ข่าวสุขภาพ
ข่าวสุขภาพทั่วไป ข่าวธุรกิจสุขภาพไทย ข่าว/กิจกรรม/สาระ รพ.ต่างๆ ข้อมูลบริการ รพ.ต่างๆ สาระความรู้สุขภาพ กิจกรรม ESG CSR Health Economy บริจาครพ.ต่างๆ
น่าสนใจไทยแลนด์
About us เผยแพร่เนื้อหา สถิติเว็บไซต์ สำรวจความเห็นสุขภาพ โฆษณา
healthserv.net@gmail.com

อัปเดตเทรนด์งานผิว Skin Booster อยากเสริมผิวให้ใส ดูสุขภาพดีเลือก Skin Booster ตัวไหนดี?

อัปเดตเทรนด์งานผิว Skin Booster อยากเสริมผิวให้ใส ดูสุขภาพดีเลือก Skin Booster ตัวไหนดี?  Thumb HealthServ.net
อัปเดตเทรนด์งานผิว Skin Booster อยากเสริมผิวให้ใส ดูสุขภาพดีเลือก Skin Booster ตัวไหนดี?  ThumbMobile HealthServ.net

เพราะสุขภาพและความงามเป็นสิ่งที่มาคู่กัน เชื่อว่าหลายๆ คน โดยเฉพาะในกลุ่มสาวๆ ต่างหันมาโฟกัสที่การดูแลตนเอง ซึ่งไม่เพียงแค่เน้นการออกกำลังกาย เลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ให้ร่างกายแข็งแรง ไม่เจ็บป่วยง่ายๆ มี Body เฟิร์มกระชับเท่านั้น แต่ในเรื่องของดูแลผิวพรรณให้เรียบเนียน กระจ่างใส ไร้ปัญหาผิวก็เป็นสิ่งที่สาวๆ ให้ความสำคัญไม่แพ้กัน เพราะหากร่างกายแข็งแรง มีรูปร่างที่ดี ทั้งยังมาพร้อมผิวพรรณที่เปล่งปลั่ง แลดูสุขภาพดีแล้วนั้น ก็ยิ่งช่วยอัปความมั่นใจของสาวๆ ให้เต็มเปี่ยม

และในช่วงสองสามปีมานี้ “Skin Booster” หรือการเติมเต็มสารสกัดธรรมชาติที่มีประโยชน์ต่อชั้นผิวได้กลายเป็นทางเลือกอันดับต้นๆ ในการดูแลผิวพรรณให้ตอบโจทย์ความต้องการของสาวๆ เรียกว่าเป็นเทรนด์งานผิว ที่ถูกบอกต่อในโซเชียลอย่างล้นหลามเลย แต่ Skin Booster ก็ถูกผลิตออกมาหลากหลายยี่ห้อ หลากหลายรูปแบบ แถมแต่ละรูปแบบมีคุณสมบัติและจุดเด่นที่แตกต่างกัน เพื่อแก้ปัญหาผิวในลักษณะต่างๆ ให้ตรงจุด ไม่ว่าจะเป็นผิวแห้งกร้าน ขาดความชุ่มชื้น ผิวหมองคล้ำ สีผิวไม่สม่ำเสมอ หรือผิวที่มีริ้วรอยจากอายุที่เพิ่มมากขึ้น สำหรับสาวๆ ที่สนใจอยากทำ Skin Booster แต่ไม่แน่ใจว่าจะทำ Skin Booster รูปแบบไหนดี? ชวนมาอัปเดตข้อมูล พร้อมเช็กคุณสมบัติของ Skin Booster แต่ละรูปแบบในบทความนี้กัน!


