ซึ่งการทำศัลยกรรมตาร่วมกับจมูก ถือว่าเป็น 2 ส่วนยอดนิยมที่คนมักจะทำร่วมกัน เนื่องจากมีข้อดีทำให้แผลบวมช้ำหายดีในระยะเวลาไล่เลี่ยกัน เช่น การผ่าตัดศัลยกรรมตา ใช้ระยะเวลาพักฟื้นประมาณ 3-5 วัน การผ่าตัดศัลยกรรมจมูก ใช้ระยะเวลาพักฟื้นประมาณ 1 สัปดาห์ แต่ก็มีข้อจำกัดในบางศัลยกรรมที่ไม่สามารถทำร่วมกันได้ เช่นกรณีคนไข้จัดฟัน หากต้องการแก้ปัญหายิ้มแล้วเห็นเหงือก ก็อาจติดขัดในเรื่องอุปกรณ์การจัดฟัน ทำให้ไม่สามารถทำการผ่าตัดในขณะที่จัดฟันได้ หรือจะเป็นการผ่าตัดเลื่อนกราม ก็ไม่สามารถทำร่วมกับการตัดปีกจมูกได้ ดังนั้น การทำศัลยกรรมหลายส่วนพร้อมกัน จึงขึ้นอยู่ที่การพิจารณาถึงความเหมาะสมจากปัจจัยรอบด้านโดยคำนึงถึงความปลอดภัยสูงสุดของคนไข้เป็นสิ่งสำคัญ
นพ.ธนัญชัย อัศดามงคล แพทย์เฉพาะทางด้านศัลยกรรมตกแต่งและผู้อำนวยการศูนย์ศัลยกรรมความงามโรงพยาบาลบางมด กล่าวถึงการทำศัลยกรรมรอบดวงตาว่า ที่ศูนย์ศัลยกรรมความงามโรงพยาบาลบางมด ใช้ "เทคนิคบางมด" ในการทำศัลยกรรมตาสองชั้น เพื่อแก้ปัญหาตาชั้นเดียว, ไม่มีชั้นตา, ชั้นตาไม่ชัด, ตาสองชั้นหลบใน, ชั้นตาไม่เท่ากัน, มีไขมันที่เปลือกตา หรือเปลือกตาหนา รวมถึงผู้สูงอายุหรือวัยกลางคนที่มีปัญหาหนังตาหย่อนคล้อย ซึ่งเเพทย์จะตัดเย็บชั้นตาจากด้านใน เมื่อหลับตาจะไม่เห็นรอยแผล ที่สำคัญแผลหายเร็ว ดวงตาโต คมสวย เเละมีมิติ ใช้เวลาการผ่าตัด 20-30 นาที สามารถกลับบ้านได้ รวมทั้งยังมีการทำศัลยกรรมผ่าตัดถุงใต้ตา, ตาล่าง และดูดไขมันใต้ตา ซึ่งเเพทย์จะผ่าตัดเอาไขมันชั้นตื้นออก แต่คงไขมันชั้นลึกไว้ เพื่อให้ดูเป็นธรรมชาติ ใช้เวลาผ่าตัดไม่นาน สามารถกลับบ้านได้ และอีกหนึ่งศัลยกรรมตาที่คนนิยมทำกันมากในปัจจุบัน คือ การดึงหางตา ช่วยแก้ไขปัญหาริ้วรอยรอบดวงตา ตีนกา ความเหี่ยวย่น เเละหางตาตก เเพทย์จะฉีดยาชาที่ผิวหนังบริเวณขมับเเละทำการผ่าตัดใกล้ไรผม เพื่อดึงผิวหนังกล้ามเนื้อที่หย่อนให้ตึงขึ้น ซึ่งจะมีรอยเเผลเล็กประมาณ 3-4 เซนติเมตร ซ่อนอยู่บริเวณไรผม สามารถนำผมลงมาปิดบังได้โดยไม่มีใครเห็นรอยแผล ใช้เวลาการผ่าตัดไม่เกิน 1 ชั่วโมง สามารถกลับบ้านได้ มีอาการบวมช้ำเล็กน้อย โดยจะยุบบวมเข้าสู่ปกติประมาณ 1 - 2 สัปดาห์
