ข่าวสุขภาพ
ค้นหา รพ.-คลินิก-ร้านยาทั่วไทย ร้านยาคุณภาพของฉัน บริการสุขภาพ คลินิกเอกชน งาน รพ.
บริการวัคซีนโควิด บริการตรวจโควิด
ตำแหน่งงาน
ข่าวสุขภาพทั่วไป ข่าวธุรกิจสุขภาพไทย ข่าวธุรกิจสุขภาพรอบโลก กิจกรรม-บริการ รพ.ต่างๆ สิทธิสุขภาพชาวไทย สาระความรู้สุขภาพ Health Economy ท่องเที่ยวสุขภาพ กิจกรรม ESG CSR กิจกรรม Event บริจาค
น่าสนใจไทยแลนด์
English
About us เผยแพร่เนื้อหา สถิติเว็บไซต์ สำรวจความเห็นสุขภาพ โฆษณา
healthserv.net@gmail.com

โครงการคนละครึ่ง เฟส 4 - เที่ยวด้วยกัน เฟส 4 - บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 65

โครงการคนละครึ่ง เฟส 4 - เที่ยวด้วยกัน เฟส 4 - บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 65 HealthServ.net
โครงการคนละครึ่ง เฟส 4 - เที่ยวด้วยกัน เฟส 4 - บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 65 ThumbMobile HealthServ.net

ชุดใหญ่ไฟกระพริบสำหรับโครงการกระตุ้นใช้จ่าย เฟส 4 จำนวน 2 โครงการ โครงการคนละครึ่ง และ เที่ยวด้วยกัน ตามด้วย บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 65 เป้าหมาย 20 ล้านคน เริ่มใช้สิทธิ 1 ต.ค. 65

โครงการคนละครึ่ง เฟส 4 - เที่ยวด้วยกัน เฟส 4 - บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 65 HealthServ
 

โครงการ เราเที่ยวด้วยกัน เฟส 4


ระยะเวลาโครงการ 1 กุมภาพันธ์ - 31 พฤษภาคม 2565

ประชาชนลงทะเบียนรับ 3 สิทธิ ดังนี้


สิทธิที่ 1 - รับสิทธิท่องเที่ยว
ส่วนลดค่าที่พัก 40% สูงสุดไม่เกิน 3,000 บาทต่อห้องหรือคืน สูงสุด 10 ห้อง หรือ 10 คืน (เริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ.2565 เป็นต้นไป)

* สิทธิ์ห้องพัก จำนวน 2,000,000 สิทธิ์ (2 ล้านสิทธิ์) - นักท่องเที่ยวมีคนละ 10 สิทธิ์
** ประชาชนที่เคยลงทะเบียนโครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 1 , 2 และ 3 แล้ว ไม่ต้องลงทะเบียนรับสิทธิใหม่ จะได้รับสิทธิในเฟส 4 ใหม่ จำนวน 10 สิทธิ

สิทธิท่องเที่ยว
  • รับสิทธิส่วนลดค่าห้องพัก
  • รับสิทธิส่วนลดค่าอาหารและสถานที่ท่องเที่ยว
  • จองห้องพักได้ทุกจังหวัดทั่วประเทศ ยกเว้นจังหวัดตามทะเบียนบ้านของผู้ใช้สิทธิ
  • 1 เบอร์โทรศัพท์ ต่อ 1 เลขบัตรประจำตัวประชาชนเท่านั้น
  • หมายเหตุ เบอร์ลงทะเบียนที่ใช้รับสิทธิ ต้องเป็นเบอร์เดียวกับที่ลงทะเบียนแอปฯ เป๋าตัง
  • มีบัตรประจำตัวประชาชนเป็นบุคคลสัญชาติไทย
  • อายุตั้งแต่ 18 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป ณ วันที่ลงทะเบียน
 

ประชาชนผู้ไม่เคยลงทะเบียนรับสิทธิ สามารถลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 4 ได้ตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ. 65 เป็นต้นไป
 
 


สิทธิที่ 2 - รับคูปองส่วนลดค่าอาหาร-ท่องเที่ยว
รับคูปอง มูลค่าสูงสุด 600 บาท ต่อห้องต่อคืนวัน (ทุกวัน)
ใช้เป็นส่วนลดค่าอาหารและค่าเข้าสถานที่ท่องเที่ยวที่ร่วมโครงการ โดยชำระเพียง 60% อีก 40% ตัดจากคูปอง เมื่อ Check-in เข้าพัก จึงจะได้รับคูปองเป็นรายวัน (หลัง 17:00 น.)

