งสองเข้าด้วยกันจะทำให้ส่วนหนามของไวรัสจับกับผิวเซลล์ (ACE2) ได้แน่นขึ้น ทำให้ไวรัสแทรกเข้าสู่เซลล์ได้ดียิ่งขึ้น

ปรากฏการณ์ดังกล่าวถูกเรียกว่า “พลิก (Flip)”
 
ปรากฏการณ์ “พลิก (Flip)” นี้ทำให้เกิด XBB สองสายพันธุ์ใหม่เกิดขึ้น
 
1. XBB.1.5.70 (GK) มีต้นตระกูลมาจาก XBB.1.15 เกิดกลายพันธุ์บนส่วนหนามสองตำแหน่งติดกันคือ L455F และ F456L  และ 
 
2. XBB.1.9.2.5.1.1.3 (HK.3)  เกิดจากรุ่นพ่อ EG.5.1 มีการกลายพันธุ์บนส่วนหนามสองตำแหน่งติดกันคือ L455F และ F456L 
 
โอมิครอน GK (XBB.1.5.70) ถูกถอดรหัสพันธุกรรมทั้งจีโนมและแชร์บนฐานข้อมูลจีเสส (GISAID) แล้วทั้งสิ้น 410 ตัวอย่าง 
 
ส่วนโอมิครอน HK.3 (XBB.1.9.2.5.1.1.3) มีการถอดรหัสพันธุกรรมทั้งจีโนมและแชร์บนฐานข้อมูลจีเสสเพียง 2 ตัวอย่าง  ซึ่งต้องเฝ้าติดตามทั้งสองสายพันธุ์อย่างใกล้ชิดต่อไป  ยังไม่พบโอมิครอน “GK” และ HK.3 ในประเทศไทย
 
การวิวัฒนาการจาก XBB.1.15 มาเป็น  XBB.1.5.70 (GK) และการวิวัฒนาการจาก EG.5.1 มาเป็น XBB.1.9.2.5.1.1.3 (HK.3) เป็นวิวัฒนาการ “เบนเข้าหรือวิวัฒนาการเชิงบรรจบ (convergent evolution)” เป็นตัวอย่างของธรรมชาติในการกำหนดวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิต แสดงให้เห็นว่าแม้ไวรัสจากต่างสายพันธุ์ย่อย XBB.1.15 และ XBB.1.9.2.5.1.1.3 กลับมีวิวัฒนาการในลักษณะคล้ายคลึงกันคือมีการกลายพันธุ์บนส่วนหนามสองตำแหน่งติดกัน(double mutation) คือ L455F และ F456L เหมือนกัน เนื่องจากไวรัสทั้งสองอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ใกล้เคียงกันหรือเหมือนกัน
 
โอมิครอน XBB.1.5.70 (GK)  มีความได้เปรียบในการเติบโต-แพร่ระบาด (relative growth advantage)สูงกว่า EG.5.1 ประมาณ 27 %
 
ตัวอย่างเช่น 
 
- ปีกของค้างคาว นก และแมลงวิวัฒนาการมาอย่างอิสระ แต่ทั้งหมดนี้ทำหน้าที่เดียวกันคือช่วยให้สิ่งมีชีวิตบินได้
- ฉลาม (ปลา) และโลมา (สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม) ต่างมีรูปร่างคล้ายกันที่ช่วยให้ว่ายผ่านน้ำได้ดี นี่เป็นเพราะทั้งฉลามและโลมาอาศัยอยู่ในสภาพแวดล้อมทางน้ำและจำเป็นต้องสามารถว่ายน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ
 - XBB.1.15 และ EG.5.1  เกิดการกลายพันธุ์บนส่วนหนามสองตำแหน่งติดกันคือ L455F และ F456L  เหมือนกัน  เกิดเป็น XBB สายพันธุ์ใหม่ GK (XBB.1.5.70)  และ  HK.3 (XBB.1.9.2.5.1.1.3) อาจเป็นเพราะได้รับแรงกดดันจากวัคซีนเช่นเดียวกัน
ข่าว/บทความล่าสุด
เนื้อหาอ่านล่าสุด