PCT Police 8 มีนาคม 2566 - ยุคนี้ ของปลอมมันเยอะ เอา ไปดูกันหน่อยว่า จากสถิติการรับแจ้งของเรา มิจฉาชีพ นิยมปลอมเป็นอะไร แอบอ้างเป็นอาชีพอะไร มากที่สุด คัดมาแบบ Top 3
อันดับ 3 ปลอมเป็นสรรพากร
อ้างเป็นสรรพากร จะคืนเงินภาษีบ้าง ขอตรวจสอบภาษีบ้าง ส่งลิงค์ให้กรอกข้อมูล เข้าไป เอาข้อมูลไปใช้ หรืออ้างให้โอนเงินคืนไปเคลียร์
อันดับ 2 อ้างเป็นตำรวจ
อันนี้ก็มักจะอ้างว่า คุณมีชื่อพัวพันกับขบวนการค้ายา เจอพัสดุของคุณส่งไปมีของต้องสงสัย ของผิดกฎหมาย หลอกต่อให้โอนเงินเข้าบัญชี ปปง. ว่าซั่น
และอันดับที่ 1 ได้แก่
อ้างเป็นธนาคาร
อ้างว่าเป็นหนี้บัตรเครดิต มีชื่อคุณมีคนอื่นเอาบัญชี เอาบัตรเครดิตไปใช้ บลาๆ แล้วก็หลอกให้โอนเงินคืนไป
5 บทยอดฮิต มิจฉาชีพชอบใช้หลอกลวง
รู้ไว้ ไม่โดนหลอก
1. ปลอมตัวเป็น ไปรษณีย์ไทย
กับบทพูดที่อาจคุ้นเคย "ไปรษณีย์ไทย สวัสดีครับ คุณมีพัสดุตกค้าง ที่ไม่สามารถจัดส่งได้ ติดต่อเจ้าหน้าที่ กด ..."
ความจริงคือ ไปรษณีย์ไม่มีนโยบาย เรียกเก็บเงิน ผ่านบัญชีธนาคาร เพื่อนำพัสดุออกจากที่ทำการไปรษณีย์ ไม่ว่ากรณีใดๆ ทั้งสิ้น
2. ปลอมตัวเป็น กสทช.
กับบทพูดทำนอง "สวัสดีครับ กระทรวงโทรคมนาคมแห่งชาติ เนื่องจากหมายเลขโทรศัพท์ของท่าน มีผู้ร้องเรียนเข้ามาเป็นจำนวนมาก ส่งผลให้ต้องระงับการใช้งาน หมายเลขโทรศัพท์ของท่าน ภายใน 2 ชั่วโมง เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกระงับการใช้งาน กด... เพื่อติดต่อเจ้าหน้าที่"
ความจริง คือ กสทช. ไม่มีนโยบายโทรหาประชาชน เพื่อตัดสัญญาณ เว้นแต่ คุณจะตัดเอง
3. ปลอมตัวเป็น ศาลอาญา
กับบทพูดที่ป้ำๆ เป๋อๆ เพราะเล่นของสูง แต่ดันความรู้ไม่ถึง เช่น "สวัสดีครับ ศาลอาญาสูงสุดกรุงเทพ คุณมีหมายเรียกจากศาลอาญา ต้องการทราบรายละเอียด กรุณา กด ... "
ความจริง คือ ศาลอาญา ไม่มีสูงสุด ต้องถามกลับว่า สูงกี่เมตร 555 ศาลไทย ไม่โทรหาคู่ความ ครับ
4. ปลอมตัวเป็น เครดิตบูโร
กับบทพูด ดูน่าเกรงขาม เพราะเล่นบทเจ้าหนี้ "จากเครดิตบูโร หมายเลขบัตรประจำตัวประชาชนของท่าน จะถูกขึ้นบัญชีดำ ภายใน 1 ชั่วโมง หากมีข้อสงสัย กรุณาถือสายรอ จนกว่าเจ้าหน้าที่จะรับสาย"
ความจริงคือ เครดิตบูโร มีหน้าที่จัดเก็บ รวบรวม และประมวลผล ข้อมูลสินเชื่อ ตามที่สถาบันการเงิน จัดส่งให้เท่านั้น มิได้มีหน้าที่ "ขึ้นบัญชีดำใดๆ"
5. ปลอมตัวเป็น ตำรวจ
กับบทพูดแสนคุ้นเคย "สวัสดีครับ ผม ร.ต.อ...ตัวจริง เสียงจริง ติดต่อจากสถานีตำรวจ เมืองเชียงใหม่ จากการตรวจสอบพบว่า คุณตกเป็นผู้ต้องหาฟอกเงินระดับประเทศ ซึ่งเป็นคดีอาญา ของทราบชื่อสกุลด้วยครับ คุณต้องโอนเงินให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบทันทีครับ ไม่เช่นนั้น ต้องดำเนินคดีกับคุณ "
