แมกนีเซียมมีประโยชน์ต่อร่างกาย
ดังนี้
- ช่วยให้ระบบประสาทและกล้ามเนื้อทำงานได้อย่างสมบูรณ์แบบ
- ช่วยรักษาความหนาแน่นของกระดูก
- ช่วยในการสร้างกระดูกและดีเอ็นเอ
- ช่วยรักษาระดับความดันโลหิตและกลูโคสให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม
นอกจากนี้ แมกนีเซียมยังช่วยป้องกันโรคเบาหวานและโรคหัวใจและหลอดเลือดได้อีกด้วย โดยทั่วไปแล้ว การรับประทานอาหารที่มีแคลเซียม วิตามินดี หรือโปรตีนสูงจะทำให้ร่างกายต้องการแมกนีเซียมมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ควรทราบว่าการรับประทานอาหารเสริมแมกนีเซียมในระยะนี้อาจส่งผลเสียได้ [carehealth]
สัญญาณของการขาดแมกนีเซียม
ภาวะขาดแมกนีเซียมพบได้บ่อยมาก โดยมีผู้ใหญ่ในสหรัฐอเมริกาประมาณ 50 เปอร์เซ็นต์ได้รับผลกระทบ โดยพบได้บ่อยเป็นพิเศษในผู้สูงอายุ และพบได้บ่อยในผู้หญิง “แม้ว่าแมกนีเซียมจะมีบทบาทสำคัญในการทำงานหลายอย่าง แต่โดยปกติแล้วจะไม่ตรวจพบแมกนีเซียมในการตรวจเลือดตามปกติ” ดร. ฮาบาช-เบเซโซ กล่าว “อย่างไรก็ตาม หากผู้ป่วยมีอาการบางอย่างและ/หรือรับประทานยาที่ส่งผลต่อการดูดซึมแมกนีเซียม เช่น ยาที่ยับยั้งการหลั่งกรดในกระเพาะอาหาร (PPI) เช่น ไพรโลเซคและเน็กเซียม หรือยาขับปัสสาวะ (ยาขับปัสสาวะ) เราจะสั่งให้ทำการตรวจเลือดเพื่อตรวจระดับแมกนีเซียม” [
University Hospital]
อาการของการขาดแมกนีเซียมอาจรวมถึง:
- อาการตะคริวและกล้ามเนื้อกระตุก
- อาการท้องเสียหรืออาเจียน
- ความเหนื่อยล้าและพลังงานต่ำ
- นอนไม่หลับ
- ความวิตกกังวลและ/หรือภาวะซึมเศร้าที่เพิ่มขึ้น
- อาการดังกล่าวข้างต้นอาจเป็นสัญญาณบ่งชี้ถึงความผิดปกติทางการแพทย์หลายอย่าง รวมถึงภาวะขาดแมกนีเซียม หากคุณพบอาการดังกล่าว สิ่งสำคัญคือต้องพบแพทย์เพื่อตรวจประเมินอาการโดยละเอียด
แมกนีเซียม มี 6 ชนิด
ดังนี้
1. แมกนีเซียมไกลซิเนต (Magnesium Glycinate)
ถ้าคุณมีปัญหาเรื่องความเครียด นอนไม่หลับ หรือกล้ามเนื้อเกร็งบ่อย ๆ แมกนีเซียมไกลซิเนตคือตัวเลือกที่เหมาะที่สุดนะครับ เพราะ แมกนีเซียมชนิดนี้ดูดซึมได้ดี และยังช่วยให้คุณรู้สึกผ่อนคลาย เพราะมันจับกับกรดอะมิโนที่ชื่อไกลซีนซึ่งช่วยลดความเครียดและทำให้หลับสบาย เหมาพกับคนที่มีปัญหาการนอนหลับเรื้อรัง หรือรู้สึกเครียดง่าย อีกทั้งยังช่วยลดอาการกล้ามเนื้อกระตุกในผู้ที่ต้องออกกำลังกายหนัก ๆ ข้อดีของตัวนี้คือไม่ทำให้ระบบย่อยอาหารระคายเคือง และช่วยบำรุงสุขภาพโดยรวมได้ดี
