ข่าวสุขภาพ
ค้นหา รพ.-คลินิก-ร้านยาทั่วไทย ร้านยาคุณภาพของฉัน บริการสุขภาพ คลินิกเอกชน งาน รพ.
บริการวัคซีนโควิด บริการตรวจโควิด
ตำแหน่งงาน
ข่าวสุขภาพทั่วไป ข่าวธุรกิจสุขภาพไทย ข่าวธุรกิจสุขภาพรอบโลก กิจกรรม-บริการ รพ.ต่างๆ สิทธิสุขภาพชาวไทย สาระความรู้สุขภาพ Health Economy ท่องเที่ยวสุขภาพ กิจกรรม ESG CSR กิจกรรม Event บริจาค
น่าสนใจไทยแลนด์
English
About us เผยแพร่เนื้อหา สถิติเว็บไซต์ สำรวจความเห็นสุขภาพ โฆษณา
healthserv.net@gmail.com

ศูนย์บริการสาธารณสุข 66 ตำหนักพระแม่กวนอิม โชคชัย 4 ลาดพร้าว

Public Health Center 66

Logo

ศูนย์บริการสาธารณสุข 66 ตำหนักพระแม่กวนอิม โชคชัย 4 เป็นองค์กรภาครัฐ ที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ชุมชน มีระบบการให้บริการที่โปร่งใส ผู้รับบริการมีสิทธิในการรับบริการด้วยระบบหลักประกันสุขภาพ อย่างทั่วถึง โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลตามสิทธิบัตรทองของตนเอง ตามสิทธิที่ระบุไว้ บุคลากรที่ให้บริการเป็นผู้ที่มีความรู้ความสามารถตามมาตรฐานวิชาชีพ มีเครือข่ายบริการในชุมชนอย่างทั่วถึง เป็นสถานพยาบาลใกล้บ้าน ใกล้ใจ

ที่อยู่/ติดต่อ
4/98 โชคชัย 4 ซอย 39 (ซอยสุขสันติ 7) แขวงลาดพร้าว เขตลาดพร้าว กรุงเทพมหานคร 10230

✅ รับบัตรทอง

*ข้อมูลรวบรวมโดย Healthserv.net เพื่ออำนวยความสะดวกเบื้องต้นให้กับผู้ชมที่ต้องการข้อมูลสถานพยาบาล ไม่ใช่เว็บทางการของรพ./สถานพยาบาลแต่อย่างใด แนะนำให้ไปยังเว็บไซต์/เฟซบุ๊ค หรือช่องทางติดต่อของรพ./สถานพยาบาลนั้นๆ โดยตรง

HealthServ ชวนร่วมตอบแบบสอบถาม สำรวจความต้องการบริการสุขภาพของคนไทย

HealthServ ชวนร่วมตอบแบบสอบถาม สำรวจความต้องการบริการสุขภาพของคนไทย

ผลสำรวจ

ข่าวสาร-สาระ-ข้อมูลบริการ ศูนย์บริการสาธารณสุข 66 ตำหนักพระแม่กวนอิม โชคชัย 4 ลาดพร้าว

 ศูนย์บริการสาธารณสุข 66 ตำหนักพระแม่กวนอิม โชคชัย 4 เป็นองค์กรภาครัฐ ที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ชุมชน มีระบบการให้บริการที่โปร่งใส ผู้รับบริการมีสิทธิในการรับบริการด้วยระบบหลักประกันสุขภาพ อย่างทั่วถึง โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลตามสิทธิบัตรทองของตนเอง ตามสิทธิที่ระบุไว้ บุคลากรที่ให้บริการเป็นผู้ที่มีความรู้ความสามารถตามมาตรฐานวิชาชีพ มีเครือข่ายบริการในชุมชนอย่างทั่วถึง เป็นสถานพยาบาลใกล้บ้าน ใกล้ใจ ที่ได้รับการสนับสนุนจากเครือข่ายภาครัฐ และเอกชนที่ใกล้เคียง ได้แก่ มูลนิธิศุภนิมิต สโมสรโรตารี่ เป็นต้น