ความจริงคือ หน่วยงานบังคับใช้กฏหมาย (ตำรวจ) ไม่มีความจำเป็นต้องให้เจ้าของบัญชีโอนเงินมา เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบ พนักงานสอบสวนสามารถใช้อำนาจตามกฏหมาย เพื่อขอข้อมูลจากธนาคาร เองได้
หากได้รับสายจากมิจฉาชีพ อย่าตื่นตระหนก อย่าหลงเชื่อ อย่าให้ข้อมูลส่วนตัวใดๆ ทั้งสิ้น และที่สำคัญ อย่าโอนเงินโดยเด็ดขาด
แนะวิธีรอดพ้นจากมิจฉาชีพ
ไม่ว่าจะมามุกไหนก็ตามทีเถอะ จำเอาไว้เลยว่า
1. ถ้าคุณไม่ได้โกงภาษี ไม่ได้ส่งพัสดุ ไม่ได้เปิดบัญชี ไม่ได้ทำบัตรเครดิต ก็ต้องมีสติ ไม่ต้องตกใจ เขาจะอ้างอะไรก็ว่าไป หรือ จะลองทดสอบคนร้ายดูก็ได้นะ ตั้งสติก่อน แล้ว ตอบไปเลยว่า "ใช่ ค่ะ หนูส่งพัสดุเอง" ใช่ครับ บัตรเครดิตนั้น ผมใช่้เอง" มุกนี้ มีคนลองแล้ว คนร้ายไปไม่เป็น ไม่รู้จะไปต่อยังไง
แต่ย้ำนะ สติต้องมี
2.ไม่มีเจ้าหน้าที่รัฐ เจ้าหน้าที่ธนาคารคนไหน โทรหาคุณกับเรื่องที่ว่านี้ และที่สำคัญ เรื่องนี้ ทุกหน่วยที่โดนแอบอ้าง ออกข่าวประชาสัมพันธ์บ่อยมาก ในแทบทุกช่องทาง แต่ก็นั่นแหละ คนที่ตกเป็นเหยื่อก็มักจะไม่ใช่กลุ่มคนที่เสพข่าวเหล่านี้เลย เราต้องช่วยแชร์ช่วยบอกไปคนกลุ่มนี้กันหน่อย
3. พวกนี้ มักจะให้แอดไลน์คุย เพราะถ้าโทรศัพท์คุย ตำรวจจะลากตัวมันได้ง่ายกว่า ส่วนไลน์นั้น มันมี 2 แบบนะ ถ้าเป็นส่วนราชการหรือหน่วยงานที่น่าเชื่อถือ เขาจะเรียกว่า ไลน์ official account เช่น หมอพร้อม เป๋าตัง แบบนี้ อันนี้้ เกือบทั้งหมด เขาใช้ chatbot มาตอบคุณ จะตอบข้อมูลได้บางอย่างที่เขากำหนดไว้เท่านั้น มาคุยเล่นคุยหัว ภาษามนุษย์ บ่ได้จ้า
และถ้าระดับองค์กรที่น่าเชื่อถือละก้อ เวลาแอด เราต้องแอดเขาเป็นเพื่อนนะ เขาแอดเราก่อนบ่ได้ และชื่อไอดีของเขา เขาจะเสียตังซื้อเพื่อให้ ได้ ไอดีเป็ภาษาอังกฤษทีสื่อถึง องค์กรของเขา ไม่ใช่ภาษาอังกฤษที่กะยึกกะยือ เช่น @nJ4wWe แบบนี้ มันฟรีใช่ได้แป๊บนึง ปิดตัวหายไปแล้ว ตำรวจตามยากจ้า
ไลน์ประเภทที่ 2 คือ ไลน์แชท ก็คือไลน์ที่พวกเรา ใช้กันนี่แหละ อันนี้ ใครก็ปลอมได้ง่ายๆ
สรุปข้อนี้ ถ้าเป็นไลน์แชท หรือให้แอดภาษาแบบงงๆ หรือ แอดเป็นเพื่อนเรามาก่อน ก็ กากบาททิ้งไปได้เลยว่า นี่แหละ มาไม่ดีแน่นอน
ติดตามเพจ
PCT POLICE เพื่อรู้ทันทุกความคิดของโจรออนไลน์
กสทช. ย้ำ เครื่องหมาย + นำหน้าเบอร์โทร รู้ไว้...ให้ระวัง เป็นเบอร์ที่โทรจากต่างประเทศ LINK
กสทช. กำหนดให้ผู้ให้บริการโทรศัพท์ระหว่างประเทศ ผู้ให้บริการ Call Termination และผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่จะต้องเพิ่มเครื่องหมาย +698 นำหน้าสายที่โทรจากเบอร์โทรศัพท์ของไทยที่ใช้บริการโรมมิ่งโทรกลับมาจากต่างประเทศ (ยกเว้นกรณีสายที่มาจากประเทศที่ใช้งานรหัสประเทศ ตามที่สหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ (ITU) กำหนด ให้แสดงรหัสประเทศของประเทศนั้นๆ)
