น.ส.ตรีชฎา ศรีธาดา โฆษกกระทรวงสาธารณสุข ฝ่ายการเมือง พร้อมด้วย นพ.ณรงค์ สายวงศ์ และ ดร.ศศดิศ ชูชนม์ คณะที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ดร.นพ.สุรเดชช ชวะเดช นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดร้อยเอ็ด นพ.ชาญชัย จันทร์วรชัยกุล ผู้อำนวยการรพ.ร้อยเอ็ด แถลงภายหลังลงพื้นที่ติดตามการดำเนินงานตามนโยบาย 30 บาทรักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียวหลังจากวัน KICK OFF 7 ม.ค.ในจังหวัดนำร่อง 4 จังหวัด ที่ผ่านมา ว่า พณฯนายกรัฐมนตรี ติดตามการใช้บริการของพี่น้องประชาชนในการรับบริการสุขภาพ เริ่มที่จังหวัดร้อยเอ็ดซึ่งเป็น 1 ใน 4 จังหวัดนำร่องในการดำเนินการตามนโยบาย 30 บาทรักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว จึงได้มีข้อสั่งการให้นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธาณณสุข มอบทีมติดตามลงพื้นที่ทั้ง 4 จังหวัดนำร่อง ก่อนที่จะมีการขยายผลไปอีก 8 จังหวัดในเดือนมีนาคม และอีก 20 จังหวัดในเดือนเมษายน ก่อนที่จะครอบคลุมทั้งประเทศภายในปี 2567 นี้
ติดตามผลครั้งแรกหลังเริ่มโครงการ
โฆษกกระทรวงสาธารณสุขฝ่ายการเมือง กล่าวว่า การลงพื้นที่จังหวัดร้อยเอ็ดในครั้งนี้ ถือเป็นครั้งแรกหลังมีการเปิดตัวโครงการ ซึ่งหลังจากนี้จะมีการลงพื้นที่ติดตามนโยบายอีก 3 จังหวัด ได้แก่ แพร่ เพชรบุรี และ นราธิวาส ซึ่งจากการลงพื้นที่จ.ร้อยเอ็ด พบว่า นโยบาย 30 บาทรักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียวเป็นนโยบายที่สามารถดำเนินการให้เกิดผลเป็นรูปธรรมได้อย่างชัดเจน ประชาชนได้รับความสะดวกสบายมากขึ้นในการเข้ารับบริการที่สถานพยาบาลได้ทุกที่ในจังหวัดร้อยเอ็ด โดยไม่ต้องเดินทางมารับบริการในโรงพยาบาลใหญ่ในเมือง ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในการเดินทางได้มาก และยังสามารถรับยาที่บ้าน โดยการจัดส่งทางไปรษณีย์และ อสม.ไรเดอร์
“สิ่งที่ประชาชนพึงพอใจมากที่สุดนอกจากความสะดวกสบายแล้ว จากการสอบถามพี่น้องประชาชนชาวจังหวัดร้อยเอ็ด 100 % มีความสบายใจที่รัฐบาลสามารถปลดล็อกปัญหาเรื่องใบส่งตัวในการเข้ารับการรักษาพยาบาลได้ โดยประชาชนในจังหวัดร้อยเอ็ดเกือบ 100 % มีการลงทะเบียนยืนยันตัวตนที่เรียกว่า Health ID ที่เพียงแค่เสียบบัตรประชาชนที่ตู้คีออสของโรงพยาบาลทุกแห่งในร้อยเอ็ด แพทย์ พยาบาลก็สามารถที่จะเห็นประวัติการรักษา ทำให้สามารถทำการรักษาได้อย่างรวดเร็วมากขึ้น”โฆษกกระทรวงสาธารณสุขฝ่ายการเมือง กล่าว
ประชาชนยืนยันตัวตนแล้ว กว่าหกแสนราย
