ข่าวสุขภาพ
ค้นหา รพ.-คลินิก-ร้านยาทั่วไทย ร้านยาคุณภาพของฉัน บริการสุขภาพ คลินิกเอกชน งาน รพ.
บริการวัคซีนโควิด บริการตรวจโควิด
ตำแหน่งงาน
ข่าวสุขภาพทั่วไป ข่าวธุรกิจสุขภาพไทย ข่าวธุรกิจสุขภาพรอบโลก กิจกรรม-บริการ รพ.ต่างๆ สิทธิสุขภาพชาวไทย สาระความรู้สุขภาพ Health Economy ท่องเที่ยวสุขภาพ กิจกรรม ESG CSR กิจกรรม Event บริจาค
น่าสนใจไทยแลนด์
English
About us เผยแพร่เนื้อหา สถิติเว็บไซต์ สำรวจความเห็นสุขภาพ โฆษณา
healthserv.net@gmail.com

สถาบันสุขภาพจิตเด็กและวัยรุ่นภาคใต้

Southern institute of child and adolescent mental health

Logo

สถาบันสุขภาพจิตเด็กและวัยรุ่นภาคใต้ให้บริการตรวจรักษาและฟื้นฟูสมรรถภาพเด็ก วัยรุ่น และครอบครัว อายุไม่เกิน 18 ปี โดยทีมสหวิชาชีพเช่น เด็กที่มีปัญหาการเรียน เด็กสมาธิสั้น เด็กออทิสติก พัฒนาการล่าช้า มีปัญหาอารมณ์หรือพฤติกรรม ปัญหาการเลี้ยงดู ตั้งแต่ เวลา 08.30 – 16.30

ที่อยู่/ติดต่อ
ถ.ธราธิบดี ต.ท่าข้าม อ.พุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี 84130

*ข้อมูลรวบรวมโดย Healthserv.net เพื่ออำนวยความสะดวกเบื้องต้นให้กับผู้ชมที่ต้องการข้อมูลสถานพยาบาล ไม่ใช่เว็บทางการของรพ./สถานพยาบาลแต่อย่างใด แนะนำให้ไปยังเว็บไซต์/เฟซบุ๊ค หรือช่องทางติดต่อของรพ./สถานพยาบาลนั้นๆ โดยตรง

HealthServ ชวนร่วมตอบแบบสอบถาม สำรวจความต้องการบริการสุขภาพของคนไทย

HealthServ ชวนร่วมตอบแบบสอบถาม สำรวจความต้องการบริการสุขภาพของคนไทย

ผลสำรวจ

ข่าวสาร-สาระ-ข้อมูลบริการ สถาบันสุขภาพจิตเด็กและวัยรุ่นภาคใต้

ข่าวสาร ข้อมูลบริการ บทความ สาระประโยชน์

  • ยังไม่มีข่าวสาร ข้อมูลจากที่นี่
[ทั้งหมด]
สถาบันสุขภาพจิตเด็กและวัยรุ่นภาคใต้
 สถาบันสุขภาพจิตเด็กและวัยรุ่นภาคใต้
 
 
 
วัน คลินิค
  1. จันทร์ คลินิกสุขภาพจิตโรงเรียน/คลินิคส่งเสริมพัฒนาการ
  2. อังคาร คลินิกส่งเสริมพัฒนาการ/คลินิคจิตเวชเด็กและวัยรุ่นทั่วไป
  3. พุธ คลินิกสมาธิสมาธิสั้น/คลินิคส่งเสริมพัฒนาการ
  4. พฤหัสบดี คลินิกส่งเสริมพัฒนาการ/คลินิคอารมณ์และพฤติกรรม
  5. ศุกร์ คลินิคส่งเสริมพัฒนาการ
ผู้มารับบริการใหม่
มานัดหมายด้วยตนเองพร้อมผู้ป่วยโดยนำสำเนาสูติบัตร สำเนาทะเบียนบ้าน และใบส่งตัวจากโรงพยาบาลต้นสังกัดของบัตรประกันสุขภาพ
 
ผู้ป่วยเก่าหรือผู้ป่วยที่รับยาเดิม
ให้มาติดตามการรักษาตามวันเวลาที่นัดหมายเท่านั้น หากท่านต้องการเลื่อนนัด หรือมาก่อนนัดหมาย ให้ติดต่อ 077-312-179 ในเวลาราชการ
 
แพทย์ผู้ออกตรวจ
  1. พ.ญ. วีราณี เจริญวงศ์ศักดิ์
  2. น.พ. วีระ ชูรุจิพร
  3. น.พ. ณฐกร ฤทธิ์บุญญากร
  4. น.พ. ภาวัต อรุณเพ็ชร
  5. พ.ญ. หทัยชนนี บุญเจริญ
 
