ข่าวสุขภาพ
ข่าวสุขภาพทั่วไป ข่าวธุรกิจสุขภาพไทย ข่าว/กิจกรรม/สาระ รพ.ต่างๆ ข้อมูลบริการ รพ.ต่างๆ สาระความรู้สุขภาพ กิจกรรม ESG CSR Health Economy บริจาครพ.ต่างๆ
น่าสนใจไทยแลนด์
About us เผยแพร่เนื้อหา สถิติเว็บไซต์ สำรวจความเห็นสุขภาพ โฆษณา
healthserv.net@gmail.com

สตช.เร่งแก้ประวัติอาชญากร “ลบประวัติ ล้างความผิด คืนชีวิตให้ประชาชน” ล็อตแรก 7.8 ล้านราย

สตช.เร่งแก้ประวัติอาชญากร “ลบประวัติ ล้างความผิด คืนชีวิตให้ประชาชน” ล็อตแรก 7.8 ล้านราย Thumb HealthServ.net
สตช.เร่งแก้ประวัติอาชญากร “ลบประวัติ ล้างความผิด คืนชีวิตให้ประชาชน” ล็อตแรก 7.8 ล้านราย ThumbMobile HealthServ.net

สนง.ตำรวจแห่งชาติ แถลงข่าวความคืบหน้าการทำฐานระบบอาชญากรรม ฐานข้อมูลประวัติอาชญากร เพื่อประโยชน์ประชาชน คืนสิทธิ์ คืนความเป็นธรรมความบริสุทธิ์ให้กับประชาชน เริ่มต้นล็อตแรก 7.8 ล้านรายจาก 12 ล้านราย

สตช.เร่งแก้ประวัติอาชญากร “ลบประวัติ ล้างความผิด คืนชีวิตให้ประชาชน” ล็อตแรก 7.8 ล้านราย HealthServ

ล่าสุด พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ ได้สั่งการให้ พล.ต.ท.วีระ  จิรวีระ ผบช.สพฐ. และพล.ต.ต.ฐากูร นิ่มสมบูรณ์ ผบก.ทว. ดำเนินการตรวจสอบข้อมูลตามข้อสั่งการ ซึ่งจากข้อมูลสถิติ ณ วันที่ 28 เมษายน 2565 มีจำนวนประวัติที่ยังไม่ได้คัดแยกผลคดีกว่า 12.4 ล้านราย ในจำนวนนี้ พนักงานสอบสวนได้ส่งรายงานผลคดีถึงที่สุดให้กองทะเบียนประวัติอาชญากรทราบแล้ว จำนวน 7.8 ล้านราย คงเหลือที่พนักงานสอบสวนจะต้องรายงานผลคดีถึงที่สุดเพิ่มเติมอีกจำนวน 4.6 ล้านราย โดยได้มอบหมายให้ทุกสถานีตำรวจเร่งสำรวจข้อมูลคดีอาญาถึงที่สุดในความรับผิดชอบ โดยมุ่งเน้นการคัดแยกประวัติอาชญากรรมที่เข้าเกณฑ์ ในกรณีดังต่อไปนี้ 
   (1) คดีที่พนักงานอัยการสั่งเด็ดขาดไม่ฟ้อง หรือสั่งยุติการดำเนินคดีอาญา ตามระเบียบว่าด้วยการดำเนินคดีอาญาของพนักงานอัยการ 
 