2.แมกนีเซียมซิเทรต (Magnesium Citrate)
ใครที่มีปัญหาเรื่องการขับถ่ายบ่อย ๆ หรือรู้สึกท้องผูกบ่อย แมกนีเซียมซิเทรตก็เป็นอีกตัวช่วยนะครับ เพราะมันทำงานเหมือนยาระบายอ่อน ๆ ช่วยกระตุ้นการขับถ่ายได้ดี เหมาะกับคนที่มีอาการท้องผูกหรือรู้สึกแน่นท้องเป็นประจำ แต่ข้อควรระวังคือ หากทานมากเกินไป อาจทำให้เกิดท้องเสียหรือไม่สบายท้องได้
3. แมกนีเซียมออกไซด์ (Magnesium Oxide)
หากคุณมีอาการกรดไหลย้อน ท้องอืด หรือไมเกรน แนะนำเป็นแมกนีเซียมออกไซด์ เพราะมันช่วยบรรเทาอาการได้ในระยะสั้น ถึงจะดูดซึมได้น้อยเมื่อเทียบกับชนิดอื่น อาจไม่เพียงพอต่อการบำรุงร่างกายในระยะยาว แต่การใช้ในระยะสั้นๆ ก็ถือว่าตอบโจทย์ครับ
4.แมกนีเซียมแอล-ทรีโอเนต (Magnesium L-Threonate)
ถ้าคุณอยากเสริมสมอง เพิ่มความจำ หรือเพิ่มสมาธิ แมกนีเซียมแอลทรีโอเนตเป็นตัวเลือกที่ช่วยได้ดีนะครับ เพราะมันสามารถข้ามแนวกั้นระหว่างเลือดและสมอง (Blood-Brain Barrier) ได้ดี ส่งผลโดยตรงต่อสมอง ช่วยให้การทำงานของสมองมีประสิทธิภาพมากขึ้น เหมาะกับคนที่ต้องการเพิ่มประสิทธิภาพทางด้านจิตใจ หรือในผู้สูงอายุที่กังวลเรื่องสมองเสื่อม และถึงแม้ว่าราคาจะสูง แต่ผลลัพธ์ที่ได้คุ้มค่า โดยเฉพาะในเรื่องของสมาธิและความจำ
5.แมกนีเซียมทอเรต (Magnesium Taurate)
สำหรับคนที่ใส่ใจเรื่องสุขภาพหัวใจและหลอดเลือด แนะนำแมกนีเซียมทอเรตนะครับ เพราะมันช่วยควบคุมความดันโลหิตและลดความเสี่ยงของโรคหัวใจ ทอเรตยังช่วยเสริมสร้างการทำงานของระบบประสาทและหลอดเลือดหัวใจได้ดี เหมาะกับคนที่มีความเสี่ยงต่อโรคหัวใจ หรือผู้ที่ต้องการดูแลสุขภาพหลอดเลือด
6. แมกนีเซียมคลอไรด์ (Magnesium Chloride)
แมกนีเซียมชนิดนี้ เหมาะกับการฟื้นฟูระดับแมกนีเซียมทั่วไปในร่างกาย และพบบ่อยในรูปแบบครีมหรือสเปรย์สำหรับผิวหนัง เพราะช่วยดูแลสุขภาพผิวและเส้นผมได้ดี การดูดซึมผ่านผิวหนังยังเป็นทางเลือกสำหรับคนที่มีปัญหาในการรับประทานอาหารเสริม เหมาะกับคนที่ต้องการดูแลสุขภาพผิว หรือผู้ที่ต้องการฟื้นฟูระดับแมกนีเซียมทั่วไป แต่ก็มีข้อควรระวังนะครับ ควรใช้ในปริมาณที่เหมาะสม เพราะการรับประทานเกินความจำเป็นอาจท้องเสียได้
ข้อมูลจาก
เพจหมอเจด