ข่าวสุขภาพ
ค้นหา รพ.-คลินิก-ร้านยาทั่วไทย ร้านยาคุณภาพของฉัน บริการสุขภาพ คลินิกเอกชน งาน รพ.
บริการวัคซีนโควิด บริการตรวจโควิด
ตำแหน่งงาน
ข่าวสุขภาพทั่วไป ข่าวธุรกิจสุขภาพไทย ข่าวธุรกิจสุขภาพรอบโลก กิจกรรม-บริการ รพ.ต่างๆ สิทธิสุขภาพชาวไทย สาระความรู้สุขภาพ Health Economy ท่องเที่ยวสุขภาพ กิจกรรม ESG CSR กิจกรรม Event บริจาค
น่าสนใจไทยแลนด์
English
About us เผยแพร่เนื้อหา สถิติเว็บไซต์ สำรวจความเห็นสุขภาพ โฆษณา
healthserv.net@gmail.com

สธ.ถ่ายโอนภารกิจ รพ.สต./สอน. ไปท้องถิ่นแล้ว 4,275 แห่ง

สธ.ถ่ายโอนภารกิจ รพ.สต./สอน. ไปท้องถิ่นแล้ว 4,275 แห่ง HealthServ.net
สธ.ถ่ายโอนภารกิจ รพ.สต./สอน. ไปท้องถิ่นแล้ว 4,275 แห่ง ThumbMobile HealthServ.net

หมอชลน่าน ประชุมบอร์ดระบบสุขภาพปฐมภูมิ รายงานการถ่ายโอนภารกิจโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) และสถานีอนามัยเฉลิมพระเกียรติฯ (สอน.) ให้แก่องค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ถ่ายโอนสำเร็จแล้ว 4,275 แห่ง จากทั้งหมด 9,872 แห่ง และรับทราบแผนการขับเคลื่อนระบบสุขภาพปฐมภูมิ พ.ศ. 2567 และนโยบายการแพทย์ปฐมภูมิ

 8 มกราคม 2567) ที่กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการระบบสุขภาพปฐมภูมิ ครั้งที่ 1/2567 โดยมี นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข และผู้บริหารที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม


          นพ.ชลน่านกล่าวว่า ประเทศไทยเป็นประเทศแรกๆ ที่พัฒนาระบบสุขภาพปฐมภูมิให้เป็นเครื่องมือสำคัญในการขับเคลื่อนระบบสุขภาพ โดยออก พ.ร.บ.ระบบสุขภาพปฐมภูมิ พ.ศ. 2562 มุ่งเน้นพัฒนา 3 ด้าน คือ 1.ระบบการจัดบริการปฐมภูมิ เปลี่ยนจากดูแลเป็นโรค/อวัยวะ มาเน้นดูแล “คน” แบบองค์รวม โดยมีแพทย์เวชศาสตร์ครอบครัวคู่ประชาชน เป็นที่ปรึกษาด้านสุขภาพ 2.ระบบข้อมูลสารสนเทศนำเทคโนโลยีมาใช้พัฒนาระบบบริการปฐมภูมิ ให้เชื่อมโยงและแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างหน่วยบริการได้ รวมถึงคืนข้อมูลให้กับประชาชน และ 3.สร้างการมีส่วนร่วมจัดบริการสุขภาพปฐมภูมิ ตามกฎหมายว่าด้วยการกระจายอำนาจ
 

เข้าสู่ปีที่สองของการถ่ายโอน 

นพ.ชลน่านกล่าวถึงภารกิจการถ่ายโอน รพ.สต. และ สอน.ในสังกัด สู่องค์กรปกครองท้องถิ่น ว่า 

       “ปี 2567 เป็นปีที่ 2 ของการถ่ายโอนภารกิจโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) และสถานีอนามัยเฉลิมพระเกียรติฯ (สอน.) ให้แก่องค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ซึ่งยังถือว่าอยู่ในระยะเปลี่ยนผ่าน ภารกิจและความท้าทาย คือ การพัฒนาและเป็นพี่เลี้ยงให้ รพ.สต. และ สอน. สามารถจัดบริการปฐมภูมิที่มีคุณภาพ มาตรฐาน ประชาชนเข้าถึงบริการได้โดยไม่ได้รับผลกระทบ และทำให้บริการสุขภาพปฐมภูมิเป็นบริการพื้นฐานของคนไทยทุกคนมีกลไกการเงินการคลังสุขภาพที่สนับสนุนการจัดบริการสุขภาพปฐมภูมิ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดกับประชาชน และต้องเกิดความเท่าเทียมกันทั้ง 3 กองทุนสุขภาพ คือ หลักประกันสุขภาพฯ ประกันสังคม และสวัสดิการข้าราชการ” นพ.ชลน่านกล่าว