 

สิทธิที่ 3 - สิทธิคืนเงินสิทธิตั๋วเครื่องบิน
คืนเงินค่าตั๋วเครื่องบิน 40% สูงสุดไม่เกิน 3,000 บาท* ต่อผู้โดยสาร จำกัดห้องพักละ 2 ผู้โดยสาร ตามจำนวนห้องพักที่จองผ่านโครงการ หลังท่องเที่ยวและ check-out โรงแรมแล้ว

*เฉพาะท่องเที่ยวในจังหวัดที่กำหนด ภูเก็ต พังงา กระบี่ สุราษฎร์ธานี สงขลา เชียงใหม่ และเชียงราย
** สิทธิ์ตั๋วเครื่องบิน 40% จำนวน 600,000 สิทธิ์  - ( 2 สิทธิ์ ต่อการจองห้องพัก 1 ห้อง/สิทธิ์)

สิทธิคืนค่าตั๋วเครื่องบิน 
  • รัฐบาลคืนเงินค่าตั๋วเครื่องบิน 40% ของมูลค่าตั๋วเครื่องบินไม่เกิน 2,000 บาทต่อ 1 ผู้โดยสาร เข้า G-Wallet โดยห้องพัก 1 ห้อง ได้สิทธิ 2 ผู้โดยสาร
  • สำหรับการเดินทางท่องเที่ยวไปยัง ภูเก็ต พังงา กระบี่ สุราษฎร์ธานี สงขลา เชียงใหม่ และ เชียงราย รัฐบาลคืนเงินสนับสนุนค่าตั๋วเครื่องบินเท่ากับ 40% ของมูลค่าตั๋วเครื่องบิน แต่ไม่เกิน 3,000 บาท ต่อ 1 ผู้โดยสาร เข้าทาง G-Wallet โดยห้องพัก 1 ห้อง ได้สิทธิ 2 ผู้โดยสาร
  • จะต้อง Check out จากห้องพักและบินกลับแล้ว จึงจะสามารถลงทะเบียนเพื่อขอรับสิทธิสนับสนุนค่าตั๋วเครื่องบินได้
  • ผู้ลงทะเบียนขอรับสิทธิสนับสนุนค่าตั๋วเครื่องบินจะต้องเป็นผู้จองห้องพักในโครงการเราเที่ยวด้วยกัน และเป็นผู้จองและร่วมโดยสารในเที่ยวบินดังกล่าวเท่านั้น
  • ประชาชนสามารถใช้ Booking No. ที่จองตั๋วเครื่องบิน 1 หมายเลข ต่อการจองห้องพัก 1 ครั้งในโครงการเราเที่ยวด้วยกันเท่านั้น
  • ลงทะเบียนขอรับเงินสนับสนุนค่าตั๋วเครื่องบิน ระหว่างวันที่ 8 ก.พ. – 5 มิ.ย. 2565 ระหว่างเวลา (06.00 น. - 21.00 น.) โดยเป็นตั๋วเครื่องบินที่ทำการจองและออกเดินทางระหว่างวันที่ 3 ก.พ. - 31 พ.ค. 2565
  • สามารถกรอกและยืนยันข้อมูลขอรับสิทธิเงินสนับสนุนค่าตั๋วเครื่องบินวันสุดท้ายในวันที่ 5 มิถุนายน 2565 เวลา 21.00 น.



 

 
 
 

ผู้ประกอบการ

เฟส 4  ไม่มีนโยบายรับสมัครผู้ประกอบการท่องเที่ยวรายใหม่

ผู้ประกอบการรายเดิม 
  •  ไม่สามารถแก้ไข / เปลี่ยนแปลง / เพิ่ม ข้อมูล เรื่องราคา ห้องพักได้ 
  •  สามารถเพิ่มเบอร์ที่ผูกกับถุงเงิน (สูงสุด 5 หมายเลข)  โดยเข้าไประบบจัดการร้านค้า ทัวร์เที่ยวไทย
  •  สามารถเพิ่มสาขา (สถานประกอบการ) ภายใต้ถุงเงินเดียวกัน โดยเข้าไประบบจัดการร้านค้า ทัวร์เที่ยวไทย
ช่องทางติดต่อ

สำหรับผู้ประกอบการ
ยื่นคำร้อง / สอบถาม - TTogetherFeedback3@gmail.com
เรื่องเบิกจ่าย/ ส่งหลักฐานเบิกจ่าย - PayTTogether@gmail.com

สำหรับนักท่องเที่ยว 
1. ศูนย์ช่วยเหลือผู้เข้าร่วมโครงการฯ (กรุงไทย) 02-111-1122
2. TAT Contact Center 1672