   (2) ศาลสั่งยกฟ้อง หรือไม่ประทับรับฟ้อง 
 
   (3) ศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุดให้ยกฟ้อง 
 
 พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า โดยตามระเบียบการปฏิบัติของตำรวจนั้นได้กำหนดให้นำข้อมูลและลายพิมพ์นิ้วมือผู้ต้องหามาจัดเก็บลงในฐานข้อมูลทะเบียนประวัติอาชญากรไว้ก่อน แม้ต่อมาพนักงานอัยการจะมีคำสั่งไม่ฟ้องหรือศาลมีคำพิพากษายกฟ้อง ก็ไม่ได้นำรายชื่อของผู้ต้องหาหรือจำเลยนั้นออกจากทะเบียนประวัติอาชญากรโดยอัตโนมัติ แต่ผู้ต้องหาหรือจำเลยจะต้องมายื่นคำร้องต่อกองทะเบียนประวัติอาชญากรเพื่อคัดชื่อออกเอง ซึ่งเป็นการสร้างภาระให้กับประชาชน จึงได้มีการจัดทำโครงการ “ลบประวัติ ล้างความผิด คืนชีวิตให้ประชาชน” ที่ พล.ต.อ.สุวัฒน์ ได้สั่งการไว้ เพื่อคืนความเป็นธรรมให้แก่ประชาชนผู้บริสุทธิ์ให้สามารถกลับไปใช้ชีวิตตามปกติสุขได้ในสังคม  โดยการคัดแยกหรือทำลายรายการข้อมูลทะเบียนประวัติอาชญากรของบุคคลที่ถูกบันทึกไว้ในประวัติอาชญากรที่เข้าหลักเกณฑ์ตามระเบียบสำนักงานตำรวจแห่งชาติให้แก่ประชาชน โดยไม่ต้องเดินทางมาร้องขอด้วยตนเอง ซึ่งเมื่อดำเนินการแล้วเสร็จแล้ว จะมอบหมายสายตรวจในพื้นที่แจ้งให้ประชาชนผู้เป็นเจ้าของประวัติทราบต่อไป

 
 


ในขณะที่มีการดำเนินการโครงการดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจยังตรวจสอบพบว่า มีผู้ไม่ประสงค์ดีฉวยโอกาสที่ประชาชนได้รับความเดือดร้อนจากเรื่องดังกล่าว แสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบด้วยการหลอกลวงว่าสามารถดำเนินการลบประวัติให้ได้ ในการนี้ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ จึงได้สั่งการให้ชุดปฏิบัติการเร่งสืบสวนติดตาม จนสามารถจับกุมผู้ต้องหา จำนวน 2 รายดังนี้  


กรณีที่ 1 
 ชุดปฏิบัติการได้รับแจ้งจากกองทะเบียนประวัติอาชญากรว่า ได้มี นายวรพล ทรงสละบุญ อายุ 28 ปี อยู่บ้านเลขที่ 31/1383 หมู่ 2 ต คลองสาม อ คลองหลวง จ ปทุมธานี ทำการโพสข้อความผ่านเฟซบุ๊ค กลุ่มไรเดอร์ต่างๆ ว่าสามารถตรวจสอบและลบข้อมูลประวัติอาชญากรรมของสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ โดยที่ไม่ต้องเดินทางมาด้วยตัวเอง ซึ่งขัดกับหลักการปฏิบัติที่ถูกต้อง เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ทำการสืบสวน โดยจากการสืบสวนพบว่านายวรพล หรือ หลุยส์ฯ อ้างว่าสามารถจัดทำเอกสารตรวจสอบข้อมูลประวัติอาชญากรรม และสามารถลบข้อมูลทะเบียนประวัติอาชญากรรมของสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้  โดยจะคิดค่าบริการรายละ 200 – 2,000 บาท แต่จากการตรวจสอบพบว่าเอกสารที่นายวรพล หรือ หลุยส์ฯ จัดทำมานั้นเป็นเอกสารราชการที่ถูกปลอมแปลงขึ้นมาทั้งฉบับ และไม่ได้มีการลบข้อมูลประวัติอาชญากรรมตามที่กล่าวอ้างได้จริง ซึ่งจากการหลอกลวงดังกล่าวมีผู้เสียหายหลงเชื่อและเสียเงินค่าบริการให้กับนายวรพล หรือ หลุยส์ฯ จำนวนหลายราย ประกอบกับกรณีดังกล่าวก่อให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้รวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติหมายจับต่อศาลอาญากรุงเทพใต้ นายวรพล หรือหลุยส์ฯ ในข้อหา “พยายามฉ้อโกงประชาชน , ปลอมและใช้เอกสารราชการปลอม , นำเข้าข้อมูลอันเท็จสู่ระบบคอมพิวเตอร์ฯ” และได้เข้าทำการจับกุมนายวรพล หรือหลุยส์ นำส่งพนักงานสอบสวน สน.ยานนาวา เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป  


