"อนุทิน" ประชุมบอร์ดขับเคลื่อนเศรษฐกิจสุขภาพ เห็นชอบ 4 แนวทางสร้างรายได้ปลอดภัยจากโควิด 19
ประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนเศรษฐกิจสุขภาพนัดแรก เห็นชอบในหลักการลดวันกักตัวจาก 14 วันเหลือ 10 วัน การกักกันในสนามกอล์ฟ การท่องเที่ยวแบบ Exclusive Travel Area กักตัวในพื้นที่เฉพาะ 14 วันโดยให้ท่องเที่ยวในเส้นทางที่กำหนด
รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนเศรษฐกิจสุขภาพนัดแรก เห็นชอบในหลักการ
- ลดวันกักตัวจาก 14 วันเหลือ 10 วัน
- การกักกันในสนามกอล์ฟ
- การท่องเที่ยวแบบ Exclusive Travel Area กักตัวในพื้นที่เฉพาะ 14 วันโดยให้ท่องเที่ยวในเส้นทางที่กำหนด
- เปิดสนามบินเพิ่ม 17 แห่ง ด่านบก 2 แห่งและด่านน้ำ 2 แห่ง
รองรับต่างชาติเข้ามารักษาและท่องเที่ยวในประเทศไทยมากขึ้น โดยยังคงมาตรการป้องกันโรคโควิด 19 เพื่อสร้างรายได้ให้แก่ประเทศ ประชาชนมีความปลอดภัย เตรียมเสนอ ศบค.
วันนี้ (22 ตุลาคม 2563) ที่กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนเศรษฐกิจสุขภาพ ภายใต้นโยบายการพัฒนาประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ (Medical Hub) ครั้งที่ 1/2563 โดยคณะกรรมการประกอบด้วย ปลัดกระทรวง อธิบดี และผู้บริหารจาก 3 กระทรวง คือ กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และกระทรวงคมนาคม
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า วันนี้เป็นการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนเศรษฐกิจสุขภาพฯ ครั้งแรก หลังได้รับการแต่งตั้งตามมติคณะกรรมการอำนวยการเพื่อพัฒนาประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ (นโยบาย Medical Hub) เพื่อกำหนดกรอบนโยบายและแนวทางการดำเนินงานการขับเคลื่อนเศรษฐกิจสุขภาพ โดยเฉพาะเรื่องการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ เพื่อให้รายได้กระจายไปสู่ผู้ประกอบการภายในประเทศ และคงความปลอดภัยของประชาชน
นายอนุทินกล่าวต่อว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบในหลักการที่จะช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาใช้บริการด้านการส่งเสริมสุขภาพ อาทิ
- การลดจำนวนวันกักตัวจาก 14 วันเหลือ 10 วันตามข้อเสนอของกรมควบคุมโรค
- การดำเนินงานสถานกักกันในสนามกอล์ฟ (Golf Quarantine)
ซึ่งเป็นสถานกักกันในกิจการเพื่อสุขภาพกลุ่มที่ 3 ต่อจากกลุ่มสปาทางการแพทย์/รีสอร์ทเพื่อสุขภาพ/สปารีสอร์ท และกลุ่ม Long Term Care สำหรับผู้สูงอายุ ซึ่งมีชาวต่างชาติให้ความสนใจจำนวนมาก โดยมีมาตรการเช่นเดียวกับนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามา คือ ต้องมีการนัดหมายจองสถานที่ล่วงหน้า มีผลตรวจปลอดเชื้อโควิด 19 ก่อนเดินทาง 72 ชั่วโมง ระหว่างกักตัว 14 วัน มีการตรวจคัดกรอง 3 ครั้ง จัดระบบการเล่นกอล์ฟ ต้องยึดหลักเว้นระยะห่าง การทำความสะอาดยานพาหนะ อุปกรณ์ และสถานที่ คาดว่าจะสร้างรายได้ประมาณ 1 แสนบาทต่อราย