การทำ Skin Booster คืออะไร
Skin Booster คือ การเติมเต็มหรือการฉีดสารสกัดจากธรรมชาติในปริมาณที่เหมาะสมเข้าไปในชั้นผิว ซึ่งมีส่วนช่วยกระตุ้นการผลิตคอลลาเจน หรืออีลาสติน เพื่อกระตุ้นการฟื้นฟูผิวจากภายในมาสู่ภายนอก ช่วยทำให้ชั้นผิวมีความแข็งแรง มีความชุ่มชื้นมากขึ้น เพิ่มความตึงกระชับ ความกระจ่างใส ทำให้สีผิวสม่ำเสมอ พร้อมลดเลือนปัญหาผิวต่างๆ เช่น รอยสิว จุดด่างดำ เป็นต้น 


เลือกทำ Skin Booster ตัวไหนดี 
เราได้รวบรวม Skin Booster 5 รูปแบบ ส่วนหนึ่งที่ได้รับความนิยมสูง คนส่วนเลือกทำเพื่ออัปผิวให้กลับมาดูอ่อนเยาว์อีกครั้ง สามารถแก้ไขปัญหาผิวแต่ละรูปแบบได้อย่างตรงจุด ช่วยเสริมชั้นผิวให้มีความแข็งแรงมากยิ่งขึ้น พร้อมให้ผลลัพธ์ผิวกระจ่างใส เรียบเนียน แลดูสุขภาพดี โดยคุณสมบัติและจุดเด่นของแต่ละรูปแบบมีดังนี้ 

1. Rejuran (รีจูรัน)
เริ่มกันด้วยตัวแรกกับ Rejuran (รีจูรัน) ที่เชื่อว่าหลายๆ คนต้องเคยได้ยินชื่อคุ้นหูกันอย่างแน่นอน เพราะถูกบอกต่อและรีวิวไว้ในกลุ่มบิวตี้ต่างๆ ไว้เยอะมาก! โดยรีจูรันนั้นเป็นผลิตภัณฑ์ที่จัดอยู่ในกลุ่ม Meso Therapy จากประเทศเกาหลีใต้ ซึ่งมีสารสกัดหลักเป็นตัวยาที่มีชื่อว่า “โพลีนิวคลีโอไทด์” (Polynucleotide : PN) ที่เมื่อฉีดเข้าไปในผิวของเราแล้วจะกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน อีลาสติน เส้นใยไฟโบรบลาสต์ และกรดไฮยาลูรอนิค ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญของโครงสร้างผิว จึงช่วยฟื้นฟูให้ผิวพรรณของเรากลับมาแข็งแรงและอิ่มฟูขึ้นอีกครั้ง นอกจากนี้ตัวยา PN ยังช่วยเสริมให้ระบบการไหลเวียนในหลอดเลือดขนาดเล็กทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงช่วยลดปัญหาผิวต่างๆ อย่างผิวอักเสบ หรือเป็นสิวได้ เพียงแต่ไม่สามารถลดเลือนรอยดำได้นั่นเอง 

Rejuran ฉีดที่ไหนได้บ้าง เหมาะกับใคร
เราสามารถทำ Skin Booster ด้วยการฉีดรีจูรันได้ทั่วบริเวณผิวหน้าเลย ไม่ว่าจะเป็นบริเวณหน้าผาก หัวคิ้ว รอบดวงตา แก้ม ร่องแก้ม ริมฝีปาก หรือแม้กระทั่งบริเวณลำคอและมือ ผลลัพธ์อยู่นานประมาณ 6-9 เดือน หากมีการเติมเต็มอย่างสม่ำเสมอ โดยเหมาะกับคนที่ต้องการผลลัพธ์ผิว หรือลดเลือนปัญหาผิวดังนี้ 
  • ผู้ที่ต้องการลดเลือนปัญหาริ้วรอยขนาดเล็กต่างๆ บนใบหน้า
  • ผู้ที่ต้องการลดเลือนปัญหาผิวหมองคล้ำ สีผิวไม่สม่ำเสมอ
  • ผู้ที่ต้องการลดเลือนปัญหาผิวแห้งกร้าน ขาดความชุ่มชื้น
  • ผู้ที่ต้องการฟื้นฟูหรือรักษาหลุมสิว
  • ผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ผิวที่อิ่มฟู ตึงกระชับ และมีความฉ่ำวาว แลดูสุขภาพดี
  • ผู้ที่ต้องการกระชับรูขุมขนให้แคบลง 
 