ขณะที่การศัลยกรรมจมูก นพ.ธนัญชัย กล่าวว่า จะเเบ่งออกเป็น 3 ส่วน ส่วนแรกเป็นการใช้เนื้อเยื่อของตัวเอง ได้แก่ กระดูกซี่โครง เเละกระดูกอ่อนหลังหู ส่วนที่ 2 การใช้วัสดุภายนอก ได้แก่ การใช้ซิลิโคน ที่ใช้ในทางการแพทย์ (Medical grade) ซึ่งเป็นวิธีที่ได้รับความนิยมสูง เนื่องจากสามารถกำหนดรูปทรงจมูกได้ตรงตามความต้องการมากกว่า ส่วนที่ 3 การแก้ไขจมูก ด้วยการนำซิลิโคนออกเพื่อเปลี่ยนทรง โดยการเสริมจมูกด้วย “เทคนิคบางมด” จะเป็นเทคนิคเฉพาะที่เน้นความเป็นธรรมชาติ ตีโค้งบริเวณสันจมูก และทำปลายให้เป็นทรงหยดน้ำเล็กน้อย ซึ่งแพทย์จะทำการเลือกซิลิโคนทางการแพทย์แบบอ่อนนุ่ม บิดได้ นำมาเสริมบริเวณชั้นใต้เยื่อหุ้มกระดูก พร้อมทั้งออกเเบบความยาวของจมูกให้เหมาะสมรับกับใบหน้า ด้วยเทคนิคใหม่ล่าสุด “Hybrid open rhinoplasty” ข้อดีของเทคนิคนี้ จะช่วยตอบโจทย์ในทุกปัญหาของการเสริมจมูก โดยเป็นการหลอมรวมนำข้อดีจากทุกเทคนิคมาไว้ในหนึ่งเดียว มีการผสมผสานการผ่าตัดเสริมจมูกโดยใช้เนื้อเยื่อตนเองร่วมกับการใช้แท่งซิลิโคนแบบนิ่มพิเศษ และแพทย์จะทำการตกแต่งซิลิโคนให้เหมาะสมกับโครงสร้างจมูกของแต่ละบุคคลและเสริมบริเวณสันจมูก จากนั้นจะใช้กระดูกอ่อนจากส่วนอื่นของร่างกาย เพื่อนำมารองปลายจมูก โดยกระดูกอ่อนที่นิยมนำมาใช้ ได้แก่ กระดูกอ่อนหลังหู กระดูกอ่อนแกนจมูก และกระดูกอ่อนซี่โครง ส่วนการรองปลายด้วยกระดูกอ่อนจะช่วยยืดจมูกให้ปลายพุ่งสวยมากกว่าและป้องกันการทะลุ ผ่านการผ่าตัดเปิดปลายจมูกด้วยเทคนิคแบบ Open rhinoplasty และตกแต่งปลายจมูกด้วยการเย็บ Interdomal suture คือการเย็บกระดูกอ่อนบริเวณปลายจมูกเข้าหากัน เพื่อผลลัพธ์ทรงจมูกที่ดูเป็นธรรมชาติ และเหมาะสมกับใบหน้าของคนไข้
เมื่อทราบแบบนี้หลายคนคงสบายใจ หากต้องการจะทำศัลยกรรมตากับจมูกให้สวยจบครบในครั้งเดียว แต่ไม่ว่าจะศัลยกรรมประเภทไหน หรือทำกี่ส่วน ก็ไม่สำคัญเท่าเรื่องความปลอดภัย รวมทั้งการเตรียมความพร้อมทั้งก่อนและหลังทำศัลยกรรมให้ครบรอบด้าน นอกจากนี้ ยังต้องเป็นศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์สูงในด้านหัตถการ จึงจะทำให้เป็นการทำศัลยกรรมที่สวยและปลอดภัยมากขึ้น
ปรึกษาเรื่องศัลยกรรมความงาม โทร. 0-2867-0606 ต่อ 1200-1204