 

ถ่ายโอนแล้ว  4,275 แห่ง





 
        ในที่ประชุมได้รับทราบถึงสถานการณ์ถ่ายโอนภารกิจ รพ.สต./สอน. ซึ่งมีทั้งหมด 9,872 แห่ง ถ่ายโอนไปแล้ว 4,275 แห่ง โดยในจำนวนนี้ขึ้นทะเบียนเป็นหน่วยบริการปฐมภูมิและเครือข่ายหน่วยบริการปฐมภูมิ (PCU/NPCU) ตาม พ.ร.บ.ระบบสุขภาพปฐมภูมิ พ.ศ. 2562  เพียง 1,005 แห่ง คิดเป็นร้อยละ 23.51 ยังไม่ขึ้นทะเบียนถึงร้อยละ 76.49

        ซึ่ง อบจ.และคณะกรรมการสุขภาพระดับพื้นที่ (กสพ.) ต้องให้การส่งเสริม สนับสนุน และพัฒนาให้ รพ.สต.ในสังกัดสามารถขึ้นทะเบียนเป็นหน่วยบริการปฐมภูมิและเครือข่ายฯ ตามมาตรา 30

        ส่วนที่ขึ้นทะเบียนแล้วก็ต้องจัดบริการสุขภาพปฐมภูมิที่มีคุณภาพมาตรฐานตามกฎหมาย และได้เห็นชอบให้สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข และผู้แทนกระทรวงมหาดไทย รับข้อเสนอเชิงนโยบายจากงานวิจัย ที่ดำเนินการโดยสำนักงานพัฒนานโยบายสุขภาพระหว่างประเทศ (IHPP) และสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) ไปใช้ในการพัฒนาระบบบริการสุขภาพปฐมภูมิ เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงบริการสุขภาพปฐมภูมิอย่างทั่วถึงและเป็นธรรม 
 

แผนการขับเคลื่อนระบบสุขภาพปฐมภูมิ


          นพ.ชลน่านกล่าวอีกว่า ที่ประชุมยังรับทราบแผนการขับเคลื่อนระบบสุขภาพปฐมภูมิ พ.ศ. 2567 และนโยบาย “การแพทย์ปฐมภูมิ” ประกอบด้วย 3 โครงการสำคัญ คือ

          1.โครงการตรวจเลือด รับยา Telemedicine ใกล้บ้าน

          2. อำเภอสุขภาพดี 

          3. อสม.มีศักยภาพในการจัดบริการสุขภาพปฐมภูมิขั้นพื้นฐานโดยใช้เทคโนโลยีดิจิทัล เป็น Smart อสม.


          โดยปี 2567 มุ่งยกระดับและเพิ่มประสิทธิภาพระบบบริการ ตั้งแต่ส่งเสริมป้องกัน ตรวจวินิจฉัย ดูแลรักษา ส่งต่อ และเชื่อมโยงฐานข้อมูลทั้งหมด ส่งเสริมและสนับสนุนการบริหารจัดการ อำนวยความสะดวกด้วยบริการ Health At Home 9 กลุ่มเป้าหมาย ได้แก่ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง ผู้ป่วยสุขภาพจิตและสารเสพติด การดูแลแบบประคับประคอง ผู้ป่วยระยะกลาง ผู้ป่วยระยะยาว ผู้พิการ ผู้สูงอายุ บริการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรค และการควบคุมโรคติดต่อ พร้อมทั้งจะดำเนินการเพิ่มการขึ้นทะเบียนหน่วยบริการปฐมภูมิ ให้มีแพทย์เวชศาสตร์ครอบครัวให้บริการร่วมกับทีมสหสาขาวิชาชีพ 
 
ข่าว/บทความล่าสุด
เนื้อหาอ่านล่าสุด