2. Juvelook
Juvelook เป็น Skin Booster อีกตัวที่กำลังถูกพูดถึงมากขึ้นเรื่อยๆ เป็นคอลลาเจนบูสเตอร์ชนิดไฮบริดที่มีสารสกัดสำคัญอย่าง Polylactic-acid (PLA) และกรดไฮยาลูโรนิก (HA) ผสานเข้าด้วยกัน ซึ่งทำหน้าที่กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินในชั้นผิว เสริมให้ชั้นผิวมีความแข็งแรง มีความยืดหยุ่น ตึงกระชับ ลดเลือนริ้วรอยและรูขุมขนให้มีขนาดเล็กลง รวมถึงช่วยให้ผิวเรียบเนียนดูกระจ่างใสขึ้นอีกด้วย

Juvelook ฉีดที่ไหนได้บ้าง เหมาะกับใคร
จุดเด่นของ Juvelook คือ โมเลกุลจะมีลักษณะเป็นวงกลมขนาดไมโคร มีรูโดยรอบคล้ายฟองสบู่ จึงทำให้ในเวลาที่ฉีด Juvelook เข้าไปในชั้นผิวจะไม่ก่อให้เกิดสารตกค้าง สามารถฉีดได้ทั่วบริเวณผิวหน้าเช่นเดียวกับ Rejuran แต่จะให้ผลลัพธ์ที่ยาวนานมากกว่า โดยผลลัพธ์สามารถอยู่ยาวนานได้ถึงประมาณ 2 ปี หากมีการเติมเต็มอย่างสม่ำเสมอ เหมาะกับคนที่ต้องการผลลัพธ์ผิว หรือลดเลือนปัญหาผิวดังนี้ 
  • ผู้ที่ต้องการลดเลือนปัญหาริ้วรอย ร่องลึกต่างๆ
  • ผู้ที่ต้องการลดเลือนปัญหารอยสิวและจุดด่างดำให้จางลง
  • ผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ผิวที่อิ่มน้ำ มีความชุ่มชื้น และเรียบเนียนมากขึ้น
  • ผู้ที่ต้องการกระชับรูขุมขนให้เล็กลง ทำให้ผิวเรียบเนียนขึ้น
  • ผู้ที่ต้องการปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ ฟื้นฟูผิวจากความหมองคล้ำ


3. Sculptra
ในแวดวง Skin Booster ถ้าไม่พูดถึง Sculptra คงไม่ได้ เป็นสารฉีดกระตุ้นการผลิตคอลลาเจน
ที่มีส่วนประกอบสำคัญ คือ Poly-L-Lactic acid (PLLA) สารอุ้มน้ำที่เข้ากันได้ดีกับเซลล์เนื้อเยื่อในชั้นผิว และไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย เพราะสามารถย่อยสลายได้ มีส่วนช่วยในการกระตุ้นการผลิตคอลลาเจน ทำให้ผิวกระชับมากขึ้น ริ้วรอยลดลง ร่องลึกดูตื้นขึ้น และฟื้นฟูปัญหาผิวหย่อนคล้อยให้กลับมากระชับได้ในระยะยาว ผิวจึงดูอ่อนเยาว์ขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ Sculptra จึงกลายเป็น Skin Booster ที่เหมาะกับกลุ่มที่เริ่มมีปัญหาผิวจากอายุที่เพิ่มมากขึ้นเป็นพิเศษนั่นเอง 

Sculptra ฉีดที่ไหนได้บ้าง เหมาะกับใคร
Sculptra สามารถฉีดได้ทั้งบริเวณหน้าแก้ม ร่องแก้ม กรอบใบหน้า หรือจุดที่มักจะดูหย่อนคล้อย มีริ้วรอย แต่ไม่ควรฉีดบริเวณ T-Zone เพราะเป็นจุดที่มีความบอบบางมาก อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงตามมาได้ ที่สำคัญให้ผลลัพธ์ยาวนานได้ถึง 2 ปี หากมีการเติมเต็มอย่างสม่ำเสมอ โดยเหมาะกับคนที่ต้องการผลลัพธ์ผิว หรือลดเลือนปัญหาผิวดังนี้ 
  • ผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย ใบหน้าดูโทรมจากอายุที่เพิ่มมากขึ้น 
  • ผู้ที่ต้องการปรับรูปหน้าให้สมมาตรมากขึ้น ดูสมส่วน เพราะ Sculptra สามารถเพิ่มความตึงกระชับที่กรอบใบหน้าได้ 
  • ผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ผิวตึงกระชับ ลดเลือนริ้วรอแบบยาวนานและให้ผลลัพธ์ไว