รายละเอียดโครงการ www.เราเที่ยวด้วยกัน.com
 
โครงการคนละครึ่ง เฟส 4 - เที่ยวด้วยกัน เฟส 4 - บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 65 HealthServ


โครงการคนละครึ่งเฟส 4


รัฐช่วยจ่าย 50% วันละไม่เกิน 150 บาท/คน ยอดสูงสุด 1,200 บาท ตลอดโครงการ 
ชำระเงินผ่านแอปเป๋าตัง ช่อง G-Wallet กับร้านค้าที่ร่วมโครงการ

ระยะเวลาโครงการ 1 ก.พ. 2565 - 30 เม.ย. 2565
 
 
เพื่อรักษาสิทธิในเฟส 4 
ประชาชนที่เคยได้รับสิทธิในเฟส 3 ต้องใช้จ่ายภายในวันที่ 28 ก.พ.65 เวลา 22.59 น. จึงจะสามารถใช้จ่ายได้ตลอดระยะเวลาโครงการ (เฟส 4)
 
 
เฟส 4 นี้ ใช้สิทธิสั่งอาหารและเครื่องดื่ม ผ่าน Food Delivery Platform ได้ด้วยนะ 
 
เริ่มสั่งได้ตั้งแต่ 1 ก.พ.- 30 เม.ย. 65


ประชาชน สั่งโดย
  • ผ่านแอป เป่าตังเท่านั้น
  • ค้นหาร้านอาหารในแอปได้เลย
  • สั่งอาหารได้ตั้งแต่ 6-21 น.ของทุกวัน


ผู้ประกอบการ ร่วมโครงการ (วิธีการด้านล่าง)

ร้านค้าเลือกแพลตฟอร์มผ่านแอปถุงเงิน ได้ตั้งแต่ 1 ก.พ.65 
*ร้านค้าในเฟส 3 ที่เคยเลือกเข้าร่วมแพลตฟอร์มฟู๊ดดีลิเวอรี่ไว้ ในเฟส 4 จะได้เข้าโดยอัตโนมัติ  (เฉพาะหมวดอาหารและเครื่องดื่มเท่านั้น)
 


***********
 

วิธีการลงทะเบียนสำหรับประชาชน

คุณสมบัติผู้มีสิทธิเข้าร่วมโครงการ
 
  • มีบัตรประจำตัวประชาชนและเป็นบุคคลสัญชาติไทย
  • อายุตั้งแต่ 18 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป ณ วันที่ลงทะเบียน
  • ประชาชนสามารถเลือกลงทะเบียนได้ 1 โครงการเท่านั้น
  • ไม่เป็นผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐรัฐ (ตามฐานข้อมูลกระทรวงการคลัง ณ วันที่ 25 มกราคม 2565) * ผู้ได้รับสิทธิบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ สามารถตรวจสอบมาตรการสนับสนุนเพิ่มเติมจากภาครัฐฯ ได้ที่ www.cgd.go.th
  • ไม่เป็นผู้ได้รับสิทธิโครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ (ผ่านบัตรประชาชน) ระยะที่ 2 * ตรวจสอบผู้ได้รับสิทธิผ่านบัตรประชาชนได้จาก www.เราชนะ.com


กลุ่มผู้ลงทะเบียนเฟส 4

ประชาชนที่มีคุณสมบัติตามเงื่อนไขที่โครงการกำหนด แบ่งเป็น
 
  1. ผู้ที่เคยได้รับสิทธิคนละครึ่งเฟส 3 กดยืนยันสิทธิและต้องมีการใช้จ่ายครั้งแรกภายในวันที่ 28 ก.พ. 65 เพื่อดำรงสิทธิ
    * หากถูกตัดสิทธิสามารถกลับมาลงทะเบียนใหม่ได้หากสิทธิคงเหลือ
  2. ผู้ที่ไม่เคยได้รับสิทธิโครงการคนละครึ่งเฟส 3 สามารถลงทะเบียนได้ตั้งแต่วันที่ 10 ก.พ. 65 เป็นต้นไป



 
การลงทะเบียนรับสิทธิ

สามารถลงทะเบียนได้ 2 ช่องทาง
 
  • ลงทะเบียนผ่าน www.คนละครึ่ง.com
  • ลงทะเบียนผ่านแอปฯเป๋าตัง พร้อมผูก G-wallet (กดแถบโครงการคนละครึ่ง) สำหรับผู้ที่เคยได้รับสิทธิคนละครึ่งเฟส 3/มาตรการรัฐที่ใช้แอปฯเป๋าตัง