- นอกจากนี้ ยังเห็นชอบการท่องเที่ยวแบบ Exclusive Travel Area (ETA)
โดยให้นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติกักกันตัวในพื้นที่เฉพาะ (Area Quarantine) และสามารถท่องเที่ยวในช่วงเวลากักตัว 14 วัน ได้ในเส้นทางที่กำหนด ซึ่งจะนำร่องในจังหวัดท่องเที่ยวที่มีศักยภาพ 6 จังหวัด ได้แก่ ชลบุรี ภูเก็ต เชียงราย บุรีรัมย์ สุราษฎร์ธานี และกระบี่ โดยคัดเลือกนักท่องเที่ยวที่มาจากประเทศหรือเมืองที่มีความเสี่ยงต่ำ มีระบบการจัดการระบาดของโรคโควิด 19 ที่ดี มีผลการตรวจว่าปลอดเชื้อโควิด 19 ก่อนเดินทาง 72 ชั่วโมง ผ่านการกักกันตนเองที่บ้านก่อนเดินทางในระยะเวลาที่กำหนด เมื่อถึงประเทศไทยมีการคัดกรองและตรวจทางห้องปฏิบัติการเพื่อหาเชื้อโควิด 19 จำนวน 3 ครั้ง โดยจะจัดให้มีสายการบินตรงไปยังพื้นที่ มีระบบ Seal นักท่องเที่ยวและกำหนดเส้นทางท่องเที่ยวไว้ เตรียมความพร้อมผู้ประกอบการในจังหวัด ที่พัก ร้านอาหาร และแหล่งท่องเที่ยว สถานพยาบาลต้องความพร้อมในการรักษา และมีระบบการติดตามตัว
- รวมทั้งเห็นชอบหลักการเปิดสนามบินนานาชาติและสนามบินในประเทศเพิ่มเติม จำนวน 17 แห่ง ได้แก่
• ท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภา (ระยอง-พัทยา)
• ท่าอากาศยานสมุย
• ท่าอากาศยานภูเก็ต
• ท่าอากาศยานเชียงใหม่
• ท่าอากาศยานตราด
• ท่าอากาศยานแม่ฮ่องสอน
• ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย
• ท่าอากาศยานนานาชาติอุบลราชธานี
• ท่าอากาศยานอุดรธานี
• ท่าอากาศยานขอนแก่น
• ท่าอากาศยานกบินทร์บุรี
• ท่าอากาศยานพิษณุโลก
• ท่าอากาศยานแม่สอด
• ท่าอากาศยานระนอง
• ท่าอากาศยานนครพนม
• ท่าอากาศยานบุรีรัมย์
• ท่าอากาศยานหาดใหญ่
เปิดด่านทางบกเพิ่ม 2 แห่ง ได้แก่ ด่านบ้านแหลม และด่านบ้านหาดเล็ก เพื่อมาจังหวัดจันทบุรี และ
ด่านทางน้ำ 2 แห่ง ได้แก่ ท่าเรือแหลมฉบัง จ.ชลบุรีและระยอง และท่าเรือมาบตาพุด จ.ระยอง เพื่อรองรับชาวต่างชาติที่เดินทางเข้ามารับการรักษาพยาบาลด้วยโรคอื่นและเข้ามาท่องเที่ยวที่มีจำนวนเพิ่มมากขึ้น
โดยให้เปิดศูนย์บริการข้อมูลสุขภาพ (Counter Service) ณ ท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภา เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้ป่วยและผู้ติดตามชาวต่างชาติ
- เห็นชอบการเตรียมจัดงาน Thailand Health Expo เพื่อแสดงศักยภาพของการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ทั้งในรูปแบบ Virtual และ on site
- ตลอดจนการพิจารณาให้จัดหาสายการบินเพิ่มเติม เพื่อเตรียมรับผู้ป่วยและผู้ติดตามประมาณ 2700 ราย เดินทางเข้ามารับการรักษาพยาบาลใน Alternative Hospital Quarantine
โดยทั้งหมดจะเสนอ ศบค.เพื่อพิจารณาต่อไป