ศาสตราจารย์ เภสัชกรหญิง ดร.กาญจน์พิมล ฤทธิเดช รองผู้อำนวยการสถานเสาวภา กล่าวว่า “ในนามสภากาชาดไทย และภาคีเครือข่าย ดิฉันมีความยินดีอย่างยิ่งที่ได้ร่วมมือกับ บริษัท เอ็มเอสดี (ประเทศไทย) จำกัด ในการนำวัคซีนเอชพีวี ชนิด 4 สายพันธุ์ จำนวน 800,000 โดส ไปดำเนินการฉีดให้กับเด็กหญิงไทย 400,000 คนในกลุ่มเป้าหมายที่ไม่เคยได้รับวัคซีนฯ มาก่อนและเด็กหญิงในกลุ่มเปราะบาง เพื่อป้องกันโรคมะเร็งปากมดลูก และมะเร็งอื่น ๆ ที่เกิดจากเชื้อเอชพีวี ซึ่งเป็นโรคที่คร่าชีวิตของผู้หญิงไทยเฉลี่ยวันละ 24 คน หากแต่โรคมะเร็งปากมดลูกเป็นมะเร็งเพียงไม่กี่ชนิดที่สามารถป้องกันได้ด้วยการฉีดวัคซีนเอชพีวี และการตรวจคัดกรองอย่างสม่ำเสมอ จึงเป็นแนวทางที่มีประสิทธิภาพที่สุดในการป้องกันการเกิดมะเร็งปากมดลูก ดังนั้นการบริจาควัคซีนฯ และความร่วมมือในครั้งนี้สอดคล้องกับพันธกิจของสภากาชาดไทย ที่มุ่งส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่ดีให้แก่ประชาชนและบุคคลกลุ่มเปราะบางในประเทศไทย เราจึงหวังเป็นอย่างยิ่งว่าความร่วมมือในครั้งนี้จะนำไปสู่การลดอุบัติการณ์ของมะเร็งปากมดลูก และเป็นเส้นทางนำไปสู่การกำจัดโรคดังกล่าว ให้หมดไปจากประเทศไทย และสอดคล้องกับแนวทางขององค์การอนามัยโลก ในการกำจัดโรคมะเร็งปากมดลูกภายในปี 2030”
ดร. แมรี่ เสรฐภักดี กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็มเอสดี (ประเทศไทย) กล่าวว่า “การส่งมอบวัคซีนเอชพีวี 4 สายพันธุ์ในครั้งนี้ นับเป็นก้าวที่สำคัญอย่างยิ่งสำหรับเอ็มเอสดี ที่มุ่งมั่นพัฒนาเพื่อสุขภาพและชีวิตที่ของคนในประเทศไทยและประชากรทั่วโลก ผ่านการคิดค้นพัฒนายาใหม่และวัคซีนที่เป็นนวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง เรารู้สึกเป็นเกียรติที่ได้ร่วมเป็นหนึ่งในพันธมิตรกับสภากาชาดไทย สถานเสาวภา และภาคีเครือข่ายของสภากาชาดไทย ในการสนับสนุนให้เกิดการเข้าถึงวัคซีนเอชพีวี 4 สายพันธุ์ ให้กับเยาวชนและประชากรกลุ่มเป้าหมาย อายุ 12-15 ปี รวมถึงบุคคลกลุ่มเปราะบางในประเทศไทย”
สภากาชาดไทย และบริษัท เอ็มเอสดี (ประเทศไทย) จำกัด ได้มอบหมายให้ บริษัท ซิลลิค ฟาร์มา จำกัด ดำเนินการจัดส่งวัคซีนไปยังหน่วยให้บริการและหน่วยงานเครือข่ายของสภากาชาด ได้แก่ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) สำนักอนามัย กรุงเทพมหานคร กองการต่างประเทศ กระทรวงมหาดไทย รวมถึงหน่วยงานในสังกัดสภากาชาดไทย ได้แก่ สถานเสาวภา สำนักงานบรรเทาทุกข์และประชานามัยพิทักษ์ สำนักงานบริหารกิจการเหล่ากาชาด โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ และโรงพยาบาลสมเด็จพระบรมราชเทวี ณ ศรีราชา ในการนำวัคซีนไปฉีดให้แก่ประชากรกลุ่มเป้าหมายต่อไป