กรณีที่ 2 
 ได้มีพลเมืองดี เข้ามาสอบถามทางเพจของกองทะเบียนประวัติอาชญากร พร้อมส่งเอกสารการตรวจสอบประวัติมาให้ดู จากการตรวจสอบแล้วพบว่าเป็นเอกสารราชการปลอม กองทะเบียนประวัติอาชญากรจึงได้ไปแจ้งความไว้ที่    สน.ปทุมวัน และจากการสืบสวนทำให้ทราบว่า ผู้ที่ทำเอกสารปลอมขึ้นมานั้นคือ นายจำลอง ยิ่งตระกูล อายุ 58 ปี อยู่บ้านเลขที่ 55 หมู่ 2 ต.ขนอนหลวง อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งเป็นพนักงานชั่วคราวของบริษัทรักษาความปลอดภัยแห่งหนึ่ง ในจังหวัดนนทบุรี โดยนายจำลองฯ รับว่าตนเองได้ทราบว่าทางบริษัทจะต้องไปเอาเอกสารการตรวจสอบประวัติพนักงานจากกองทะเบียนประวัติอาชญากร เพื่อใช้ในการเบิกเงิน ตนเองคิดว่าสามารถทำขึ้นมาเองได้ เนื่องจากตนเองเจอเอกสารการตรวจสอบประวัติเก่าตั้งแต่ปี 2562 จึงนำข้อความมาตัดแปะ และถ่ายเอกสารหลายครั้งเพื่อปกปิดร่องรอยการปลอมแปลง เมื่อได้รับทราบว่าทางกองทะเบียนประวัติอาชญากรมีการแจ้งความ จึงได้เข้ามามอบตัวที่ สน.ปทุมวัน โดยพนักงานสอบสวนแจ้งข้อกล่าวหาว่า ปลอมและใช้เอกสารราชการปลอม  ในชั้นสอบสวนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา  

 
 ในการนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขอความร่วมมือพี่น้องสื่อมวลชน ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชน ได้ทราบถึงพฤติการณ์ในการกระทำผิดลักษณะดังกล่าว เพื่อให้ประชาชนโดยทั่วไปได้ช่วยกันสอดส่องในการแอบอ้างเกี่ยวกับการแก้ไขประวัติมิให้ตกเป็นเหยื่อของการหลอกลวง หากประชาชนพบเห็นการกระทำผิดในลักษณะดังกล่าว สามารถแจ้งข้อมูลมายัง กองทะเบียนประวัติอาชญากรโดยตรง สามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ 02-2051315 ในเวลาราชการ 08.30-16.30 น.หรือ www.crd-check.com

ระบบตรวจสอบประวัติ โดยกองทะเบียนประวัติอาชญากร LINK

ระบบตรวจสอบประวัติ โดยกองทะเบียนประวัติอาชญากร สตช.เร่งแก้ประวัติอาชญากร “ลบประวัติ ล้างความผิด คืนชีวิตให้ประชาชน” ล็อตแรก 7.8 ล้านราย
ระบบตรวจสอบประวัติ โดยกองทะเบียนประวัติอาชญากร สตช.เร่งแก้ประวัติอาชญากร “ลบประวัติ ล้างความผิด คืนชีวิตให้ประชาชน” ล็อตแรก 7.8 ล้านราย
กองทะเบียนประวัติอาชญากร สนง.ตำรวจแห่งชาติ

ข่าว/บทความล่าสุด
เนื้อหาอ่านล่าสุด