หมายเหตุ : สำหรับผู้ที่เคยได้รับสิทธิคนละครึ่งเฟส 3 ได้รับสิทธิโดยอัตโนมัติ โดยต้องกดยืนยันสิทธิ ก่อนเริ่มใช้จ่ายในคนละครึ่งเฟส 4
 
 

สำหรับผู้ใช้ใหม่ (ผู้ที่ไม่เคยได้รับสิทธิคนละครึ่งเฟส 3)
  1. ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการผ่าน www.คนละครึ่ง.com ตั้งแต่วันที่ 10 ก.พ. 65 เป็นต้นไป จนกว่าจะครบจำนวน เวลา 06.00 น. – 22.00 น.
  2. รอรับ SMS ยืนยันหลังจากลงทะเบียน (SMS ยืนยันภายใน 3 วัน)
  3. ดาวน์โหลด + ติดตั้งแอปฯ เป๋าตัง ผูก G-Wallet เพื่อรับสิทธิตามโครงการ
  4. ยืนยันตัวตนก่อนการใช้สิทธิโดยการ Dipchip บัตรประชาชน ที่ตู้ ATM สีเทาของธนาคารกรุงไทย หรือสาขาของธนาคารกรุงไทย (กรณีที่เคยยืนยันตัวตนผ่านสาขา หรือตู้ ATM แล้ว สามารถใช้สิทธิได้ทันที)
  5. เริ่มต้นใช้สิทธิ ตั้งแต่วันที่ 17 ก.พ. 65 หรือหลังจากได้รับสิทธิ
  6. เติมเงินเข้า G-Wallet ก่อนเริ่มใช้สิทธิ และใช้จ่ายในร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการ
  7. ใช้สิทธิกับร้านค้าถุงเงินที่เข้าร่วมโครงการระหว่างเวลา 06.00 - 23.00 น.
  8. เสร็จสิ้นการชำระเงิน
 
สำหรับผู้ใช้เก่า
 
  1. เปิด แอปฯ เป๋าตัง
  2. กดที่ แบนเนอร์ โครงการคนละครึ่งเฟส 4
  3. กดยอมรับ ข้อตกลงและเงื่อนไข
 
 

***********

 

วิธีการลงทะเบียนสำหรับร้านค้าใหม่

* สำหรับร้านค้าในโครงการคนละครึ่งเดิม ไม่ต้องลงทะเบียนใหม่ ให้ดำเนินการอัปเดตเวอร์ชั่นถุงเงินให้เป็นเวอร์ชั่นล่าสุด เพื่อรับสิทธิในวันที่ 1 ก.พ. 65

** รับสมัครร้านค้าผ่านช่องทางเว็บไซด์ www.คนละครึ่ง.com ตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ. 65 เวลา 06.00-22.00 น.


ประเภทร้านค้าที่สามารถเข้าร่วมโครงการ

1. คุณสมบัติและประเภทกิจการที่สามารถเข้าร่วมโครงการ ได้แก่ อาหาร เครื่องดื่ม สินค้าทั่วไป และค่าบริการ (นวด สปา ทำผมทำเล็บ ค่าเดินทางโดยบริการขนส่งสาธารณะหรือขนส่งมวลชนสาธารณะ)

ไม่รวมถึงสลากกินแบ่ง เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ยาสูบ บัตรกำนัล (gift voucher/gift card) บัตรเงินสด (cash card) และสินค้า/บริการรูปแบบอื่น ๆ ที่เป็นการชำระล่วงหน้า (prepaid)
 
การซื้อสินค้า/บริการจริงตรงตามมูลค่าที่สแกนจ่าย ไม่อนุญาตให้ผู้ประกอบการทอนเงินสดหรือรับแลกสินค้า/บริการคืนเป็นเงินสดไม่ว่ากรณีใด
(คลิกรายละเอียด)

2. ไม่ได้จดทะเบียนในรูปแบบนิติบุคคล ยกเว้น ร้านธงฟ้า,กองทุนหมู่บ้าน วิสาหกิจชุมชน และบริการขนส่งสาธารณะมวลชน


3. ไม่เป็นร้านสะดวกซื้อที่เป็นธุรกิจเฟรนไชส์


เริ่มลงทะเบียนร้านค้าใหม่

ตั้งแต่ 1 ก.พ. 65 เป็นต้นไป ตั้งแต่เวลา 6.00 - 22.00

โดยมีช่องทางดังนี้
 
  1. สำหรับบุคคลธรรมดา ลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ เท่านั้น
  2. ร้านธงฟ้า,กองทุนหมู่บ้าน วิสาหกิจชุมชน และบริการขนส่งสาธารณะมวลชน ลงทะเบียนผ่านสาขาหรือจุดบริการของธนาคารกรุงไทย ทั่วประเทศในเวลาทำการ
 