4. Made Collagen
Made Collagen หรือมาเด้ คอลลาเจน เป็น Skin Booster ในกลุ่มของ Meso Therapy เช่นเดียวกันกับรีจูรีน เป็นสารสกัดจากธรรมชาติที่มีส่วนประกอบของวิตามิน แร่ธาตุ เอนไซม์ พลาเซนต้า และคอลลาเจน ซึ่งจะใช้หลักของ Homeopathy จากประเทศเยอรมัน ฉีดสารสกัดวิตามิน คอลลาเจนเข้าไปในผิวตรงๆ เน้นผลลัพธ์ผิวกระจ่างใส มีส่วนช่วยในการรักษาสิว กำจัดของเสียบริเวณผิวหน้า และเสริมความแข็งแรงให้กับผิวหน้าให้แข็งแรงมากยิ่งขึ้น

Made Collagen ฉีดที่ไหนได้บ้าง เหมาะกับใคร
Made Collagen อาจจะมีการฉีดที่แตกต่างจาก Skin Booster ตัวอื่นๆ ไม่ได้เน้นฉีดที่จุดใด จุดหนึ่ง และมีความแตกต่างกันขึ้นอยู่กับแต่ละคลินิก โดยส่วนใหญ่จะฉีดโดยใช้เทคนิคฉีดตามจุดฝังเข็ม 16 จุดทั่วใบหน้า ตามทิศทางการไหลของน้ำเหลือง เพื่อกระตุ้นการทำงานของต่อมน้ำเหลืองนั่นเอง ผลลัพธ์จะอยู่ได้ในระยะสั้น 1-2 เดือน แต่ให้ผลลัพธ์ที่ค่อนข้างรวดเร็ว โดยเหมาะกับคนที่ต้องการผลลัพธ์ผิว หรือลดเลือนปัญหาผิวดังนี้ 
  • ผู้ที่ต้องการลดเลือนปัญหาสิวต่างๆ ให้จาลง
  • ผู้ที่ต้องการลดเลือนปัญหาผิวมีริ้วรอย ผิวหยาบกร้าน ไม่เรียบเนียน
  • ผู้ที่มีผิวบอบบาง ผิวแพ้ง่าย ผิวแห้ง 
  • ผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ผิวกระจ่างใส ดูเรียบเนียน


5. Exosome
ปิดท้ายด้วย Exosome Skin Booster เป็นสารชีวเคมีที่สกัดแยกมาจากสเต็มเซลล์ ซึ่งมีจำนวนมากกว่า 1,000 ชนิด เช่น DNA RNA กรดไขมัน กรดอะมิโนจำเป็น ไซโตคายน์ หรือโกรตแฟคเตอร์ เป็นต้น จุดเด่นของ Exosome คือ จะมีโมเลกุลอนุภาคนาโนขนาดเล็กมาก เมื่อฉีดเข้าสู่ชั้นผิวไปแล้ว จะตรงเข้าไปช่วยฟื้นฟูเซลล์ที่เสื่อมสภาพและกระตุ้นการสร้างเซลล์ใหม่ได้ลึกถึงระดับ DNA เลย จึงช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ฟื้นฟูให้ผิวมีความตึงกระชับ ช่วยลดรอยแผลเป็น รอยหลุมสิว ทำให้ผิวเรียบเนียนมากขึ้นนั่นเอง  

