ข่าวสุขภาพ
ข่าวสุขภาพทั่วไป ข่าวธุรกิจสุขภาพไทย ข่าว/กิจกรรม/สาระ รพ.ต่างๆ ข้อมูลบริการ รพ.ต่างๆ สาระความรู้สุขภาพ กิจกรรม ESG CSR Health Economy บริจาครพ.ต่างๆ
น่าสนใจไทยแลนด์
About us เผยแพร่เนื้อหา สถิติเว็บไซต์ สำรวจความเห็นสุขภาพ โฆษณา
healthserv.net@gmail.com

ไทยตั้งเป้าเป็นศูนย์กลางบริการทันตกรรม - Thai Dental Hub

ไทยตั้งเป้าเป็นศูนย์กลางบริการทันตกรรม - Thai Dental Hub Thumb HealthServ.net
ไทยตั้งเป้าเป็นศูนย์กลางบริการทันตกรรม - Thai Dental Hub ThumbMobile HealthServ.net

ด้วยศักยภาพการแพทย์ด้านทันตกรรมของไทย มีการพัฒนาสูงและเร็วมากในช่วงเวลาที่ผ่านมา มีจำนวนทันตแพทย์และคลินิกทันตกรรมจำนวนมากในตลาด มีการแข่งขันสูงทำให้การบริการและอัตราค่าบริการมีหลากหลาย อีกทั้งมีชาวต่างประเทศเดินทางเข้ามารับบริการด้านนี้ในประเทศไทยจำนวนไม่น้อย เหตุเพราะค่าบริการทำฟันในต่างประเทศนั้นมีราคาสูงมากเมื่อเทียบกับประเทศไทย ด้วยเหตุนี้รัฐจึงหวังผลักดันไทยให้เป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติด้านทันตกรรม (Thailand Dental Hub) เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวและเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจให้กับประเทศ

 
 
12 มิถุนายน 2565 นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม สั่งการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมผลักดันประเทศให้เป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติด้านทันตกรรม (Dental Hub) โดยกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข รับลูกเดินหน้า โดยจะใช้จังหวัดภูเก็ตเป็นพื้นที่นำร่อง เชื่อมั่นสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวได้ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ รวมทั้งสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจให้กับประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ


 
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่าตามที่นายกรัฐมนตรีสั่งการเร่งรัดให้ด้านนโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อสร้างรายได้จากการพัฒนาประเทศให้เป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ ยกระดับเป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติด้านทันตกรรม (Dental Hub) อย่างเต็มรูปแบบ กำหนดวางแนวทางให้นำบริการทันตกรรมที่มีศักยภาพสูงของไทยมาเป็นจุดดึงดูดนักท่องเที่ยว และได้กำหนดพื้นที่นำร่องคลินิกทันตกรรมในจังหวัดภูเก็ต ซึ่งเชื่อว่าจะสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบการรับบริการด้านสุขภาพในโอกาสเดียวกับมาท่องเที่ยวจากทั่วโลกมารับบริการจาก Dental Hub ของไทยได้ ทั้งนี้ อุตสาหกรรมการแพทย์เป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมเป้าหมายที่ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย ซึ่งนอกจากจะช่วยดึงเม็ดเงินเข้าสู่ประเทศแล้ว ยังเพิ่มการจ้างงาน และเชื่อมโยงไปยังธุรกิจที่เกี่ยวข้อง 
 
ทั้งนี้ การเป็นศูนย์กลางบริการทางการแพทย์ และศูนย์กลางยาและผลิตภัณฑ์สุขภาพ เป็น 1 ใน 5 กลุ่มอุตสาหกรรมใหม่ของไทยที่มีศักยภาพ (New S-curve) ได้แก่ 1. กลุ่มหุ่นยนต์เพื่ออุตสาหกรรม 2. อุตสาหกรรมการบิน 3. อุตสาหกรรมเชื้อเพลิงชีวภาพและเคมีชีวภาพ 4. อุตสาหกรรมดิจิตอล และ 5. อุตสาหกรรมการแพทย์ครบวงจร  นอกจากนี้สถานพยาบาลของไทยยังได้รับการยอมรับจากนานาประเทศในด้านการบริการ ด้านคุณภาพมาตรฐานเทคโนโลยีที่ทันสมัย มีความพร้อมที่จะพัฒนาและยกระดับ รวมทั้งมีแนวโน้มเติบโตโดดเด่นและเป็นเทรนด์ที่จะสนับสนุนการเติบโตของอุตสาหกรรมการแพทย์ของโลกในอนาคต 
 
โดยแนวทาง Dental Hub จะเน้นรูปแบบบริการทันตกรรมเพื่อความงาม ที่กำหนดอัตราค่าบริการเป็นราคาเดียว (One Price Policy) ผ่านการพัฒนาแอปพลิเคชันหรือแพลตฟอร์มกลางในการเชื่อมโยงฐานข้อมูลร่วมกัน อีกทั้งในโอกาสเดียวกัน จะมีการพัฒนาศูนย์ล่ามและระบบไกล่เกลี่ย ข้อพิพาท รวมถึง จัดทำระบบ Payment Mechanism และพัฒนาระบบอำนวยความสะดวกด้านการตรวจตราชาวต่างชาติ โดยคาดว่าจะเปิดให้คลินิกทันตกรรมที่สนใจสมัครเข้าร่วมโครงการได้ในช่วงไตรมาสที่ 3-4 ของปี 2565 นี้
 
“นายกรัฐมนตรีเน้นย้ำการเร่งขับเคลื่อนการพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ เชื่อมั่นว่าจะเป็นอีกหนึ่งโอกาสในการพัฒนาการท่องเที่ยว และเศรษฐกิจไทย โดยใช้การแพทย์ที่ไทยมีศักยภาพ พร้อมขอความร่วมมือจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ร่วมดำเนินการกำหนดแนวทาง ความคิดความเห็นที่เป็นประโยชน์ ร่วมพัฒนาต่อยอดความรู้ความเชี่ยวชาญ การลงทุนอย่างบูรณาการ และเป็นไปในทิศทางเดียวกัน เพื่อเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนา และฟื้นฟูเศรษฐกิจ และสังคมต่อไป” นายธนกรฯ กล่าว
ไทยตั้งเป้าเป็นศูนย์กลางบริการทันตกรรม - Thai Dental Hub HealthServ

ข่าว/บทความล่าสุด
เนื้อหาอ่านล่าสุด