 
โครงการคนละครึ่ง เฟส 4 - เที่ยวด้วยกัน เฟส 4 - บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 65 HealthServ
 

บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 65


ครม. เห็นชอบ ลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 65 เป้าหมาย 20 ล้านคน เริ่มใช้สิทธิ 1 ต.ค. 65

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบ โครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2565 และเห็นชอบร่างประกาศ คกก.ฯ เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการประเมินผลการดำเนินงาน และความคุ้มค่าในการจัดประชารัฐสวัสดิการ ทั้งนี้ เพื่อบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายให้กับผู้มีบัตรสวัสดิการฯ อย่างต่อเนื่อง รวมทั้งช่วยเหลือกลุ่มตกหล่นให้สามารถเข้าถึงโครงการฯ โดยมีกลุ่มเป้าหมาย ประชาชนผู้สนใจลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯ ประมาณ 20 ล้านคน (ผู้ถือบัตรสวัสดิการฯ เดิมและผู้เข้าข่ายได้รับสิทธิรายใหม่) คาดสามารถเริ่มใช้สิทธิได้ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 65 โดยมีกรอบวงเงิน 564.455 ล้านบาท


สำหรับคุณสมบัติของผู้ลงทะเบียน

มีดังนี้ 
 
  • ผู้ที่มีสัญชาติไทย อายุ 18 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป ต้องไม่เป็นภิกษุ ผู้ต้องขัง บุคคลที่อยู่ในสถานสงเคราะห์ ข้าราชการ พนักงานราชการ ผู้ปฏิบัติงานในหน่วยงานของรัฐที่ได้รับค่าตอบแทนจากหน่วยงานของรัฐ 
  • รายได้ของผู้ลงทะเบียนไม่เกิน 100,000 บาท/คน/ปี และรายได้เฉลี่ยของครอบครัวของผู้ลงทะเบียนไม่เกิน 100,000 บาท/คน/ปี และผู้ลงทะเบียนจะต้องไม่มีวงเงินกู้ หรือมีวงเงินกู้ ณ เวลาใดเวลาหนึ่ง แต่ไม่เกินหลักเกณฑ์ เช่น วงเงินกู้สำหรับที่อยู่อาศัยรวมไม่เกิน 1.5 ล้านบาท และวงเงินกู้สำหรับยานพาหนะรวมไม่เกิน 1 ล้านบาท เป็นต้น 
  • ไม่มีกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์ หรือมีกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์ ณ เวลาใดเวลาหนึ่ง ซึ่งต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่ คกกฯกำหนด


นอกจากนี้ที่ประชุมฯ ยังเห็นชอบให้กำหนดแนวทางในการแก้ไขปัญหาที่เกี่ยวข้อง เพื่อแก้ไขปัญหาผู้มีรายได้น้อยที่ไม่ได้บัตรสวัสดิการฯ และปัญหาผู้มีบัตรฯ ที่ไม่ควรได้รับสิทธิ ทั้งนี้จะมีการ เปิดรับลงทะเบียน ตามโครงการฯ อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง และ จะมีการดำเนินการตรวจสอบ คุณสมบัติและตรวจสอบข้อมูลของผู้ลงทะเบียน อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง อีกด้วย

สำหรับผู้ได้รับสิทธิจากโครงการฯ ปี 2565 จะใช้บัตรประจำตัวประชาชนแทนบัตร สวัสดิการฯ เนื่องจากบัตรสวัสดิการฯ ที่ได้เริ่มใช้งานตั้งแต่เดือน ต.ค. 2560 มีอายุการใช้งาน 5 ปี และจะหมดอายุในเดือน ก.ย. 2565 ซึ่งจะช่วยประหยัดต้นทุนในการผลิตบัตรสวัสดิการฯ ใหม่ ประมาณ 1,258 ล้านบาท อีกทั้งลดปัญหาเรื่องการสวมสิทธิบัตรประจำตัวประชาชนหรือการนำบัตรประจำตัวประชาชนของบุคคลอื่นไปใช้ สิทธิแทน และช่วยลดการทุจริต เช่น กรณีร้านค้าเก็บบัตรสวัสดิการฯ ไว้เอง เป็นต้น

ข่าว/บทความล่าสุด
เนื้อหาอ่านล่าสุด