Exosome ฉีดที่ไหนได้บ้าง เหมาะกับใคร
การฉีด Exosome สามารถฉีดที่จุดไหนก็ได้ในร่างกายเพื่อบำรุงการทำงานของเซลล์บริเวณนั้นๆ แต่ส่วนใหญ่จะใช้ในการฉีดทั่วใบหน้าเพื่อแก้ปัญหาผิวพรรณต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ใต้ตา หน้าผาก ร่องแก้ม แก้ม ลำคอ หรือกรอบหน้า หรือจะฉีดที่หนังศีรษะเพื่อกระตุ้นรากผม ช่วยลดอาการผมร่วงผมบางก็ได้ ในส่วนของผลลัพธ์จะอยู่ได้ยาวนานถึง 1 ปี หากฉีดครบตามโปรแกรม และหากเติมเต็มอย่างสม่ำเสมอก็จะช่วยเสริมให้ผลลัพธ์อยู่นานและเห็นผลชัดเจนมากยิ่งขึ้น เหมาะกับคนที่ต้องการผลลัพธ์ผิว หรือลดเลือนปัญหาผิวดังนี้ 
  • ผู้ที่มีผิวอ่อนแอ ผิวแพ้ง่าย ผิวอักเสบ และผิวแห้งกร้าน
  • ผู้ที่มีผิวหมองคล้ำ สีผิวไม่สม่ำเสมอ 
  • ผู้ที่ต้องการลดเลือนปัญหาผมร่วง หรือผมบาง
  • ผู้ที่ต้องการลดเลือนริ้วรอยบนใบหน้า มีรอยสิว หลุมสิว ฝ้า กระ จุดด่างดำ
  • ผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ผิวที่อิ่มฟู ตึงกระชับ และมีความฉ่ำวาว แลดูสุขภาพดี 
  • ผู้ที่ต้องการกระชับรูขุมขนให้แคบลง 
 
 
 

จบกันไปแล้วกับการรีวิวคุณสมบัติและจุดเด่นของ Skin Booster ทั้ง 5 รูปแบบ ซึ่งล้วนเป็น Skin Booster ที่ได้รับความนิยมสูง ผ่านการรองรับมาตรฐานความปลอดภัยระดับสากล โดยเราจะเห็นว่าแต่ละรูปแบบถูกคิดค้นและพัฒนาขึ้นมาเพื่อฟื้นฟู หรือแก้ไขปัญหาผิวแต่ละลักษณะที่แตกต่างกัน ให้ผลลัพธ์ตอบโจทย์ตามความต้องการของแต่ละบุคคล หากใครอยากเน้นผิวฉ่ำวาว ดูเรียบเนียน ไม่ได้มีจุดด่างดำเยอะสามารถเลือก Skin Booster ด้วย Rejuran หากใครอยากแก้ไขปัญหาจุดด่างดำ ต้องการผลลัพธ์ที่ค่อนข้างยาวนาน สามารถเลือก Juvelook หรือใครที่อยากจะเน้นความตึงกระชับ เพราะปัญหาผิวจากอายุที่มากขึ้น สามารถเลือก Sculptra ส่วนคนที่มีปัญหาผิวค่อนข้างมาก เช่น มีรอยแผลเป็น มีสิว ผิวแห้งกร้านก็สามารถเลือกทำเป็น Exosome ที่เป็นการเติมสเต็มเซลล์ผิวลงไปลึกถึงระดับ DNA ก็ได้เช่นเดียวกัน แต่ไม่ว่าจะทำ Skin Booster รูปแบบไหน สิ่งสำคัญคือการศึกษาข้อมูลให้ละเอียด เลือกทำกับคลินิกที่มีความปลอดภัย อยู่ในความดูแลของแพทย์มากความรู้และมากประสบการณ์ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ผิวสวยที่ดูสุขภาพดี และหลีกเลี่ยงปัญหาผิวอื่นๆ ที่อาจเป็นอันตรายได้นั่นเอง
 
สำหรับคนที่สนใจอยากทำ Skin Booster เติมเต็มสารสกัดกระตุ้นคอลลาเจนในชั้นผิว อยากอ่านข้อมูลและรีวิวเพิ่มเติม รวมถึงค่าใช้จ่ายว่าการทำ Skin Booster แต่ละรูปแบบว่า Rejuran,
Juvelook, Sculptra, Made Collage หรือ Exosome ราคาเท่าใด สามารถเข้าไปดูเพิ่มเติมได้ที่ Better Me Clinic By Dr.Chanya คลินิกศัลยกรรมตกแต่งเสริมความงามชั้นนำ พร้อมให้คำปรึกษาและการดูแลอย่างน่าประทับใจ ให้ทุกคนมีผิวพรรรณที่เรียบเนียน กระจ่างใส แลดูสุขภาพดีเพื่ออัปความมั่นใจให้เต็มเปี่ยม
 
ติดต่อ | สอบถามเพิ่มเติม
Line : @bettermeclinic
โทร. 02-059-8118,088-603-2641
Facebook | Instagram : Better Me Clinic by Dr.Chanya

ข่าว/บทความล่าสุด
เนื้อหาอ่านล่าสุด