น.ส.ตรีชฎา ยังกล่าวอีกว่า หลังจากมีการ KICK OFF โครงการ “30 รักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว” โดยพณฯนายกรัฐมนตรี นายเศรษฐา ทวีสิน และ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ในฐานะรองประธานคณะกรรมการพัฒนาระบบสุขภาพแห่งชาติ ไปเมื่อวันที่ 7 มกราคม 2567 ที่ผ่านมา ในส่วนของจังหวัดร้อยเอ็ดขณะนี้ ได้รับข้อมูลว่า สามารถเชื่อมโยงข้อมูล PHR ครบทุกแห่งในเครือข่ายสุขภาพ ประวัติสุขภาพอิเล็กทรอนิกส์, สมุดสุขภาพ ในระบบ MOPH Data Hub ของประชาชน ได้ครบ 100 % และ มีประชาชนผู้ลงทะเบียนยืนยันตัวตนหรือ Health ID ผ่านแอปพลิเคชันหมอพร้อมแล้ว จำนวน 604,268 คน จากประชากรเป้าหมาย 800,000 คน คิดเป็นร้อยละ 75.53 ในส่วนของบุคลากรทางการแพทย์ของจังหวัดร้อยเอ็ด สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดร้อยเอ็ด ได้ดำเนินการให้บุคลากรผู้ให้บริการ ยืนยันตัวตนเป็นผู้ให้บริการ ในระบบ Provider ID ของจังหวัดแล้ว ทั้งหมด 3,379 คน รวมทั้งมีหน่วยบริการ โรงพยาบาล คลินิกเวชกรรม ร้านยา ที่มีลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์แล้ว จำนวน 35 แห่ง ประกอบด้วย แพทย์ 190 คน ทันตแพทย์ 86 คน เภสัชกร 176 คน เทคนิคการแพทย์ 120 คน มีการออกใบรับรองแพทย์แบบออนไลน์แล้ว ทั้งหมด 257 ใบ
รับบริการแล้วกว่า เจ็ดหมื่นครั้ง
รายงานการรับบริการของประชาชนชาวจังหวัดร้อยเอ็ด ภายหลังมีการเปิดตัว Kick Off โครงการ 30 บาทรักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว มีตัวเลขดังนี้
ประชาชนเข้ารับบริการตรวจรักษาจำนวน 55,244 ราย จำนวนการรับบริการ 70,767 ครั้ง
มีการจัดส่งยาที่บ้านโดย Health Rider ซึ่งส่วนใหญ่เป็นพี่น้องอสม.แล้วถึง 709 ครั้ง
ทั้งนี้ จังหวัดร้อยเอ็ดกำลังเร่งเดินหน้าให้มีการจัดส่งยาโดย Health Rider ให้ครบ 100 % จากที่ดำเนินการได้ในปัจจุบัน 15 โรงพยาบาลจาก 20 โรงพยาบาล หรือคิดเป็น 75%
“ปัญหาอุปสรรคที่พบส่วนใหญ่เป็นปัญหาที่สามารถแก้ไขได้ โดยจังหวัดร้อยเอ็ดจะเร่งดำเนินการให้ประชาชนที่มีสมาร์ทโฟนทุกรายดาวน์โหลด Application หมอพร้อม เพื่อเชื่อมต่อการเข้ารับบริการกับสถานบริการได้อย่างสะดวกรวดเร็วมากยิ่งขึ้นพร้อมจัดทำระบบการป้องกันข้อมูลส่วนบุคคลของประชาชนให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วย” โฆษกกระทรวงสาธารณสุขฝ่ายการเมือง กล่าว
ตั้ง War Room เปิด Call Center 24 ชั่วโมง ติดตาม/แก้ปัญหา
น.ส.ตรีชฎา กล่าวอีกว่า ในส่วนที่เป็นปัญหาอุปสรรคเล็กๆ น้อย จังหวัดร้อยเอ็ดได้จัดตั้ง War Room ติดตามการดำเนินงานตามนโยบาย “30 รักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว” โดยให้มีศูนย์บริการประชาชน นโยบาย “30 บาทรักษาทุกที่” จังหวัดร้อยเอ็ด จำนวน 24 คู่สาย เพื่อรับรายงานปัญหา/เรื่องร้องเรียน พร้อมทั้งให้คำแนะนำเกี่ยวกับนโยบาย “30 บาทรักษาทุกที่” แก่ผู้รับบริการและประชาชนทั่วไป รวมทั้งจัดตั้งจุดรับเรื่องร้องเรียนกรณีเกิดปัญหาการเข้าใช้บริการมี Call Center 24 ชั่วโมง รัฐบาลและกระทรวงสาธารณสุขขอให้ประชาชนอีกหลายๆพื้นที่อดใจรออีกนิดเดียว รัฐบาลและกระทรวงสาธารณสุขจะพัฒนาและขยายการบริการให้พี่น้องประชาชนสามารถใช้บริการ 30 บาทรักษาทุกที่ทั้งประเทศภายได้สิ้นปี 2567 ได้อย่างแน่นอน นางสาวตรีชฎา กล่าวทิ้งท้าย