เพื่อให้ประชาชนทราบว่าเป็นสายที่โทรมาจากต่างประเทศ และใช้ความระมัดระวังในการรับสาย หากไม่มีญาติหรือคนรู้จักอยู่ต่างประเทศ สามารถปฏิเสธการรับสายนั้นได้ โดยเบอร์โทรศัพท์ที่นำหน้าด้วย +698 จะไม่สามารถโทรกลับได้ หากจะโทรกลับต้องตัด “+698” ออก แล้วเติมด้วย “0” และจะแสดงแค่หมายเลข แม้จะบันทึกชื่อและหมายเลขไว้ก็ตาม จึงขอให้ประชาชนสังเกตเบอร์ที่โทรเข้าก่อนรับสาย
ปัจจุบันมิจฉาชีพได้ปรับเปลี่ยนวิธีการหลอกลวงประชาชนอยู่ตลอดเวลา กสทช. จึงขอให้ประชาชนใช้ ความระมัดระวัง มีสติ อย่าตกใจ ไม่ให้ข้อมูลส่วนบุคคลหรือข้อมูลทางการเงิน และรหัสผ่านต่างๆ รวมทั้งอย่าหลงเชื่อ หากปลายสายบอกให้โอนเงิน ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าเป็นมิจฉาชีพ หากมีการอ้างถึงหน่วยงานภาครัฐ สถาบันการเงิน หรือบริษัทขนส่งต่างๆ ให้ขอหมายเลขติดต่อกลับและวางสายและตรวจสอบข้อมูลไปยังหน่วยงานหรือสถาบันการเงินที่ถูกอ้างถึง
✖️ทั้งนี้ หน่วยงานของรัฐไม่มีนโยบายการติดตามหรือดำเนินคดีผ่านการโทรศัพท์หรือวีดีโอคอลหาประชาชน
กสทช.ย้ำให้ประชาชนระวังมิจฉาชีพหลอกลวง
นายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล รักษาการแทน เลขาธิการ กสทช. กล่าวว่า สำนักงาน กสทช. ได้แจ้งเตือนให้ประชาชนระวังมิจฉาชีพหลอกลวงประชาชนด้วยวิธีโอนเงิน หรือดูดเงินประชาชนจากบัญชีธนาคารผ่านโซเซียล ซึ่งมิจฉาชีพจะอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐทำให้ประชาชนหลงเชื่อ โดยข้อมูลของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม พบว่า มีคดีออนไลน์วันละ 800 คดี ต้องเร่งดำเนินการตามกหมาย และขณะนี้ได้ร่าง พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ไว้แล้ว จะเร่งดำเนินการให้มีผลบังคับใช้โดยเร็วที่สุด เมื่อประกาศใช้แล้วจะให้อำนาจตำรวจไซเบอร์ในการจับผู้กระทำความผิดและสามารถทำร่วมกับสถาบันการเงินได้ ซึ่งคิดว่าจะทำให้คดีลดน้อยลง
โดยหน่วยงานที่มักจะถูกแอบอ้าง คือ กรมสรรพากร กรมศุลกากร กรมสรรสามิต กระทรวงการคลัง ซึ่งกระทรวงการคลัง ยืนยันว่าไม่มีนโยบายให้เจ้าหน้าที่ติดต่อคืนภาษีผ่านไลน์หรือระบบอื่นๆ อีกทั้งกำลังร่าง พ.ร.ก.อาชญากรรมทางเทคโนโลยี ให้กระทรวงดีอีเอส กสทช. ส่งเอสเอ็มเอส แจ้งเตือนประชาชน และหากประชาชนไม่แน่ใจหรือมีข้อสงสัย สามารถแจ้งเบาะแสและขอความช่วยเหลือ ได้ที่เบอร์ 1441 สายด่วนตำรวจไซเบอร์ หรือสอบถามมาที่สำนักงาน กสทช. Call Center หมายเลขโทรศัพท์ 1200 (ฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย)