กรณีเป็นแรงงานรายได้น้อย เสียค่าใช้จ่ายในการรักษาน้อย ค่ายาตามต้นทุนบริการ มีหน่วยบริการเชิงรับในคลินิกตรวจรักษาโรค และสร้างเสริมสุขภาพแก่ หญิงมีครรภ์ เด็กแรกเกิด-5 ปี คลินิกสตรีให้บริการวางแผนครอบครัว ตรวจสุขภาพสตรี และให้บริการเชิงรุกเข้าสู่ชุมชนโดย ทีมงานสหวิชาชีพ ได้แก่ แพทย์ พยาบาล เภสัชกร และนักสังคมสงเคราะห์ เพื่อเยี่ยมให้การพยาบาลที่บ้าน มีระบบส่งต่อกรณีที่เกินความสามารถไปยังสถานพยาบาลตามเครือข่ายสุขภาพ และมีบริการสังคมสงเคราะห์แก่ ผู้พิการ ผู้ด้อยโอกาส การให้บริการเชิงรุกเป็นบริการที่ไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ


 

ตารางการให้บริการ


ศูนย์ ฯ 66  เปิดให้บริการทุกวันจันทร์ – ศุกร์ เวลา 08.00 – 16.00 น. ยกเว้นวันหยุดนักขัตฤกษ์
 
วัน/เวลา 08.00-12.00 น. 13.00-16.00 น.
จันทร์ ตรวจรักษาโรคทั่วไป/คลินิกทันตกรรม/
คลินิกกายภาพบำบัด คลินิกฝากครรภ์
 
อังคาร ตรวจรักษาโรคทั่วไป/คลินิกทันตกรรม/
คลินิกกายภาพบำบัด/เจาะเลือดตรวจสุขภาพ คลินิกสุขภาพเด็กดี/ฉีดวัคซีน
 
พุธ ตรวจรักษาโรคทั่วไป/คลินิกทันตกรรม/
คลินิกกายภาพบำบัด/เจาะเลือดตรวจสุขภาพ คลินิกวางแผนครอบครัว/ตรวจมะเร็งเต้านม/ตรวจมะเร็งปากมะเร็งปากมดลูก
 
พฤหัสบดี ตรวจรักษาโรคทั่วไป/คลินิกทันตกรรม/
คลินิกกายภาพบำบัด  
 
ศุกร์ ตรวจรักษาโรคทั่วไป/คลินิกทันตกรรม/
คลินิกกายภาพบำบัด ฉีดวัคซีนพิษสุนัขบ้าในสัตว์เลี้ยง


ข้อมูลการบริการของศูนย์ฯ 66 เจ้าแม่กวนอิม


มีแพทย์ตรวจรักษากี่ท่าน
2 ท่าน รับผู้ป่วยได้ 60 คน 
 
มีการจัดคิวพบแพทย์อย่างไร
1. คิวนัดจะได้พบแพทย์ก่อนจนถึงเวลา 9.00 น. หลังจากนั้นผู้ป่วยนัดที่มาหลังเวลา 9.00 น. จะเป็นคิวพบแพทย์ปกติ
2. มีบริการช่องทางด่วน Fast Track สำหรับผู้พิการและผู้สูงอายุ จะจัดคิวด่วนให้
3. มีบริการช่องทางสำหรับผู้ป่วยฉุกเฉิน เช่น อุบัติเหตุ มีอาการหายใจลำบาก มีไข้สูง ฯลฯ ให้คิวแดงฉุกเฉิน

มารับบริการต้องทำอย่างไร เตรียมเอกสารอะไรบ้าง
กรณีผู้ป่วยใหม่
          - กรอกแบบฟอร์มผู้ป่วยพร้อมกับแนบบัตรประชาชนและบัตรคิวผู้ป่วย
          - รอเรียกซักประวัติอาการและเซ็นยินยอมการรักษา
            กรณีผู้ป่วยเก่า
          - นำบัตรผู้ป่วยมายื่นและรับบัตรคิว
          - รอเรียกซักประวัติอาการ
กรณีผู้ป่วยเก่า
          - ยื่นบัตรประชาชนหรือบัตรประจำตัวผู้ป่วยที่จุดประชาสัมพันธ์
 
 
การมาขอใบรับรองแพทย์ต้องทำอย่างไร
1. ยื่นบัตรผู้ป่วยแล้วรับบัตรคิว / กรณีไม่เคยมาใช้บริการให้ทำประวัติผู้ป่วยใหม่แล้วรับบัตรคิว
2. ชั่งน้ำหนัก/วัดความดันโลหิต/ตรวจสารเสพติด(รายที่จำเป็นต้องตรวจ)
3. เข้าพบแพทย์
4. ชำระเงิน (100)
5. รับใบรับรองแพทย์
 
การมาขอประวัติการรักษา
1. ยื่นบัตรผู้ป่วยพร้อมแนบบัตรประชาชนแล้วรับบัตรคิว
2. กรอกแบบฟอร์มคำร้องขอข้อมูลข่าวสาร
3. เข้าพบแพทย์
4. ชำระเงิน (50)
5. รับประวัติการรักษา