* กรณีมีการเปลี่ยนวันนัดหมายทางสถาบันสุขภาพจิตเด็กและวัยรุ่นภาคใต้จะโทรศัพท์แจ้งให้ผู้ปกครองทราบล่วงหน้า ผู้ป่วยที่ต้องรับการกระตุ้นพัฒนาการ มีทีมสหวิชาชีพที่ให้บริการตามวันเวลาที่นัดหมาย ประกอบด้วย นักกิจกรรมบำบัด พยาบาลวิชาชีพ นักวิชาการศึกษาพิเศษ


คลินิกพิเศษ
  • กระตุ้นพัฒนาการ
  • กิจกรรมบำบัด
  • การศึกษาพิเศษ
  • สุขภาพจิตโรงเรียน

คำแนะนำสำหรับพ่อ แม่ และผู้ปกครอง
  • โรคสมาธิสั้นเกิดจากความบกพร่องของสมองส่วนหน้า (prefrontal cortex) และเด็กอาจมีอาการเรื้อรังจนถึงวัยผู้ใหญ่
  • พ่อแม่ ควรจัดสิ่งแวดล้อมในครอบครัวให้มีระเบียบแบบแผนที่ชัดเจนและกำหนดกิจวัตรประจำวันต่างๆ ให้สม่ำเสมอ
  • พ่อแม่ ควรจัดสถานที่และสภาพแวดล้อมให้เด็กทำกิจกรรมต่าง ๆ ที่ต้องใช้สมาธิได้อย่างสงบ โดยไม่มีสิ่งเร้ามาคอยรบกวนเกินไป
  • พ่อแม่ อาจช่วยแบ่งกิจกรรมให้ทำทีละน้อย ช่วยวางแผนการทำกิจกรรมต่างๆ ให้เป็นระบบ และอาจต้องคอยช่วยกำกับแลให้ทำกิจกรรมนั้นต่อเนื่องจนเสร็จ
  • พ่อแม่ควรออกคำสั่งในขณะที่เด็กตั้งใจฟัง ใช้คำสั่งที่สั้น ชัดเจน และเข้าใจง่าย โดยใช้น้ำเสียงและท่าทีนุ่นนวล แต่มีความหนักแน่นจริงจัง และหลีกเลี่ยงการพูดบ่น ตำหนิ หรือการใช้อารมณ์กับเด็ก
  • พ่อแม่ ควรสนับสนุนให้เด็กทำกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ เช่น ทำงานบ้าน หรือออกกำลังกาย เป็นต้น และควรชมเชยเมื่อเด็กทำกิจกรรมเหล่านี้
  • พ่อแม่ สามารถใช้หลักพฤติกรรมบำบัดในการปรับพฤติกรรมของเด็ก โดยการกำหนดพฤติกรรมที่พึงประสงค์กับเด็กไว้ก่อนอย่างชัดเจน
คำแนะนำสำหรับครู
  • ครูควรกำหนดตารางกิจกรรม และกฎระเบียบของห้องเรียนอย่างชัดเจน และติดตามให้ปฏิบัติตามอย่างสม่ำเสมอ
  • ครูควรจัดให้เด็กนั่งเรียนในตำแหน่งที่มีสิ่งเร้ารบกวนน้อย คือ แถวหน้าหรือใกล้ชิดครู เพื่อให้ครูสามารถกำกับดูแลให้เด็กมีสมาธิในการเรียนได้ง่าย
  • ครูควรมอบหมายงานโดยแบ่งให้ทำครั้งละน้อย ๆ เมื่อทำเสร็จแล้วจึงค่อยให้งานเพิ่ม และชมเชยเด็กทันทีที่ตั้งใจทำงานหรือทำงานเสร็จทันเวลา
  • เมื่อเด็กเริ่มหมดสมาธิ ครูควรเตือนให้เด็กกลับมาสนใจการเรียนอย่างไม่ทำให้เด็กอับอาย หรือให้ช่วยทำงานบางอย่าง เช่น เก็บหรือแจกสมุดการบ้านให้เพื่อน ๆ ลบกระดาน เป็นต้น
  • ครูควรค้นหาข้อดีหรือความสามารถพิเศษของเด็ก สนับสนุนให้เด็กได้แสดงความสามารถนั้น หลีกเลี่ยงการตำหนิ ดุว่า หรือลงโทษรุนแรง และอาจต้องช่วยสอนเสริมตัวต่อตัว เพราะเด็กจะมีสมาธิดีกว่าการเรียนเป็นกลุ่มใหญ่
  • ครูควรสื่อสารกับพ่อแม่เกี่ยวกับพฤติกรรมของเด็กอย่างสม่ำเสมอและมีส่วนร่วมในการวางแผนการดูแลรักษาเด็ก
  • ครูสามารถใช้หลักพฤติกรรมบำบัดในการปรับพฤติกรรมของเด็กตามที่กล่าวในหัวข้อการให้คำแนะนำสำหรับพ่อแม่และผู้ปกครอง