เย็บแผล ต้องตัดไหมวันไหน
โดยหลักการควรตัดออกทันทีเมื่อแผลติด เพราะถ้าตัดไหมยิ่งช้าจะยิ่งเป็นแผลเป็นมาก แต่ถ้าตัดเร็วไปแผลก็อาจแยกและไม่ติด ดังนั้นจึงควรตัดไหมเร็วที่สุดที่แผลติดแล้วนั่นเอง ซึ่งสามารถแบ่งตามอวัยวะได้ดังนี้คือ แผลบริเวณศีรษะและหน้า ควรตัดเมื่อครบ 5-7 วัน, แผลบริเวณลำตัวที่ผิวหนังไม่ตึงมาก ควรตัดเมื่อครบ 7 วัน, แผลบริเวณแขนขาหรือที่ผิวหนังตึงมาก ควรตัดเมื่อครบ 7-10 วัน หรืออาจถึง 10-14 วันในบริเวณข้อเข่า ข้อศอกที่มีการเคลื่อนไหวมาก หรือบริเวณฝ่าเท้าซึ่งแผลจะหายช้ากว่าบริเวณอื่นๆ
 


การฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าหลังสัมผัสโรค ฉีดแบบไหน
การฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า มีดังนี้
 
กรณีฉีดเข้ากล้ามเนื้อ
          - หากไม่เคยฉีดวัคซีนป้องกันมาก่อน แล้วมาถูกสัตว์กัด จะต้องฉีดทั้งหมด 5 เข็มที่กล้ามเนื้อต้นแขน โดยฉีดในวันที่ 0 (วันที่เริ่มฉีด) วันที่ 3, 7, 14 และวันที่ 28 แต่หากแผลที่ถูกสัตว์กัดอยู่ใกล้อวัยวะที่มีเส้นประสาทไปเลี้ยงมาก เช่น ใบหน้า หรือมีแผลฉกรรจ์มาก จะต้องฉีดเซรุ่ม หรือวัคซีนอิมมูโนโกลบูลิน (Immunoglobulin) เพิ่มด้วย เนื่องจากวัคซีนต้องใช้เวลาในการที่ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันขึ้นมาเอง แต่โรคพิษสุนัขบ้าเป็นแล้วตายจึงรอไม่ได้ จึงจำเป็นต้องได้รับวัคซีนร่วมกับเซรุ่มทันที โดยฉีดรอบแผลทุกแผลร่วมกับการฉีดวัคซีน.ในวันที่0
          - หากเคยฉีดวัคซีนป้องกันมาก่อนแล้วครบตามจำนวน แล้วมาถูกสุนัขกัดอีก ก็ไม่ต้องเริ่มฉีดใหม่ เพียงแค่ฉีดวัคซีนกระตุ้นภูมิคุ้มกันเพิ่มอีก 1 เข็มในวันที่โดนกัด (กรณีวันที่ฉีดเข็มสุดท้ายผ่านมาไม่เกิน 6 เดือน) หรือ 2 เข็ม (กรณีวันที่ฉีดเข็มสุดท้ายผ่านมาเกิน 6 เดือนแล้ว) ในวันที่ 0 และ 3 โดยไม่ต้องฉีดเซรุ่ม
 
กรณีฉีดเข้าชั้นผิวหนัง
          - หากไม่เคยฉีดวัคซีนป้องกันมาก่อนแล้วมาถูกสัตว์กัด จะต้องฉีดวัคซีนเข้าผิวหนัง 4 ครั้ง ครั้งละ 2 จุด คือต้นแขนทั้ง 2 ข้าง ฉีดในวันที่ 0 (วันที่เริ่มฉีด), 3, 7 และวันที่ 28 
          - หากเคยฉีดวัคซีนป้องกันมาแล้วครบตามจำนวน แล้วมาถูกกัดอีก ก็เพียงแค่ฉีดกระตุ้นภูมิคุ้มกันเพิ่มเช่นกัน โดยฉีด 1 เข็ม 1 จุด หากช่วงที่ถูกกัดห่างจากการฉีดวัคซีนเข็มสุดท้ายมาน้อยกว่า 6 เดือน แต่หากฉีดวัคซีนเข็มสุดท้ายมานานกว่า 6 เดือน ก็ต้องฉีดกระตุ้นอีก 2 เข็ม ครั้งละ 1 จุด ในวันที่ 0 และวันที่ 3 และไม่ต้องฉีดเซรุ่มด้วย